12

ตอนที่ 12



 

 ก็อาการที่ลีแสดงออกมานี่ ไม่ได้หมายความว่าลี หึง’ หรอกหรือ

“สวัสดีค่ะ หญิงสาวนิรนามเอ่ยด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แววตาที่ทอดมองมายังใบหน้าของบราลีนั้นบ่งบอกแววสงสัยอยู่มิใช่น้อย “คุณ...เอ่อ...คุณบราลีใช่ไหมคะ”

“ค่ะ” อดีตดาราสาวพยักหน้า “แล้วน้องคือ...”

“หนู...กุ๊บกิ๊บค่ะ” เธอยิ้มแฉ่ง ก่อนจะก้มลงมองตัวเองแล้วดึงสาบเสื้อคลุมอาบน้ำให้มิดชิดขึ้น “ขอโทษค่ะ แต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่ทราบว่าคุณบราลีมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“อะ...เอ่อ...คือ...” บราลีอ้ำอึ้ง ด้วยไม่แน่ใจว่าจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับกวินแก่หญิงสาวคนนี้ได้หรือเปล่า เพราะหากผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์กับกวินอย่างลึกซึ้งเหมือนอย่างที่เธอเห็นและเข้าใจไปเองอยู่ตอนนี้ ก็อาจจะมีเรื่องหึงหวงอื้อฉาวเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็คงเป็นภาพไม่ดีนักต่อสถานภาพของเธอในเวลานี้

“คือฉันเป็น...”

“เป็นภรรยาของเจ้าของที่นี่” กุ๊บกิ๊บเอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่เปิดโอกาสให้เธอแสดงตัวออกไป ซึ่งก็เป็นการดีที่จะไม่ต้องพูดกันให้มากความ

บราลีเผยยิ้ม “ค่ะ...ฉันจะมาสอบถามความพึงพอใจของการบริการน่ะค่ะ”

“แหม...เจ้าของมาเองเลยนะคะ”

“พอดีคุณเปลวเทียนเป็นแขกสำคัญของสามีฉันค่ะ” เธอออกตัวก่อนจะชะเง้อหาเจ้าของห้อง “แล้วนี่คุณกวินอยู่หรือเปล่าคะ”

“ไม่อยู่หรอกค่ะ พี่เปลวเทียนไปธุระข้างนอก” กุ๊บกิ๊บตอบ ก่อนจะแสยะยิ้มแปลกๆ “คุณบราลีมีอะไรถามหนูก็ได้นะคะ”

“เอ่อ...ดะ...ได้หรือคะ”

“ได้สิคะ” เธอพยักหน้าแข็งขัน ก่อนจะเอ่ยถึงความพึงพอใจในสถานที่ออกมาอย่างรื่นเริง “หนูว่าห้องพักที่นี่ดีมากเลยค่ะ เตียงก็นุ่มเด้งดึ๋งดี ห้องอาบน้ำก็กว้างขวาง ถ้ามาเป็นคู่คงอาบน้ำด้วยกันสบายเลย แถมด้านหลังยังมีสวนติดแม่น้ำเอาไว้จัดปาร์ตี้ได้อีก คะแนนเต็มสิบหนูให้สิบเลยค่ะ”

บราลีถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบที่ได้รับฟัง ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอเมื่อรู้สึกตัว เธอฝืนยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะค้อมศีรษะเล็กน้อยตามมารยาท

“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนแล้วนะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

หญิงสาวค้อมศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะรีบหมุนตัวหันหลังให้สาวในชุดคลุมอาบน้ำ จากนั้นก็รีบเดินกลับไปที่รถกอล์ฟแล้วขับออกจากบริเวณบ้านพักของกวินทันที

บราลีขับรถเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ทางแยกระหว่างบ้านกับที่ทำงานอย่างชั่งใจว่าจะไปทางไหนดี

‘หนูว่าห้องพักที่นี่ดีมากเลยค่ะ เตียงก็นุ่มเด้งดึ๋งดี ห้องอาบน้ำก็กว้างขวาง ถ้ามาเป็นคู่คงอาบน้ำด้วยกันสบายเลย’

