6

ตอนที่ 5


 ชายสูงวัยหยิบหมวกใบเก่งขึ้นสวม แล้วเดินช้าๆ กลับไปยังอาคารทรงแปดเหลี่ยมที่แสนทันสมัยอีกครั้ง

ลลนาตื่นนอนแต่เช้าด้วยความสดใส เธออาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดของตัวเองซึ่งมีคนนำมาให้จากโรงแรม หลังจากนั้นจึงนำแผนผังของอาคารนี้ที่ได้รับมาพร้อมกับแฟ้มงานออกมาดู

แน่นอนว่าแผนผังนี้แสดงเฉพาะบริเวณที่เธอสามารถเข้าถึงได้เท่านั้น บอกตำแหน่งอย่างชัดเจน ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร ห้องประชุม และห้องทำงาน โดยห้องหลังสุดนี้กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งของแผนผัง ส่วนบริเวณอื่นนั้นไม่มีจุดสังเกตใดนอกจากพื้นที่สีแดง กับตัวหนังสือสีขาวที่เขียนว่า เขตหวงห้าม

หญิงสาวอ่านทวนแผนผังจนจำได้ขึ้นใจ จากนั้นจึงเปิดประตูออกไป แล้วก็ต้องผงะเมื่อสิ่งแรกที่พบคือมนุษย์ผู้ชายตัวสูงใหญ่ราวกับกำแพงอิฐซึ่งอยู่ในเสื้อผ้าสีเข้ม

หน้าตาบึ้งตึงแบบนี้

ขมวดคิ้วจนเป็นปมแบบนี้

แถมยังจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแบบนี้

จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...อีตาแอลทูหน้าตามู่ทู่!

“สวัสดีตอนเช้าค่ะแอลทู” ลลนาทำใจดีสู้เสือ ยิ้มหวานทักทายเขาก่อน แถมยังลงท้ายชื่อให้เสร็จสรรพเพื่อให้คนตรงหน้ารู้ว่าเธอจำเขาได้

หลักการขั้นพื้นฐานของการบริการ...ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ

แต่คนสำคัญไม่ยิ้มตอบ กลับยกแขนขึ้นกอดอก ไม่รับคำทักทายตามมารยาทของเธอ ทำเพียงถามกลับอย่างไร้มารยาท

“นี่มันกี่โมงแล้ว ผมมารอเกือบสิบห้านาทีแล้วนะ รู้ไหมว่าคุณสาย”

ลลนากะพริบตาปริบๆ ลอยหน้าลอยตาตอบ ลืมเรื่องพื้นฐานการบริการไปเสียสนิท

“ไม่ทราบค่ะ ฉันไม่ทราบว่าต้องเริ่มงานกี่โมง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนมารอ”

“แอลไม่ได้บอกคุณหรือ”

เอาอีกแล้ว เรียกแทนชื่ออีกฝ่ายว่าแอลเฉยๆอีกแล้ว ในเมื่อคนที่ชื่อแอลกำลังยืนคุยกับเธออยู่ เขาคงไม่ได้หมายถึงตัวเองหรอกน่า

“ไม่ค่ะ แอลวันไม่ได้บอก”

“ถ้าเขาไม่ได้บอก งั้นผมบอกคุณเอง นับจากวันนี้เวลาเริ่มงานของคุณคือเก้าโมงตรงที่ห้องทำงาน ผมคิดว่าคุณคงดูตำแหน่งห้องต่างๆ จากแผนผังแล้ว”

ลลนาเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ

“นี่ยังไม่เก้าโมงเลยนะคะ เพิ่งแปดโมงสี่สิบเท่านั้น”

น้ำเสียงของเธอบ่งบอกชัดแจ้งว่าเธอยังไม่ ‘สาย’ ตามที่ถูกกล่าวหา

“แต่คุณต้องกินข้าวเช้าไม่ใช่เหรอ กว่าจะเลือกอาหาร กว่าจะชงกาแฟ จิบน้ำส้ม กว่าจะละเลียดทีละคำสองคำ ถ้าผมไม่มาเร่ง คุณสายแน่ๆ”

หญิงสาวแยกเขี้ยว ตวัดค้อน

“ฉันไม่ได้ทำอะไรช้าขนาดนั้น”

“จากรายงานสถิติที่ผมได้รับมาจากแอล คุณมักจะใช้เวลาในการละเลียดอาหารเกินสี่สิบห้านาทีแทบทุกมื้อ แม้กระทั่งมื้อเช้าที่เป็นมื้อเร่งด่วน คุณสามารถกินแซนด์วิชหนึ่งชิ้นกับนมหนึ่งกล่องโดยใช้เวลาถึงยี่สิบห้านาที ทั้งๆ ที่คนปกติกินเสร็จภายในสิบนาที”

