7

เคลือบแคลง

เคลือบแคลง

 

วาดฟ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนเช้าพร้อมกับอาการปวดหัว เธอนิ่วหน้า ค่อยๆ ลืมตา ความทรงจำสุดท้ายคือพี่ภีมอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน เป็นโมเมนต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานนับตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ได้อยู่ใกล้ชิดเขาชนิดที่ว่าได้ยินเสียงลมหายใจ เธอรู้สึกดีจึงต้องแกล้งหลับต่อ แล้วหลับไปจริงๆ ตอนไหนก็มิอาจทราบได้

ร่างเล็กก้มมองสำรวจตัวเอง เธออยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง ไม่ใช่ห้องนอนของภาวัฒน์อย่างที่แอบหวังไว้ซะหน่อย

แต่นั่นแหละ...มันก็แค่หวัง

หญิงสาวทำปากยื่น หอบสังขารไปอาบน้ำชำระร่างกายหลังจากนอนเน่าหนอนมาทั้งคืน ตั้งใจว่าจะเลิกหลบหน้าว่าที่สามีเพราะมันเปล่าประโยชน์แถมยังเสียเวลาทำคะแนนอีกด้วย

“น้ำฝรั่งแก้แฮงก์ค่ะคุณวิว” 

ร่างท้วมในชุดเมดนำน้ำฝรั่งเย็นๆ ในแก้วใสมาเสิร์ฟให้เจ้านายสาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารพลางกุมขมับด้วยท่าทางอิดโรย

“ขอบคุณนะคะ” วาดฟ้ากล่าวขอบคุณเสียงแหบแห้ง ยกแก้วน้ำฝรั่งขึ้นดื่มรวดเดียวหมด 

“ชื่นใจจังเลยค่ะ” เธอฉีกยิ้มตาหยี รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใด ทว่าไม่นานกลับแทนที่ด้วยความสงสัย

“พี่ดวงรู้ได้ไงคะว่าเมื่อคืนวิวดื่มเหล้ามา”

“คุณภีมบอกพี่ตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะว่าเมื่อคืนคุณวิวดื่มเหล้า น่าจะแฮงก์หนักก็เลยให้พี่เตรียมเครื่องดื่มแก้แฮงก์ไว้ให้” 

คำตอบของดวงพรสร้างความพึงพอใจให้แก่หญิงสาวยิ่งนัก ใบหน้าอิดโรยพลันมีชีวิตชีวาราวกับดอกไม้ได้น้ำค้างยามเช้า

‘พี่ภีมเป็นห่วงเราด้วย’ วาดฟ้าอยากจะกรีดร้องดีใจแล้ววิ่งเข้าไปกอดดวงพรให้ตัวลอย แต่ทำแบบนั้นก็คงไม่ต่างอะไรจากคนเสียสติ 

นี่แหละเธอ คนคลั่งรักแห่งศตวรรษ ถึงเขาใจร้ายแสนสาหัส แค่มาทำดีด้วยนิดหน่อยเธอก็พร้อมเดินวนกลับเข้าไปรักเขาเหมือนเดิม เป็นวังวนของแท้ที่ไม่ว่าจะภพชาติไหนก็เหมือนถูกสาปให้มูฟออนไม่ได้

“พี่ภีมไปทำงานแล้วเหรอคะ”

“ยังหรอกค่ะ นี่เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงแน่ะ”

แม่บ้านสาวใหญ่กล่าวอย่างนุ่มนวล ขณะกำลังสาละวนเตรียมอาหารเช้าอยู่ตรงครัวชุดเล็ก ซึ่งมีไว้ทำอาหารง่ายๆ เบาๆ เสิร์ฟบนเคาน์เตอร์หรือโต๊ะอาหารในห้องรับแขก ส่วนห้องครัวชุดใหญ่เชื่อมกับห้องนอนของเธอ ครัวส่วนนั้นมักใช้ทำอาหารหนักๆ อย่างเช่นพวกต้มยำทำแกงเป็นต้น

“ขอกาแฟแก้วหนึ่งครับพี่ดวง”