เสียงของกุ๊บกิ๊บดังก้องสะท้อนอยู่ในหัวของเธอ บราลีกัดฟันด้วยความรู้สึกขึ้งเคียด

“นี่คงเด้งดึ๋งกันทั้งคืนละสิ...ฮึ” บราลีพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงด้วยความรู้สึกโมโห ก่อนจะขับรถกอล์ฟเลี้ยวขึ้นเนินกลับบ้านของตัวเองอย่างฉุนเฉียวที่อุตส่าห์เคลียร์งานทุกอย่างให้เรียบร้อย แม้จะเป็นวันที่ยุ่งมากก็ตาม เพื่อที่จะได้ไปร่วมงานปาร์ตี้กับกวินและตาเบบูญ่าซึ่งเขาบอกว่าเป็นเพื่อนผู้ชาย

แต่ที่เห็นกลับไม่ใช่

‘ผู้ชายอะไร กะล่อนไม่มีใครเหมือน พาผู้หญิงมานอนด้วยแล้วยังหลอกให้เราไปดูอีกต่างหาก...ฮึ’

กวินจามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังจากจอดรถที่หน้าอาคารกลางของรีสอร์ต ก่อนจะจามออกมาติดๆ กันอีกถึงสามครั้ง

“ใครนินทาวะ” ชายหนุ่มบ่นอุบ ยกนิ้วขึ้นถูจมูกฟุดฟิด ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ กับความเชื่อโบร่ำโบราณของตน

เขาเลิกสนใจอาการคันจมูกแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถ ตรงดิ่งไปยังล็อบบีของรีสอร์ตซึ่งตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายซึ่งพากันส่งเสียงล้งเล้งจนเขารู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศไหน

นักเขียนหนุ่มเดินลัดเลาะเหล่านักท่องเที่ยวเหล่านั้นไปจนกระทั่งถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก่อนจะไปยืนเท้าแขนต่อหน้าชมพู่ที่กำลังดูวุ่นวายอยู่กับการจัดสรรห้องพัก

ประชาสัมพันธ์สาวเงยหน้ามองเขาก่อนจะเผยยิ้มออกมา “อ้าว...พี่วิน”

“ผมมารับเครื่องปิ้งบาร์บีคิวครับ”

“อ๋อ ค่ะ” เธอพยักหน้าก่อนจะชี้ไปยังมุมห้องโถงที่ติดกับประตูทางออก “อยู่นั่นน่ะค่ะ ต้องขอโทษทีนะคะที่เอาไปให้ไม่ได้จริงๆ”

ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปที่เหล่านักท่องเที่ยว “ไม่เป็นไรหรอกครับ เห็นๆ อยู่ว่างานเยอะ”

“ค่ะ วุ่นกันตั้งแต่บ่ายแล้วละค่ะ”

กวินพยักหน้า ก่อนจะชะเง้อไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นส่วนของสำนักงาน “แล้วนี่คุณบราลีเธอทำงานอยู่หรือครับ”

“คุณลีหรือคะ” ชมพู่ย้อนถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ “ออกไปเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ เห็นบอกว่าจะไปธุระ พี่วินมีอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวชมโทร.หาคุณลีให้เอาไหม”

กวินยิ้มเจื่อนก่อนจะโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ อืม...ขอบคุณสำหรับเครื่องปิ้งบาร์บีคิวนะครับ”

“ค่ะ” สาวน้อยยิ้มสดใสให้เขา แม้จะดูวุ่นวายมากก็ตาม

ชายหนุ่มโบกมือให้ ก่อนจะเดินไปยกสิ่งที่ต้องการไปไว้ในช่องเก็บของท้ายรถ จากนั้นก็กลับขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยด้วยรอยยิ้มที่เกลื่อนอยู่บนใบหน้า

ตอนนี้บราลีอาจจะไปถึงบ้านพักของเขาแล้วก็ได้

แต่แล้วดวงหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มของกุ๊บกิ๊บกลับผุดขึ้นมาในสมอง กวินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่บ้านพักของเขาตามลำพัง ถ้าเกิดบราลีไปพบเธอเข้าล่ะ

“ตายละวา” กวินโพล่งออกมา ก่อนจะรีบบิดกุญแจสตาร์ตรถแล้วรีบขับกลับไปบ้านพักทันที

เขาขับรถอย่างเร่งร้อนแต่ก็ไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย เมื่อรถจอดสนิทหน้าที่พัก ชายหนุ่มก็รีบกระโดดลงจากรถแล้วดิ่งตรงไปยังสวนหลังบ้าน ก่อนจะต้องผงะเมื่อเห็นว่าแฟนคลับของฟ้าครามกำลังนั่งเสียบไม้บาร์บีคิวอยู่ด้วยชุดคลุมอาบน้ำ...ของเขา