“ไม่จริง” เธอเถียง

“จริง” แอลทูตอกย้ำ ก่อนจะร่ายยาวต่อ “สถิติที่เลวร้ายที่สุดก็คือการกินอาหารฟูลคอร์สบนเครื่องอย่างเชื่องช้า โดยคุณเริ่มกินหลังจากเสร็จสิ้นการบริการอาหารเย็นของผู้โดยสาร ค่อยๆ กินเรื่อยๆ เรื่อยๆ ลากยาวไปจนเกือบถึงเครื่องบินเวลาที่กำลังจะลงจอด พูดง่ายๆ ก็คือ ใช้เวลากินตั้งแต่นาริตะไปจนถึงกรุงเทพฯ เลยทีเดียว”

ลลนาโกรธจนลมออกหู อีตานี่ไปเอารายงานสุดอัปยศเหล่านั้นมาจากไหน มิหนำซ้ำมันยังเป็นความจริงแทบทั้งสิ้น แต่จะให้ยอมรับก็กลัวจะเสียศักดิ์ศรี เธอจึงเชิดหน้า ยกมือเท้าเอว ปฏิเสธเสียงแข็ง

“ฉันบอกว่าไม่จริงไง รายงานของคุณมันโกหกทั้งเพ”

“งั้นก็ช่วยพิสูจน์ให้ผมดุหน่อยก็แล้วกัน เริ่มจากอาหารเช้ามื้อนี้เลยละกัน ถ้าคุณกินได้เร็วเท่าผม แล้วผมจะยอมเชื่อ”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายตัวโตตรงหน้าจะกล้าเชิดหน้าเลียนแบบเธอ ดูสิ แถมยังแกล้งยกมือเท้าเอวเหมือนเธอ ช่างไม่เกรงใจใบหน้าแกร่งกระด้าง รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่หนาบึกบึน กับหน้าท้องแบนราบของตนเลยสักนิด

ลลนากัดฟันกรอด “ได้เลย ไม่มีปัญหา”

เมื่อได้ฟังเธอตอบรับ ชายหนุ่มก็ลดมือลงแล้วหันหลังกลับ ลลนาก้าวเท้าตามร่างสูงไปติดๆ ด้วยรู้ว่าจุดหมายปลายทางของเขาน่าจะเป็นห้องอาหารแน่ๆ

แอลทูเลือกอาหารสองสามอย่างด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้สีเงินมันวาวแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าของเขาไปเงียบๆ

ลลนาจึงรีบทำแบบเดียวกัน หยิบอาหารมาโดยไม่มอง หาที่นั่งได้ก็ลงมือตักเข้าปาก เคี้ยวกลืนอย่างรวดเร็วจนแทบไม่รู้รส เรียกว่าน่าจะเป็นการกินอาหารที่เร็วที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

หญิงสาวเห็นแอลทูยกขวดน้ำขึ้นดื่ม เธอจึงทำตาม โดยดื่มด้วยความเร็วจนแทบสำลัก จากนั้นก็เอาถาดไปเก็บในเวลาที่ใกล้เคียงกับคู่ต่อสู้

ถาดของเธอกับถาดของแอลทูกระทบกันดังกึ้งเพื่อแย่งชิงพื้นที่ในการวางของคนมาก่อน ทั้งสองประสานสายตาราวกับจะหยั่งเชิง ก่อนจะเป็นแอลทูที่ถอนใจเฮือก แล้วยอมให้เธอวางถาดก่อน

“เชิญคุณก่อน”

ลลนาส่งยิ้มหวานหยดกลับไปราวกับจะยั่ว

“ขอบคุณค่ะ”

ถือว่ายกแรก...เธอชนะ!

เชอร์ชิลลอบมอง ‘การต่อสู้’ ของลลนาและแอลทูอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องอาหารด้วยความขบขันและเอ็นดู หญิงสาวยอดอัจฉริยะกับสายลับหน้าบึ้ง ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันเสียจริง

ชายสูงวัยรอให้หนุ่มสาวก้าวออกไปจากห้องอาหารและเดินหายไปทางห้องทำงานจนลับตาแล้ว จึงเดินสวนออกไปในทิศทางตรงกันข้าม  

เขากดปุ่ม ป้อนรหัสสี่หลัก แล้วรอเพียงไม่นาน ลิฟต์ก็มาถึง วันที่อากาศดีๆ แบบนี้ เขาน่าจะออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย

เชอร์ชิลสวมเสื้อโค้ดตัวบางสีกากี กับหมวกปานามาใบโปรด ชายสูงวัยเอ่ยทักทายพนักงานรักษาความปลอดภัยของอาคารด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไปตลอดทาง เมื่อออกมานอกอาคารแล้วจึงเดินทอดน่องไปตามถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านกาแฟ จนมาถึงสวนสาธารณะกว้างขวาง

เขาก็นั่งลงที่ม้านั่งตัวยาว ถอดหมวกปานามาใบสวยออกวางข้างกาย แล้วกวาดตามองรอบกายด้วยความระมัดระวัง

ชานสูงวัยเลือกบริเวณที่ผู้คนพลุกพล่าน ยากที่จะจับสัญญาณมือถือได้พลางเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เพียงอึดใจเดียว เสียงสัญญาณเข้าจากเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น

“ว่ายังไงแอล” เชอร์ชิลทักทายปลายสายโดยไม่จำเป็นต้องดูหน้าจอ และไม่จำเป็นต้องบ่งชัดว่าเป็นแอลไหน “ที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง”

“ท้องฟ้าที่นี่แจ่มใสมาก สวยเหมือนทุกวันครับแวน ยังไม่มีอะไรผิดปกติ”

แอลวันตอบกลับมาเสียงร่าเริงแข่งกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากผู้คนที่ดังลอดมาตามสาย เดาได้ว่าชายหนุ่มน่าจะนั่งจิบกาแฟอยู่ริมถนนที่มีรถแล่นผ่าน หรืออาจจะนั่งกินไอศกรีมอยู่กลางจัตุรัสแห่งใดแห่งหนึ่งในกรุงปราก

ชายสูงวัยรู้ดี ท้องฟ้าแจ่มใสนั่นหมายถึง ยังไม่มีอะไรผิดปกติ พวกคนร้ายยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ

“จริงหรือ งั้นก็ดี ระวังเมฆหน่อยนะ ฉันได้ข่าวว่าวันนี้ตอนบ่ายเมฆหมอกอาจจะครึ้มเล็กน้อย กลัวจะถ่ายรูปไม่สวย”

เมื่อท้องฟ้าของแอลวันไม่ได้หมายถึงท้องฟ้าจริงๆ เมฆหมอกของเขาก็ไม่ได้หมายความตามนั้นเหมือนกัน แต่หมายถึงอาจมีการเคลื่อนไหวจากคนร้ายในตอนบ่ายนี้

“ครับ ผมจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเลย รับรองเลยครับว่าคุณจะได้รูปเจ๋งๆ จากที่นี่แน่นอน”

เชอร์ชิลยิ้มน้อยๆ กับคำสัญญานั้น ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ปลายสายก็ชิงรายงานก่อน

“เอ่อ แวนครับ ผมเพิ่งได้ข่าว่านอกจากพวกเราแล้ว ยังมีคนอื่นที่อยากได้สาวน้อยคนนั้นอีกนะครับ”

ชายสูงวัยเลิกคิ้วน้อย กรอกเสียงถามกลับไป “หืม...มีคนรู้เรื่องเธอด้วยหรือ ฉันหมายถึงรู้เรื่องความสามารถของเธอ”

“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ มีเบอร์ที่ไม่สามารถระบุหมายเลขและพิกัดได้พยายามโทร.เข้ามือถือของเธออยู่หลายครั้ง”

เขาลอบถอนใจโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ “ขอบใจที่บอก ฉันจะซ่อนเธอไว้ให้มิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ผมหวังว่าเธอจะทำงานได้อย่างรวดเร็ว คือ ผมกลัวว่าเธอจะเบื่อที่จะอยู่ที่นั่นเสียก่อน”

“ฉันมั่นใจว่าเธอใช้เวลาไม่ถึงสองสัปดาห์แน่ๆ” เชอร์ชิลบอกด้วยความมั่นใจ

“โอ้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ดีมากครับ” แอลวันตอบกลับมา “ผมต้องขอตัวก่อนนะแวน ไอศกรีมที่สั่งมาจวนจะละลายหมดแล้ว”

นั่นไง เขาเดาถูกจริงๆ ด้วย สายลับหนุ่มของเขากำลังกินไอศกรีมอยู่จริงๆ ชายสูงวัยจึงกรอกเสียงกลั้วหัวเราะตอบกลับไป

“ได้สิแอล แล้วพบกันนะ”

เชอร์ชิลเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า ก่อนจะถอนใจเหยียดยาว หมดเวลาสูดอากาศบริสุทธิ์ของเขาแล้วสินะ ได้เวลาทำงานอีกแล้ว
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น