7

ช่วงเวลาแห่งพันธะผูกพัน

ช่วงเวลาแห่งพันธะผูกพัน

 

เจ็บ!

ความรู้สึกแรกที่เด่นชัดขึ้นมาในมโนสำนึก ทันทีที่เริ่มรู้สึกตัวตื่นจากหลุมดำที่จมปลักมาอย่างยาวนาน หลุมดำที่มีเพียงแต่คำพูดย้ำๆ ถึงความเลวร้ายที่เธอกระทำกับครอบครัวหนึ่งจนย่อยยับ ถ้อยคำสุดเลวร้ายที่พรรณนาความผิดของเธอออกมาอย่างที่ตัวเองไม่มีวันรู้... 

‘จำผมได้ไหม กานมณี’

‘อย่าแสร้งทำนิ่ง ทำลืม หรือทำเป็นไม่รู้จัก ที่ผมมาวันนี้ แค่อยากจะเอาความชั่วที่คุณเคยทำไว้มาบอกกล่าวเผื่อว่าจะมีสามัญสำนึกขึ้นมาบ้าง... 

‘รู้อะไรไหม ตลอดหนึ่งปีมานี้แก้วกินรีเขาท้อง เขาท้องจริงๆ ไม่ใช่ท้องลมแบบคุณ เขาต้องอุ้มท้อง คลอดลูก เลี้ยงดูมาอย่างลำบากเพียงลำพัง ปราณกันต์ก็เช่นกัน รู้ไหมว่าหนึ่งปีมานี้หมอนั่นไม่กล้าแม้แต่จะทำตัวโดดเด่น ไม่ออกสื่อ ไม่เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กอะไรทั้งนั้น เพราะเข็ดจากความชั่วช้าของคุณ ตอนนี้พวกเขาเจอกันแล้ว อยู่ที่นี่ด้วย แต่รู้ไหม ทั้งๆ ที่รักกันมาก แต่เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่ความเจ็บปวด มีแต่ความไม่เข้าใจ ทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณ!...

‘คิดว่าหนีมาเป็นคนใบ้ที่นี่แล้วจะหนีความเลวของตนเองพ้นใช่ไหม ไม่เลย อีกไม่นานพวกเขาก็จะมาหาคุณแบบผม มาถามแบบที่ผมกำลังถาม และพวกเขาคงอยากจะแล่เนื้อคุณออกมาสับเป็นชิ้นๆ ถ้าได้เห็นว่าคุณยังอยู่ดีมีสุข ไม่ได้ตายทั้งเป็น หรือตกนรกหมกไหม้ให้สาสมกับความเลวที่ก่อเอาไว้...

‘นึกหน้าแก้วกินรีออกไหม ผู้หญิงที่แสนดี ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยดูแลคุณในฐานะพยาบาลรุ่นพี่ ต้องมารู้ว่าชีวิตที่พังทลายของตนเองเกิดจากความคิดบ้าๆ ของคุณ แก้วกินรีเขาจะต้องฉีกอกคุณกี่ครั้งถึงจะสาแก่ใจ’

เจ็บ มันเจ็บปวดมากไปทั้งตัวและหัวใจ เจ็บเหมือนจะตาย!

ร่างเล็กบอบบางหยุดการขยับตัวและค่อยๆ เปิดเปลือกตาหนักอึ้งชื้นน้ำตาขึ้นเผชิญกับความเจ็บปวดมากมายเหล่านั้น เพดานสีขาวสะท้อนแสงสีส้มจางๆ ความแสบร้อนในดวงตาแดงระเรื่อเร่งให้น้ำตาหยดเล็กไหลลงทางหางตาและหยดลงบนหมอน

เธอยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ

เธออยู่ที่ไหน

ความสงสัยเอ่อล้นในสมอง ก่อนเสียงบางอย่างจะทำให้เธอค้นพบคำตอบนั้นด้วยตัวเองในเวลาต่อมา...

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

เครื่องวัดสัญญาณชีพดังสม่ำเสมอด้านขวามือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้เพียงแต่ในโรงพยาบาล และน้ำเสียงแหบห้าวอันดังขึ้นพอเหมาะพอเจาะจากปลายเตียง จุดเดิมกับก่อนที่สติจะหลุดลอยเข้าสู่หลุมดำ

‘เสียใจด้วย คุณยังไม่ตาย’ 

หมอเกล้า!