เสียงของภาวัฒน์ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้วาดฟ้าสะดุ้งเฮือก รีบหันไปมองเขาลนลาน พลางส่งยิ้มแหยๆ ให้ วันนี้เขาสวมสูทพอดีตัวพร้อมไปทำงาน บวกกับเบ้าหน้าฟ้าประทานที่ทำให้เขาดูเหมือนพระเอกที่หลุดออกมาจากโลกการ์ตูน

“เดี๋ยววิวไปชงกาแฟให้พี่ภีมเองนะคะ” หญิงสาวขันอาสา รีบลุกไปชงกาแฟให้เขาอย่างต้องการจะเอาใจเพื่อไถ่โทษเรื่องเมื่อคืน

รองประธานหนุ่มแห่งบริษัทอสังหาฯ ไม่พูดอะไร เขาเหลือบมองเธอด้วยหางตาแวบหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะอาหาร อ่านข่าวสารต่างประเทศผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ในระหว่างรออาหารเช้า

“กาแฟได้แล้วค่ะ” วาดฟ้าประคองถ้วยกาแฟหอมกรุ่นมาวางตรงหน้าว่าที่สามี

“อืม ขอบใจ” เขาตอบสั้นๆ ยังคงจับจ้องบนหน้าจอไอแพดไม่วางตา

 

บรรยากาศตอนนี้ช่างน่าอึดอัดนักในความคิดของวาดฟ้า ปกติเธอไม่ชอบความเงียบ หากต้องอยู่ในรถเพียงลำพังกับภาวัฒน์สองคน เธอจะเป็นฝ่ายชวนเขาคุยจ้อตลอด เขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่นั่นก็ยังดี มาบัดนี้เธอไม่รู้เลยว่าควรเริ่มต้นชวนเขาคุยด้วยประโยคใด

“อาหารเช้าค่ะคุณภีม คุณวิว” 

ดวงพรเอ่ยทำลายความเงียบ เสิร์ฟอาหารสไตล์อเมริกันเบรกฟาสต์ จำพวกขนมปังปิ้ง เบคอน ไส้กรอก ไข่ดาวลงบนโต๊ะอาหารสองชุด สำหรับเจ้านายสองคน เมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ตรงนี้เธอจึงเดินเลี่ยงออกไปทำอย่างอื่น เพื่อให้เจ้านายมีความเป็นส่วนตัวในการรับประทานอาหารเช้าและพูดคุยตามประสา

“เอ่อ วันนี้พี่ภีมอยากทานมื้อค่ำอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ” 

ถามเขาอย่างต้องการจะเอาใจอีก ประมาณว่าเขาอยากรับประทานอะไรวาดฟ้าทำให้ได้หมด

“ไม่รู้ นึกไม่ออก”

“งั้นเดี๋ยววันนี้วิวจะคิดเมนูคร่าวๆ แล้วส่งไปให้พี่ภีมลองเลือกดูแล้วกันค่ะ”

“หายหน้าไปตั้งสามวัน มาคุยกับพี่ได้แล้วเหรอ” ภาวัฒน์ย้อนถามกลับบ้าง คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย จ้องมองยายจอมแสบด้วยสายตาเยือกเย็น

“เปล่านะคะ วิวไม่ได้หายหน้า แค่เวลาของเราไม่ตรงกันเฉยๆ พี่ภีมก็เลยไม่ได้เจอหน้าวิวเท่านั้นเอง”

เธอแก้ตัวยาวเหยียด ตาโตแทบถลนออกมานอกเบ้า มองจากดาวอังคารยังรู้ว่าโกหก

“หึ คิดว่าพี่โง่หรือไงวิว ตอนเช้ารีบตื่นออกไปก่อน ตอนเย็นพอพี่กลับมาก็รีบหลบเข้าห้อง แบบนี้ไม่เรียกหลบหน้าให้เรียกว่าอะไร”

พอถูกเขาต้อนให้จนมุม หญิงสาวจึงถอนหายใจก่อนจะสารภาพเสียงอุบอิบ

“ก็วิวอายเรื่องคืนนั้นนี่คะ ให้สู้หน้าพี่ภีมยังไงได้”

“ไร้สาระ ทีหลังก็อย่าทำแบบคืนนั้นอีก มันไม่ได้ผล พี่ไม่มีทางมีอะไรกับคนที่พี่เห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง”

“แต่พี่ภีมก็เคยมีวันไนต์สแตนด์กับน้องนุ่งอย่างวิวไม่ใช่เหรอคะ”

“วิว!” 