“อ้าว พี่เปลวเทียน” เจ้าหล่อนโบกมือยิ้มแย้มแจ่มใส

กวินเดินตรงเข้าไปหาเธอด้วยความงุนงง ระหว่างทางก็เหลียวซ้ายแลขวามองหาบราลีไปด้วย แต่กลับไม่เห็นเธอเลยแม้แต่เงา

“กุ๊บกิ๊บ...เอ่อ...ทำไมใส่ชุดคลุมอาบน้ำล่ะครับ”

“อ๋อ...บังเอิญกิ๊บทำซอสเลอะเสื้อน่ะค่ะ เลยเอาไปล้าง ตากอยู่โน่นแน่ะ”

เธอพยักพเยิดไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีเสื้อยืดเปียกปอนแขวนอยู่ ก่อนจะหยิบผ้ามาเช็ดมือแล้วลุกขึ้นยืนหมุนตัวไปมา

“กิ๊บกลัวโป๊น่ะค่ะ ก็เลยขอยืมเสื้อคลุมของพี่มาใส่ก่อน ไม่ถือนะคะ”

“มะ...ไม่หรอกจ้ะ” เขาฝืนยิ้ม “แล้ว...เมื่อกี้มีใครมาหาพี่หรือเปล่า”

เจ้าหล่อนใช้นิ้วแตะคางทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่มีนี่คะ”

คำตอบที่ได้รับทำให้กวินถึงกับเป่าปากอย่างโล่งใจ อย่างน้อยบราลีก็ไม่เห็นกุ๊บกิ๊บในสภาพแบบนี้ แต่ก็ยังอดนึกเสียใจอยู่เล็กน้อยไม่ได้ที่เธอไม่มาตามคำชวนของเขา

ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ...บางทีเธออาจมีธุระสำคัญอย่างอื่นมากกว่าจะมาปาร์ตี้ที่เสี่ยงต่อการรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าก่อนกับเขากระมัง

“เพื่อนพี่จะมาหรือคะ”

“เอ่อ...สงสัยไม่มาแล้วมั้ง” เขาตอบอ้อมแอ้ม

“อ้าว แล้วของพวกนี้ทำยังไงล่ะคะ เยอะแยะเลย”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “สงสัยต้องแช่ตู้เย็นเอาไว้ก่อนละ”

“เสียดายจัง” กุ๊บกิ๊บทำปากจู๋ ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ “นึกออกแล้ว”

“อะ...อะไรจ๊ะ” กวินเอ่ยถามด้วยความหวั่นใจ

“เราก็จัดปาร์ตี้มีตแอนด์กรี๊ดกับเปลวเทียนสิคะ”

“มะ...มีตแอนด์กรี๊ด” ชายหนุ่มทวนคำ

“ใช่ค่ะ” กุ๊บกิ๊บพยักหน้า ยิ้มแฉ่งให้เขา “เดี๋ยวหนูโพสลงเฟซ แป๊บเดียว รับรองได้ว่าแฟนคลับแถวนี้มากันเพียบ”

“เอ่อ...ไม่ดีมั้งครับ พี่เกรงใจแขกคนอื่นเขาน่ะ”

“แหมๆๆ...ตอนแรกพี่ก็จะมีงานปาร์ตี้กันอยู่แล้วนี่คะ”

“แต่นั่นมันไม่กี่คนนี่ครับ เป็นไพรเวตปาร์ตี้ ไม่ใช่มีตแอนด์กรี๊ด”

“เอาน่า จะไพรเวต ป่าเวต มันก็ปาร์ตี้เหมือนกันนั่นแหละค่า” กุ๊บกิ๊บบอกอย่างดื้อดึง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม “เดี๋ยวกิ๊บจัดการเอง พี่เปลวเทียนอยู่เฉยๆ”

“แต่...”