ร่างกายบนเตียงสั่นสะท้านขึ้นมาทันที อยากขยับหนี แต่ทำได้เพียงขยับนิ้ว อยากกรีดร้อง แต่ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ 

‘ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกานมณี ผมเป็นคนฉุดกระชากคุณกลับมาเอง และหากคิดจะหนีความผิดด้วยความตายอีก ผมก็จะฉุดกระชากคุณกลับมาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งไม่มีที่สิ้นสุด’ ฝีเท้าแผ่วเบา แต่ฝีปากหนักแน่นดังใกล้เข้ามา จนหยุดลงกระซิบข้างหู 

‘ความตายสบายเกินไปสำหรับคนแบบคุณ การมีชีวิตเสมือนตายต่างหากที่คู่ควร’ 

‘อะ...”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

‘ไม่ต้องรีบตอบโต้หรอก ชีวิตคุณยังมีโอกาสอีกมาก’ เกล้าเศียรแตะเบาๆ บนสายออกซิเจนและดันกายออกห่างจากคนบนเตียง มุมปากเขายกขึ้นขณะย้อนมองกลับไป เหมือนมัจจุราชที่กำจุดตายของอีกฝ่ายไว้ในมือ จะบีบก็ต้องตาย จะคลายก็รอด ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงว่าจะบีบหรือจะคลาย

ไม่ มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ มันต้องไม่เป็นแบบนี้!

กานมณีอยากกรีดร้องออกมาให้เหมือนคนบ้า อยากปิดตาแล้วเปิดมาพบว่าทุกอย่างคือความฝัน เธอยังอยู่บ้านของมารดาปลอมๆ ที่จันทบุรี ยังอยู่กับพี่ชายที่เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ ยังมีครอบครัวอันอบอุ่นนั้นอยู่ ไม่ใช่เกล้าเศียรคนนี้ ไม่ใช่ต้องมารับรู้เรื่องราวของปราณกันต์และแก้วกินรีที่ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างนี้

แต่สวรรค์ไม่เข้าข้างเธอ...

 

ปัง!

โครม!

เสียงประตูกระแทกปิดและเสียงสิ่งของถูกโยนลงถังขยะ ดึงสติของคนอยากจะบ้าให้กลับมาเพื่อพบว่าบัดนี้ใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทนที่เขา

ไม่จริง!

นาทีนี้กานมณีอยากดิ้นให้เหมือนเด็กเล็กๆ เธอคิดเสมอว่าไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้นยามต้องพบเจอเหยื่อบาปของตัวเองที่เคยปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อพิสูจน์ความรักโง่เง่าของพวกเขา เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเธอ ถ้าจะผิดก็คือความไม่ซื่อสัตย์ ความไม่เชื่อใจ รักแท้ที่ไม่มีอยู่จริง 

แต่ตอนนี้คำพูดต่างๆ ของเกล้าเศียรกำลังทำให้เธอไม่คิดเช่นนั้นแล้ว เธอกำลังรู้สึกว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้นไม่ถูกต้อง มันได้ทำร้ายคนคู่หนึ่งอย่างร้ายแรง!

เธอไม่พร้อมจะพบหน้าแก้วกินรีตอนนี้!

ใครก็ได้ช่วยเธอด้วย... 

‘เป็นเธอจริงๆ ด้วย กานมณี’ 

หญิงสาวที่เพิ่งโยนกระเช้าผลไม้ลงถังขยะยืนนิ่งมองมาที่เตียง มุมปากข้างหนึ่งของเธอบิดเบี้ยวจากการแสยะยิ้ม ไม่รู้ว่าสมเพชคนบนเตียง หรือสมเพชตัวเองสำหรับเรื่องราวโง่เขลาที่ผ่านมา รูปร่างเธอบอบบาง ดวงตาแบกความชอกช้ำเจ็บแค้นจนแทบกลายเป็นสีเลือด แบกความผิดบาปหนักหนาของคนบนเตียง จนเจ้าตัวรู้สึกจะจมหายไปกับความแข็งแกร่งของเตียงผู้ป่วย

‘รู้ไหมว่าตลอดทางที่ฉันเดินทางมาที่นี่ ฉันคิดอะไร...’ เจ้าของเรือนร่างบอบบางเอ่ยช้าๆ 

‘ฉันคิดว่ากานมณี รุ่นน้องที่ฉันเอ็นดู ทำงานร่วมกันเป็นปีๆ เป็นคนทำชีวิตฉันพัง เป็นคนสร้างเรื่องทุกอย่าง เป็นคนผลักฉันลงนรกให้ตายทั้งเป็น เป็นเธอที่ทำเรื่องทุกอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ...