“วิวพูดความจริงค่ะ ถ้าพี่ภีมคิดว่าเรื่องที่วิวหลบหน้าพี่ภีมมันไร้สาระมากนัก พี่ภีมจะมาสนใจทำไม”

กลายเป็นวาดฟ้าที่ต้อนภาวัฒน์เข้ามุมบ้าง เธอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ มือจิ้มไส้กรอกในจานกินไปพลางๆ อย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“ไม่ใช่เพราะว่าลึกๆ พี่ภีมก็แอบแคร์วิวอยู่เหมือนกันเหรอ”

“ก็ต้องแคร์สิ วิวเป็นน้องนี่” 

ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ก้มหน้ารับประทานอาหารของตัวเองต่อไป ไม่ทันได้มองคนตรงหน้าที่กำลังกลอกตามองบนทะลุเพดาน 

“วิวไปทำกรรมอะไร ถึงต้องมารักคนอย่างพี่ภีมทุกชาติแล้วไม่สมหวังแบบนี้”

เจ้าของเสียงหวานบ่นพึมพำในลำคอ ถ้อยคำแบบไม่ใส่ใจให้คนฟังได้ยินของเธอควรจะล่องลอยออกไปตามสายลม ทว่าคนหูดีอย่างภาวัฒน์กลับคว้ามันไว้เสียอย่างนั้น

“ภพชาติอะไรกัน”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วิวแค่พูดเรื่อยเปื่อย” หญิงสาวคลี่ยิ้มแปร่งแปลก รีบแก้สถานการณ์

“แต่เมื่อคืนที่วิวเมา วิวก็ละเมอพูดออกมาแบบนี้”

“อะไรนะคะ!?”

“บอกว่าพี่ใจร้ายเหมือนแสนกล้า แล้วตัวเองก็เป็นลำดวน”

“เอ่อ คือว่า”

“สองคนนี้เป็นใคร” รองประธานหนุ่มเอ่ยถามพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ   

“อ๋อ! น่ะ...นิยายน่ะค่ะ วิวอ่านนิยายมากไปหน่อย แล้วตัวพระเอกที่ชื่อแสนกล้ามันคล้ายๆ กับพี่ภีม ก็เลย...” 

“บังเอิญจังเลยนะ” เขาพูดพร้อมกับวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เงยหน้าสบตายายจอมแสบ

“เพราะพี่ดันฝันถึงสองคนนี้ โดยที่ไม่เคยอ่านนิยายที่วิวบอกด้วยสิ”

 

จักรและประไพมองลูกสาวบุญธรรมเพียงคนเดียวที่กำลังเดินวกไปวนมาภายในห้องรับแขกของบ้านราวกับหนูติดจั่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันพลางถอนหายใจ 

“ทำไมพี่ภีมฝันถึงอดีต วิวไม่อยากเชื่อเลย”

วาดฟ้าบ่นพึมพำเป็นรอบที่ร้อยได้ เธอยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด หลังจากได้ฟังคำพูดน่าเหลือเชื่อจากปากภาวัฒน์เมื่อเช้า หญิงสาวก็รีบตัดบท ขับรถมุ่งตรงกลับมายังบ้านเพื่อปรึกษาบิดามารดา

“วิวคิดว่าวิวจำชาติก่อนได้อยู่คนเดียว กลายเป็นพี่ภีมที่เริ่มจะจำได้ขึ้นมาอีกคน”

“แม่ว่าไม่แปลกนะถ้าตาภีมจะเริ่มระลึกชาติได้ ลูกกับเขาเกิดมาเจอกันอีกในชาตินี้ นั่นก็หมายความว่ามันต้องมีสัญญาผูกกรรมอะไรบางอย่างให้มาร่วมกันแก้ไข”