ไม่ทันที่เขาจะทักท้วงอะไร หญิงสาวก็กดปุ่มบนโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็วทั้งที่ไว้เล็บเสียยาวเฟื้อยและตกแต่งแฟนซีอย่างสวยงามก็ตาม จนกระทั่งเสร็จจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งให้เขา

“เรียบร้อยค่ะ รับรองอีกไม่เกินชั่วโมงได้มีตแอนด์กรี๊ดกันสนั่นแม่น้ำแควแน่ๆ ค่ะ”

พูดจบเจ้าหล่อนก็ทรุดตัวลงนั่ง หยิบเนื้อมาเสียบไม้พร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้เขายืนอ้าปากค้าง ไม่อาจพูดคัดค้านอะไรออกมาได้

‘ไอ้กัปปะนะไอ้กัปปะ ทำเรื่องแล้วเปิดตูดหนีไปเสียได้...ไอ้เวรเอ๊ย’

เสียงโทรศัพท์ทำให้บราลีต้องละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่ เธอวางคว่ำหน้าหนังสือที่อ่านค้างลงบนเตียง ก่อนจะเดินไปหยิบหูโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู แล้วกรอกเสียงลงไปทันที เพราะรู้ได้จากเสียงเพลงว่าใครโทร.มา

“สวัสดีค่ะคุณพี่”

“สวัสดีจ้ะ หนูลี” อมรเอ่ยด้วยน้ำเสียงแจ่มใสและหัวเราะด้วยความครื้นเครง

“แหม...เสียงแบบนี้แสดงว่างานราบรื่นใช่ไหมคะ”

“ใช่ๆ การร่วมทุนกับบริษัทที่ญี่ปุ่นเป็นไปด้วยดี อีกสองสามวันก็จะแถลงข่าวแล้วก็เซ็นสัญญากันแล้ว”

บราลีคลี่ยิ้ม “ยินดีด้วยนะคะ”

“จ้ะ” อมรหัวเราะเสียงดัง “เออ...แล้วนี่คุณเปลวเทียนเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”

“ก็ดีค่ะ เห็นบอกว่าจะรอคุณพี่กลับ จะได้สัมภาษณ์ด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูก้าวออกไปยืนที่ระเบียงห้อง ทอดสายตาไปยังบ้านพักริมน้ำก็เห็นแสงไฟและเสียงครึกครื้นอึกทึกดังแว่วมา ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงของหญิงสาวแทบทั้งสิ้น

‘ชิ...ขนกันมาเสวยสุขกันเลยหรือนี่’

“งั้นก็ฝากบอกคุณเปลวเทียนด้วยนะว่า หลังเซ็นสัญญากับบริษัทที่นี่เรียบร้อย ฉันจะรีบกลับ”

“ได้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะ วันนี้ประชุมเครียดทั้งวัน อยากไปออนเซนสักหน่อย”

“ค่ะ...สวัสดีค่ะ” บราลีเอ่ย ก่อนจะกดปุ่มวางสายแล้วทอดตามองไปยังบ้านพักหลังเล็กริมน้ำซึ่งยังไม่สิ้นเสียงแหววแว่วแผ่วมา

“ดูอะไรอยู่หรือลูก”

คราวนี้เป็นเสียงของมารดาที่ทำให้บราลีสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองผู้สูงวัยเดินมายืนเคียงแล้วยิ้มให้

“นักเขียนคนโปรดของคุณอมรค่ะ สงสัยวันนี้คงมีปาร์ตี้กัน”

ลีลาวดีหัวเราะเบาๆ “ท่าทางเจ้าสำราญแบบนั้น ไม่แปลกหรอก”

บราลีขมวดคิ้ว มองมารดาด้วยความหวั่นใจ “ท่าทางเจ้าสำราญ เอ่อ...แม่เจอเขาแล้วหรือคะ”

“เจอแล้ว”

หญิงสาวถึงกับอึ้ง หน้าซีดเผือดขึ้นมา

“งงอะไรล่ะ เมื่อวานตอนสายๆ แม่เอาข้าวต้มที่ลีทำไปให้ ท่าทางเหมือนเมื่อคืนจะเมาหนัก เวลาพูดนี่กลิ่นเบียร์โชยมาเลย ตอนบ่ายไปดูอีกทีก็ยังเห็นหลับสบายอยู่อีก พวกศิลปินก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ตอนสายกับตอนบ่าย” เธอทวนคำอย่างนึกแปลกใจ