‘ถ้าจริง...เธอทำไปทำไม เธอมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำแบบนั้น หรือเธอเกลียดฉัน เธอโกรธฉัน เธอแค้นเคืองฉัน แล้วฉันไปทำอะไรให้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเคยด่าเธอหรือ หรือฉันเคยหักหลังย่ำยีศักดิ์ศรีของเธอ ฉันเคยทำชั่วช้าเลวทรามจนเธอทนไม่ได้ใช่ไหม’ 

แก้วกินรีเอ่ยทุกๆ ถ้อยคำออกมาพร้อมกับก้าวเข้าไปหาผู้หญิงที่ทำชีวิตของเธอพังไม่เป็นท่า ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทสนม และคิดว่าเป็นรุ่นน้องที่น่ารักและนิสัยดี

‘ชีวิตฉันไม่เหลือชิ้นดี เธอมีความสุขมากหรือที่เห็นฉันเสียใจแทบเป็นแทบตาย เห็นฉันทุรนทุราย เห็นฉันเจ็บปวดจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เธอมีความสุขมากหรือ เธอสาสมใจแค่ไหน เธอหัวเราะให้ชีวิตโง่เง่าของฉันมากเพียงใด และเธอจะตอบคำถามทั้งหมดของฉันยังไง... 

‘เสียใจด้วยนะ…เธอโง่เองนี่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความโง่ของเธอเอง หรือจะรู้สึกผิดแล้ว ขอโทษฉันจากใจ ไม่หรอก คนที่ทำลายชีวิตคนอื่นหน้าตาเฉยไม่มีทางรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ เธอคงจะหัวเราะเยาะฉันจนท้องแข็ง คงสมเพชฉันน่าดูสินะ’

แก้วกินรีร้องไห้โดยไร้เสียง น้ำตาที่ไหลลงมาไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเอ่ยคำพูดที่อัดแน่นในหัวใจ เธอหยุดลงเบื้องหน้าคนบนเตียงเพียงแค่เอื้อมมือ 

‘ฉันจะบอกอะไรให้นะกานมณี ใช่ การกระทำของเธอทำชีวิตฉันพังก็จริง ทำครอบครัวฉันพัง แต่ไม่สามารถทำลายความรักของฉันได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ความรักของฉันก็ยังเหมือนเดิม ฉันยังรักปราณกันต์เหมือนที่เขายังรักฉันหมดใจ ที่คนแบบเธอไม่มีวันได้รู้จัก และหากวันใดเธอรู้จัก...’ แก้วกินรีเม้มปากเป็นเส้นตรง สูดหายใจเข้าจนสุด 

‘กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง วันนี้เธอทำลายครอบครัวฉัน ทำลายความรักของฉัน สักวันที่เธอรู้จักรักแท้ ความรักนั้นจะทำให้เธอยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น’

สิ่งที่แก้วกินรีตั้งใจเค้นออกมาจากก้นบึ้งความรู้สึกไม่ต่างจากถ้อยคำสาปแช่ง หนักแน่น รุนแรง จนผู้ฟังอย่างกานมณีดิ้นรนรุนแรงทั้งที่ร่างกายขยับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

‘ฉันดีใจที่เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องยอมแปดเปื้อนทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้ด้วยตนเอง’ นอกจากจะไม่สงสารเห็นใจ แก้วกินรียื่นมือลูบคลำจุดเปิดปิดเครื่องช่วยหายใจ ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะกดมันหรือไม่ ‘เธอเป็นคนเก่งออก ตอบฉันสักคำสิ เพราะอะไรเธอถึงทำเช่นนั้นกับฉัน เพราะอะไรเธอถึงทำลายชีวิตฉัน มันเพราะอะไร’ 

ปราณกันต์เคยบอกเธอแล้ว แต่เธอก็ยังอยากได้ยินมันจากปากกานมณี เธอจำเป็นต้องได้ยินจากปากของผู้หญิงคนนี้ หนามในอกถึงจะถูกดึงออกจากหัวใจจนสิ้นซาก

‘ฉะ...ฉันแค่อยากให้พี่ตาสว่าง’ และแล้วเสียงแหบแห้งก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่รินรดลงเปียกหมอน

แก้วกินรีปล่อยมือทิ้งข้างลำตัว เสียง ‘เฮอะ’ ดังขึ้นอย่างสมเพชเวทนา...