ประไพแสดงความคิดเห็น นางอยู่กับพระพุทธศาสนามานาน เรื่องภพชาติมีให้ได้ยินอยู่ถมเถไป แต่แทบไม่มีใครเลยที่จะจำเรื่องราวในอดีตชาติได้แม่นยำ ลูกสาวบุญธรรมของนางคงเป็นความอัศจรรย์หนึ่งในล้านคน

“วิวไม่ได้สัญญาอะไรกับเขาไว้ก่อนตาย แค่มันน่าแปลกตรงที่ว่าเหตุการณ์หลายๆ อย่างมันคล้ายกัน วิวพลาดมีอะไรกับเขา วิวรักเขามาสองชาติโดยที่เขาไม่รักตอบ จะเลิกรักก็เลิกไม่ได้ด้วยเหมือนโดนสาป”

ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงกลางระหว่างบิดามารดา ฝังใบหน้าคร่ำเครียดลงบนฝ่ามือโดยไม่ห่วงว่ามาสคาราที่บรรจงปัดขนตางอนมาจะเลอะเทอะ              

“พ่อก็บอกแล้วให้ไปปฏิบัติธรรม ไม่ก็บวชชีพราหมณ์มันเสียเลยสักสามเดือน” จักรบอกลูกสาวพร้อมกับลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างปลอบประโลม 

“วิวยังไปไม่ได้หรอกค่ะพ่อ ยังละทิ้งอะไรหลายๆ อย่างไม่ได้ ไปทั้งที่ใจเป็นกังวลคงเสียเที่ยวเปล่า” 

“แล้ววิวจะทำยังไงต่อไปล่ะฮึลูก” คนเป็นมารดาถามเสียงอ่อนโยน 

“วิวคิดไม่ออกเลยค่ะ ถ้าพี่ภีมเริ่มจำชาติได้ขึ้นมา วิวจะทำยังไงดี”

วาดฟ้าเงยหน้าจากฝ่ามือ เอียงศีรษะซบไหล่นุ่มนิ่มของผู้มีพระคุณ ทอดสายตาอ่อนแรงเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย

“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร ลูกก็เล่าความจริงทั้งหมดให้มันฟังไปเสีย ว่าลูกเป็นใครในชาติที่แล้ว เกี่ยวข้องยังไงกับมัน บางทีการเล่าความจริงออกไป ลูกกับมันอาจจะช่วยกันหาทางแก้เวรแก้กรรมที่พันผูกกันมาได้” จักรช่วยแนะนำลูกสาว

“วิวก็คิดอย่างงั้นค่ะ แต่ขืนเล่าให้พี่ภีมฟังตอนนี้เขาคงไม่เชื่อและหาว่าวิวเพี้ยน คงต้องรออีกสักพักให้เขาจำอะไรได้มากกว่านี้หน่อย”

“วิวจำได้ไหมลูก แม่กับพ่อบอกลูกเสมอตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็ก ไม่ว่าลูกจะเคยเป็นใครในอดีตมันไม่สำคัญ ปัจจุบันนี้ลูกมีชีวิตใหม่แล้ว แม่ไม่อยากให้ลูกยึดติดเอาตัวไปพัวพันกับอดีต ไม่อย่างนั้นลูกจะก้าวไปข้างหน้าได้ยังไง”

“วิวรู้ค่ะแม่ ที่ผ่านมาวิวพยายามใช้ชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดา แต่ยังมีบางเรื่องในอดีตที่ติดค้างอยู่ในใจวิว ขอให้วิวหาคำตอบให้ได้ก่อนนะคะ”

วาดฟ้าบอกผู้มีพระคุณทั้งสอง เธอคิดว่าเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น สาเหตุที่เธอยังคงฝันถึงอดีตชาติ สาเหตุที่เธอยังไม่ลืม รวมทั้งสาเหตุที่ภาวัฒน์เริ่มจำได้ นั่นหมายถึงโชคชะตาอาจกำลังรอให้เธอและภาวัฒน์ทำอะไรบางอย่างเพื่อปลดแอกสัญญาพันผูกอยู่

 