“อือ” ลีลาวดีพยักหน้า “อยากเห็นหน้านักเขียนคนดังสักหน่อย”

“แต่แม่ไม่เคยอ่านหนังสือนิยายนี่คะ”

“เอาน่าๆ” ผู้เป็นแม่โบกมือเหมือนกลบเกลื่อน “ขนาดคุณอมรยังชอบ แม่ก็อยากเห็นหน้าบ้างสิ ไม่เอาละ แม่ง่วงแล้ว ไปนอนละ”

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะแม่”

“เออ” หญิงสูงวัยพยักหน้า “แม่เอานมมาให้ อยู่บนโต๊ะทำงานนะ ก่อนนอนก็ดื่มสักหน่อยก็แล้วกัน”

“ค่ะแม่” หญิงสาวรับคำ มองดูมารดาเดินออกไปจากห้อง ก่อนจะหันกลับไปมองบ้านพักริมน้ำด้วยความแปลกใจ

นักเขียนที่มารดาของเธอพบนั้นคงจะไม่ใช่กวินแน่ เพราะถ้าหากใช่ มารดาของเธอก็ควรจะมีปฏิกิริยาอะไรมากกว่านี้

บราลีนึกถึงระยะหลัง ก่อนที่กวินจะโทร.มาบอกเลิกเธอ ท่าทีของมารดาที่มีต่อกวินนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสใส่กันกลับกลายมาเป็นตีสีหน้าเรียบเฉย จนเมื่อรู้ว่าเขาขอเลิกกับเธอ มารดาของเธอก็ถึงกับสาปส่งเขาและกำชับไม่ให้ติดต่อกันอีก

หากมารดาของเธอพบเขาที่นี่ เมื่อครู่ก็คงจะไม่มีท่าทีที่นิ่งเฉยอย่างนั้นกระมัง

‘...ตอนบ่ายไปดูอีกทีก็ยังเห็นหลับสบายอยู่อีก พวกศิลปินก็เป็นแบบนี้แหละ’

คำพูดประโยคนั้นยิ่งย้ำเตือนว่านักเขียนที่มารดาของเธอพบนั้นไม่ใช่กวินแน่ เพราะตอนบ่ายวานนี้ เขากับเธออยู่ที่น้ำตกเอราวัณ ไม่มีทางที่เขาจะนอนอยู่ในบ้านให้มารดาของเธอเห็นแน่ๆ

“หรือว่าตาเบบูญ่าจะเป็นผู้ชายเหมือนอย่างที่วินบอกจริงๆ” บราลีงึมงำกับตัวเอง เผลอยิ้มออกมา ก่อนจะชะงักแล้วหุบยิ้ม เหลือบมองค้อนไปทางบ้านพักริมน้ำด้วยความขึ้งเคียด

“เชอะ...ถ้าไม่มาอธิบายเอง ลีไม่ยกโทษให้หรอกนะ” พูดจบบราลีก็สะบัดหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้องนอน ปิดประตูลงกลอนแล้วเดินไปดื่มนมที่มารดานำมาให้ ก่อนจะไปทรุดตัวนอนอ่านหนังสือบนเตียงต่อ จนกระทั่งผล็อยหลับคาหนังสือเล่มนั้นจนถึงรุ่งเช้า

กวินลืมตาขึ้นพร้อมกับอาการมึนงงอย่างคนนอนไม่พอ เขาลุกขึ้นนั่งมองรอบกายอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลุกเดินไปหลังบ้าน แล้วก็ถึงกับถอนใจออกมาเมื่อเห็นเศษซากของงานปาร์ตี้กระจายเกลื่อนสนามหญ้าไปหมด

‘ปาร์ตี้มีตแอนด์กรี๊ดกับเปลวเทียน’

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะค่อยๆ เดินเก็บขยะใส่ถุงดำใบใหญ่ แทนการปั่นจักรยานออกกำลังยามเช้า โชคดีที่เขาตัดสินใจใช้จานกระดาษ ทำให้ไม่ต้องเก็บล้างอะไรมาก จับทุกอย่างเทใส่ขยะให้หมดก็เป็นอันเรียบร้อย จะมีที่หนักหน่อยก็เครื่องปิ้งบาร์บีคิวเท่านั้นที่จะต้องล้างทำความสะอาดเสียก่อน จึงค่อยนำไปคืน