ช่วงสายๆ ของวันนี้บริษัทไม่มีงานเร่งด่วนอะไรมากนัก ภาวัฒน์จึงอาสาขับรถพามารดามารับวิตามินผิวที่โรงพยาบาลด้านสุขภาพและความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในบรรดาแก๊งเพื่อนสนิทของเขาเป็นศัลยแพทย์ประจำอยู่ที่นี่ เมื่อโอกาสเอื้ออำนวยให้พบปะพูดคุยกัน เขาจึงนัดแนะอีกฝ่ายลงมาคอฟฟีชอปบริเวณชั้นล่างของโรงพยาบาล

ภาวัฒน์สั่งกาแฟเผื่อเพื่อน นั่งรอไม่นานร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าสวมคลุมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไง” 

เมธวิน หรือว่าหมอเม กล่าวทักทายเพื่อนสั้นๆ ก่อนจะย่อกายนั่งลงบนเก้าอี้ ชื่อจริงดูยิ่งใหญ่ แต่ชื่อเล่นนั้นเรียบง่ายเสียจนเจ้าตัวนึกสงสัยว่าพ่อแม่คิดอะไรอยู่ตอนเขาเกิด

“หน้าแกดูเหี่ยวๆ นะช่วงนี้ ฉีดโบทอกซ์สักเข็มมั้ย โรงพยาบาลกำลังมีโพรโมชันอยู่พอดี” 

“เวร เจอปุ๊บก็ปากหมาใส่ฉันเลยนะไอ้หมอเม” 

รองประธานหนุ่มแห่งบริษัทอสังหาฯ บ่นอย่างเอือมระอา ใครจะรู้ว่าคุณหมอเมธวินผู้หล่อเหลาพูดจาไพเราะสุภาพน่าฟังของคนไข้ เนื้อแท้เป็นคนปากสุนัขสุดๆ โดยเฉพาะกับเพื่อนฝูง

“มีอะไรว่ามา รีบคุย สิบเอ็ดโมงฉันมีเคสผ่าตัดคนไข้นะโว้ย ไม่ได้ว่างทั้งวัน”

“เออ”

“เรื่องอะไรที่แกจะปรึกษา ถ้าให้ฉันเดา...เรื่องน้องวิวใช่มั้ยล่ะ” หมอหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม ชี้หน้าเพื่อนด้วยท่าทางคล้ายกำลังจับผิด

“อืมทำนองนั้น” เจ้าของเสียงเข้มตอบเรียบๆ

“นั่นไง! ฉันเดาถูก”

ภาวัฒน์ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นมาดูดอึกใหญ่ เสร็จแล้วจึงเริ่มเปิดประเด็นเล่า

“แกรู้เรื่องฉันกับวิวแล้วใช่ไหม”

“รู้แล้วดิวะ ไม่งั้นจะเดาถูกเหรอ ไอ้คิงมันมาเล่าให้ทุกคนฟังตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง อึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน แต่ไม่มีใครพูดหรือไปถามอะไรแก เพราะช่วงนี้ยุ่งงานกันอยู่”

เมธวินนึกย้อนไปถึงปาร์ตีในคืนนั้น วาดฟ้า น้องสาวบุญธรรมของเพื่อนรักซึ่งพวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ได้นำกับข้าวกึ่งกับแกล้มมาส่งให้ภาวัฒน์ที่คอนโด เขาและเพื่อนๆ ชักชวนให้หญิงสาวดื่มด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อดึกมากๆ พวกเขาจึงทยอยกลับ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากนั้นจะเกิดวันไนต์สแตนด์ระหว่างภาวัฒน์กับคนที่เจ้าตัวบอกว่าไม่มีทางคิดมากกว่าน้องสาว

อย่างไรก็ตามเมธวิน ชนาเทพ รวมทั้งเพื่อนอีกสองคนรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย หากย้อนเวลากลับไปได้พวกเขาจะไม่ชวนวาดฟ้าดื่มเหล้าเด็ดขาด เพราะกลายเป็นว่าพวกเขามีส่วนผิดในเรื่องดังกล่าวด้วย

“รู้แล้วก็ดี และที่ฉันจะปรึกษาแกเนี่ยมันไม่เชิงว่าเกี่ยวกับวิวโดยตรงหรอก มันเกี่ยวกับความฝันน่ะ”

“ความฝัน?” 