เมื่อล้างเสร็จแล้ว เขาก็นำอุปกรณ์ทั้งหมดไปตากแดดซึ่งวันนี้แรงพอที่จะให้เขาเหงื่อโชกได้ ระหว่างรอแห้ง กวินก็กลับขึ้นบ้าน อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยชุดเสื้อยืดโปโลสีน้ำเงินกับกางเกงยีน ก่อนจะกลับลงมาเก็บอุปกรณ์ทำบาร์บีคิวกลับเข้ากล่อง จากนั้นก็นำไปใส่เอาไว้ในช่องเก็บของหลังรถ

เมื่อกวินขับรถไปถึงอาคารหลังใหญ่ เขาก็เปิดกระโปรงหลังแล้วหอบหิ้วเอาเครื่องปิ้งบาร์บีคิวออกมา นายเข้มคนขับรถของบราลีเมื่อเห็นเขาก็รีบกุลีกุจอเข้ามาช่วยยกเป็นการใหญ่ ทำให้เขารู้ว่าผู้เป็นเจ้านายจะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน

“เอาไปไว้ที่ครัวเลยนะพี่เข้ม” ชมพู่เอ่ยเมื่อเห็นคนขับรถหนุ่มยกอุปกรณ์ทำบาร์บีคิวเข้าไป ก่อนจะปลีกตัวเดินเข้ามาหาเขา “พี่วินทำไมไม่โทร.มาล่ะคะ ชมจะได้ให้พี่เข้มไปเอา ไม่ต้องลำบากขนมาถึงที่นี่”

“ไม่เป็นไรหรอก ว่าจะมาหาคุณบราลีด้วยน่ะ”

“คุณลีหรือคะ” หญิงสาวย้อนถามหน้าตาบ้องแบ๊ว

“เอ่อ...ครับ” กวินยิ้มเจื่อน ก่อนจะเอ่ยเฉไฉไปอย่างเฉพาะหน้า “พอดีว่าอยากจะถามข้อมูลเกี่ยวกับกิจการของคุณอมรสักหน่อยน่ะครับ”

“อ๋อค่ะ คุณลีเธออยู่ในห้องทำงานน่ะค่ะ รอสักครู่นะคะ” ชมพู่เอ่ยก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายภายในไปยังห้องทำงานของเจ้านาย และบอกถึงจุดประสงค์ของเขา

เธอพยักหน้าอยู่สองสามครั้งจนกระทั่งวางหูโทรศัพท์ลงจึงเดินกลับมายิ้มให้เขา “เชิญค่ะ เดี๋ยวชมพาไป”

“ขอบคุณครับ”

ชมพู่เดินนำเขาไปยังห้องด้านหลังเคาน์เตอร์ เคาะประตูสองสามครั้ง เมื่อเจ้าของห้องอนุญาต จึงเปิดประตูออกแล้วผายมือเชื้อเชิญเขา

กวินขอบคุณเธออีกครั้ง ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของบราลี เธอกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย

บราลีเงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าเธอดูเฉยชาชอบกล เขาไม่แน่ใจว่าเธอยังโกรธเรื่องที่น้ำตกอยู่หรือเปล่า แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเมื่อเธอเชื้อเชิญให้เขานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ

“ขอบใจนะจ๊ะชมพู่ มีอะไรก็ไปทำเถอะ”

ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มเจื่อน ก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างอ้อยอิ่ง บราลีรอจนกระทั่งชมพู่ปิดประตูลงเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยถามกับเขาด้วยเสียงเข้ม

“ชมพู่บอกว่าคุณมีเรื่องเกี่ยวกับกิจการของคุณอมรที่อยากจะถามหรือคะ”

คำสรรพนามที่ห่างเหินของเธอนั้น ทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าเธอยังโกรธเขาอยู่ และคงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่เธอไม่ยอมไปงานปาร์ตี้ที่บ้านพักริมน้ำด้วยแน่

“เปล่า” กวินส่ายหน้า

บราลีขมวดคิ้ว ก่อนจะเหยียดยิ้มขรึมๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีคนโกหก ไม่คุณก็ยายชมพู่”

“อย่าไปโทษชมพู่เลย วินเองแหละที่โกหก”

“ทำไมคะ” เธอเอ่ยถามเสียงขรึม

“วินอยากมาถามอะไรบางอย่างกับลี”

“ถามอะไรค่ะ ทำไมต้องโกหกด้วย หรือว่าคุณโกหกจนชินแล้ว”

กวินรู้สึกได้เลยว่าเธอกำลังประชดเขา “ลีโกรธที่วินกอดลีหรือ”

หญิงสาวสะอึก สีหน้าแดงเรื่อขึ้นไม่รู้เพราะโกรธหรืออะไรกันแน่ “อย่าเอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก ใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี”

“ถ้าอย่างนั้นลีก็บอกวินก่อนสิว่าโกรธวินหรือเปล่า ที่วินกอดลีเมื่อวันก่อนน่ะ”

บราลีตวัดสายตามองจ้องเขาอย่างเย็นชา “ถ้าฉันบอกว่าไม่โกรธคุณ ฉันก็คงจะเป็นผู้หญิงไม่ดี มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ยังยินดีที่จะให้ผู้ชายคนอื่นกอดน่ะสิ”

“แปลว่าลีโกรธวิน”

หญิงสาวถอนหายใจคล้ายตัดปัญหา ก่อนจะเบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่น “เอาเป็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ถือสาหาความก็แล้วกันค่ะ”

กวินถอนหายใจบ้าง แล้วเอนหลังพิงพนักอย่างถอดใจ “มิน่าล่ะ เมื่อวานลีถึงไม่ไปงานปาร์ตี้บาร์บีคิว”

บราลีหันมามองเขา เธอเหยียดยิ้มแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “ใครบอกว่าลีไม่ได้ไป”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว การสลับสรรพนามกลับไปกลับมานั้นทำเอาเขารู้สึกสับสนว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ แต่ที่งุนงงกว่านั้นก็คือ คำพูดของเธอที่เขาได้ยินนั้นช่างขัดกับสิ่งที่เขาได้ยินจากปากของกุ๊บกิ๊บ แม่แฟนคลับจอมป่วนของฟ้าครามอย่างสิ้นเชิง

“ลีหมายความว่าไง”

คำถามนั้นทำให้บราลีถึงกับชะงักมองเขานิ่ง แววตาของเธอสั่นไหวราวกับนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูดออกมา

“เมื่อวาน...ลีไปที่บ้านพักของวินมาหรือ” เขาเอ่ยถามย้ำอย่างต้องการจะรู้คำตอบให้ได้

หญิงสาวหน้างอขึ้นมา ก่อนจะกอดอกสะบัดหน้าไปทางอื่นอีกด้วยท่าทางขึ้งเคียด “ก็ไปมาน่ะสิ เลยได้รู้ว่าวินโกหกลี”

“โกหก” เขาทวนคำอย่างงุนงง

“ไม่ต้องมาทำไก๋เลย วินบอกว่าตาเบบูญ่าเป็นผู้ชาย แต่คนที่เปิดประตูให้ลีเป็นผู้หญิง แล้วก็ไม่สวมผ้าผ่อนเสียด้วย...ฮึ”

กวินอ้าปากค้าง นึกถึงกุ๊บกิ๊บในชุดคลุมอาบน้ำขึ้นมาทันที สมองของเขาปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ท่าทางขึ้งโกรธของบราลีจะทำเอาเขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“นี่...ยังจะมาหัวเราะอีก” บราลีแหว

ชายหนุ่มยิ้มนิ่งๆ อย่างไม่คิดที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ แล้วนั่งมองดูอาการของเธอที่มีต่อเรื่องกุ๊บกิ๊บด้วยความพึงใจ

“ยิ้มอะไร”

“วินดีใจน่ะสิ ถึงได้ยิ้ม”

หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะทำหน้าบึ้ง จ้องเขาเขม็งด้วยความขึ้งโกรธ “ดีใจที่ยั่วให้ลีโกรธได้ใช่ไหม...ใจร้าย”

เขาหัวเราะ “เปล่า วินไม่ได้ดีใจที่ยั่วลีได้ แต่วินดีใจที่ได้รู้ว่าลียังมีความรู้สึกดีๆ ให้วินอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงต่างหากล่ะ”

“วินหมายความว่ายังไง” บราลีเอ่ยถามเสียงเข้ม ก่อนจะสะอึกชะงักนิ่งไปเมื่อเขาตอบออกไป
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น