“ใช่ แกว่ามันเป็นไปได้มั้ยวะ ถ้าฉันฝันเห็นเรื่องราวของใครก็ไม่รู้ติดต่อกันหลายวัน แล้วฉันก็จำความฝันในแต่ละคืนได้ดีด้วย เหมือนกับว่า...” 

ภาวัฒน์ทิ้งจังหวะการเล่า เงยหน้าสบตาเพื่อนด้วยแววตาจริงจัง

“เหมือนกับว่ามันเป็นความทรงจำของฉันเอง”

“เป็นไปได้เหรอวะ นี่แกไม่ได้อำฉันเล่นใช่มั้ยไอ้ภีม” หมอหนุ่มขมวดคิ้วกังขา

“ใช่ ฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับฉัน” 

“เท่าที่ฉันเคยศึกษามา นักวิทยาศาสตร์บอกว่าคืนนึงคนเราฝันประมาณ 4-6 เรื่อง แต่ไม่นานเราก็จะลืมความฝันเหล่านั้น ยิ่งพอตื่นมาคนส่วนใหญ่ลืมความฝันทั้งหมดไปแล้วเกือบ 95% และยิ่งเป็นฝันเรื่องเดียวติดต่อซ้ำกันหลายๆ คืนก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย” 

“สรุปคือแกไม่เชื่อฉัน?”

“ฉันเชื่อแก ไม่ใช่ในทางวิทยาศาสตร์นะ แต่เป็นทางพุทธศาสตร์ตามแบบฉบับคุณเต็มฤดี”

เมธวินพูดยิ้มๆ คุณเต็มฤดีที่ว่าคือมารดาของเขาเอง ถึงแม้จะส่งลูกชายอย่างเขาให้เรียนจบเป็นถึงศัลยแพทย์ แต่เจ้าตัวดันมีความเชื่อไปทางด้านพุทธศาสตร์ควบคู่กับไสยศาสตร์เสียมากกว่า 

“ยังไงวะ” ภาวัฒน์เลิกคิ้ว

“ก็...ถ้าเป็นแม่ฉันได้มาฟังเรื่องของแก แม่ก็คงพูดว่าสิ่งที่แกฝันถึงซ้ำๆ ติดต่อกันหลายวันอาจเป็นเรื่องราวในอดีตชาติของแก แกระลึกชาติได้อะไรทำนองนี้”

“ระลึกชาติ...” เขาทวนคำเสียงแผ่วเบา

“ใช่ แล้วสิ่งที่แกฝันมันเกี่ยวกับน้องวิวยังไง อธิบายขยายความมาก่อน” 

“ฉันจำชื่อของคนที่ฉันฝันถึงได้ แล้วบังเอิญว่าวิวก็เผลอพูดชื่อของคนที่ฉันฝันถึงออกมา พอฉันถามวิวก็อ้ำอึ้งบอกว่าเป็นชื่อตัวละครในนิยายที่ตัวเองเคยอ่าน”

“หรือว่าน้องวิวจะทำของใส่แกวะ!” หมอหนุ่มแสร้งถลึงตาทำท่าทีตกใจ

“จะบ้าหรือไงไอ้เม ของแบบนั้นมันมีจริงที่ไหนกันเล่า” 

“ฮ่าๆ ถ้างั้นมันคงบังเอิญจริงๆ นั่นแหละแกอย่าคิดมากเลย ช่วงนี้แกคงทำงานหนักมากไปหน่อย เอาเป็นว่าฉันมีเพื่อนเป็นจิตแพทย์เก่งๆ อยู่คนหนึ่ง ว่างๆ แกลองติดต่อไปที่คลินิกมันดู”

“อืมก็ดีเหมือนกัน” 

การสำรวจสุขภาพจิตและการบำบัดที่ดีสำคัญไม่แพ้สุขภาพร่างกาย ดังนั้นการพบจิตแพทย์จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนในสังคมต้องตระหนักรู้ ลบภาพจำเก่าๆ ทิ้งว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ไปพบจิตแพทย์ ในอนาคตภาวัฒน์กำลังวางแผนคิดนโยบายให้คนในองค์กรพบจิตแพทย์เดือนละหนึ่งครั้งเพื่อสุขภาพจิตที่ดีในการทำงาน

“นี่ ฉันลิงก์ส่งเพจคลินิกให้แกแล้ว” เมธวินบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากสมาร์ตโฟนของตนเอง

“ขอบใจ” 

“เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่แกกับแนทนี่ยังไง แนทรู้เรื่องแกกับน้องวิวแล้วเหรอ”

“ยังไม่ได้เคลียเลยว่ะ แนทบินไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อน คงต้องรออาทิตย์หน้าถึงกลับ ฉันไม่อยากโทร. บอกหรือบอกผ่านแชต มันดูเสียมารยาทเกินไปกับเรื่องใหญ่แบบนี้”

ภาวัฒน์ถอนหายใจ เขากับณัฐชาอยู่ในความสัมพันธ์แบบ friend with benefits ก็จริง เพื่อนๆ ของเขารู้เรื่องนี้ดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็อยากให้เกียรติเธอ เพราะเธอคือคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตของเขา หากต้องบอกตัดความสัมพันธ์เขาก็อยากทำอย่างเป็นทางการและออกมาดีที่สุด

“อืมอันนี้ฉันเห็นด้วย นู่น...แม่แกลงมาแล้ว” 

เมธวินบุ้ยปากไปทางร่างระหงของคุณเจนเนตรที่เดินก้าวฉับๆ บนรองเท้าส้นเตี้ยออกมาจากลิฟต์อย่างคล่องแคล่ว บนแขนมีผ้าก๊อซแปะอยู่หลังจากรับวิตามินผิวเสร็จ

“คุณแม่สวัสดีครับ” หมอหนุ่มยกมือไหว้มารดาของเพื่อนด้วยความนอบน้อม

“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะตาเม ยังหล่อเหมือนเดิมเลยลูก” คุณเจนเนตรเอ่ยปากชมยิ้มๆ จนคนเป็นลูกชายรู้สึกอิจฉาตาร้อน

“แหมคุณแม่ครับ ผมก็หล่อเหมือนกัน คุณแม่ไม่เห็นชมผมแบบนี้บ้างเลย” 

“โถ ก็ลูกชายแม่เห็นจนเบื่อขี้หน้าแล้วนี่นา” สตรีวัยห้าสิบสี่ปีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลอยให้สองหนุ่มหัวเราะตามไปด้วย 

“งั้นผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปเตรียมตัวผ่าตัดคนไข้” 

“จ้ะ โชคดีนะ ไปกันเถอะตาภีม แม่อยากรีบกลับไปดูซูซี่”

หลังจากล่ำลากันเสร็จแล้ว คุณเจนเนตรก็หันมาบอกกับลูกชาย ซูซี่คือสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เพศเมียแสนรู้ที่นางเลี้ยงไว้ พอลูกชายออกไปอยู่คอนโดนานๆ ทีถึงกลับมาบ้านนางก็เหงา สามีก็ยุ่งเรื่องงานเดินทางไปต่างประเทศบ่อย นางจึงหาสุนัขมาเลี้ยงจนกลายเป็นลูกรักคนโปรด

“ครับ” ภาวัฒน์พยักหน้ารับ ประคองร่างมารดาเดินออกจากโรงพยาบาลไปยังลานจอดรถ กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนขับให้ มารดาของเขาก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“เอ้อภีม พรุ่งนี้ลูกชวนวิวมากินข้าวเย็นกับแม่หน่อยนะ”

“ได้ครับคุณแม่” 

แม้รู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ชายหนุ่มไม่ได้ซักไซ้ต่อให้มากความ เขามีปริศนาใหญ่กว่านี้ให้คิดสงสัยและหาคำตอบ ไม่ว่าจะทางวิทยาศาสตร์ หรือทางพุทธศาสตร์ก็ตาม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น