‘ความรักที่ไม่มีอยู่จริง คำพูดพวกนั้นเป็นแค่คำลวง ถ้าถึงวันหนึ่งเขาจะทำลายพี่’ เหมือนที่บิดาของเธอทำลายมารดาจนสิ้นลมหายใจ กานมณีเอ่ยต่อในใจ นอกจากไม่ศรัทธาในความรัก เธอไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนตกลงไปในบ่วงรักอันน่าสมเพชเช่นที่มารดาเธอเคยประสบ 

‘ผู้ชายไม่เคยมีใครดี ความรักไม่เคยมีอยู่จริง รักแท้รักนิรันดร์ก็แค่คำโกหก’

‘ผิดแล้ว เธอคิดผิดแล้ว’

‘เช่นนั้นทำไมพี่ถึงถูกทอดทิ้งมาตลอดหนึ่งปี ทำไมพี่ถึงต้องโดดเดี่ยว ทำไมพี่ถึงต้องเจ็บปวด’

เพราะเธอโง่เช่นไรเล่า... 

แก้วกินรีเจ็บราวถูกฝ่ามือกระแทกเข้ากลางอกอย่างจัง เป็นเหตุให้คนบนเตียงผู้ป่วยถ่ายทอดถ้อยคำต่อไป

‘ถ้ามันมีจริง ถ้าเขารักพี่จริง เขาจะไม่ทิ้งพี่ เพราะลูกในท้องของฉัน เขาจะไม่ยอมหย่ากับพี่ง่ายๆ เพียงเพราะอยากรับผิดชอบฉัน เขาจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด เพราะมันมีทางออกมากมายที่จะแก้ปัญหานี้’

นั่นก็เพราะเธอโง่เช่นไรล่ะ... 

เธอไม่ฟังคำอธิบายอะไรจากปราณกันต์ทั้งสิ้น เธอตัดสินมันทันทีที่เห็นกานมณีที่บ้าน เธอยื่นคำขาดจะหย่าทั้งที่เขาขอร้องให้เธอฟังเขาสักครั้ง

แก้วกินรีไม่เคยอยากย้อนเวลาไปตบหน้าตัวเองล้านรอบเท่านี้มาก่อน!

‘นั่นเพราะรักแท้ไม่เคยมีอยู่จริง มันไม่เคยเกิดขึ้นกับมนุษย์คนไหนทั้งนั้น’ 

‘ผิดแล้ว มันแค่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอต่างหาก และฉันไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คนที่ไม่เคยเชื่อในความรักจะพบรักแท้ได้อย่างไร ดวงตาอันมืดบอดจะมองเห็นแสงสว่างได้อย่างไร ต่อให้มีคนนับล้านให้ความรักแก่เธอ แต่เธอกลับหันหลังให้ความรักเหล่านั้น เธอจึงพบเพียงความว่างเปล่ามาตลอดชีวิต และเชื่อผิดๆ ว่ามันไม่มีอยู่จริง’ 

แล้วเธอทำกรรมอะไรไว้จึงต้องมาเจอคนแบบนี้ แก้วกินรีอยากกรีดร้องให้ลั่น 

‘มันไม่มีอยู่จริงต่างหาก ไม่มี ไม่เคยมี!’ 

กานมณีสั่นสะท้านกับความจริงที่ไม่อาจยอมรับ ถึงเธอจะเริ่มรู้สึกว่าการกระทำของตัวเองต่อครอบครัวนี้มันไม่ถูกต้อง แต่เธอก็ยังไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริง การตอกย้ำของแก้วกินรีเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อทั้งชีวิตของเธอให้พังลง

แก้วกินรีแสยะยิ้มและค่อยๆ ถอยห่างออกไป...

‘ใช่ สำหรับเธอมันควรเป็นอย่างนั้น ชั่วชีวิตนี้เธอก็ไม่มีวันพบรักแท้’ ถ้อยคำสุดท้ายที่แก้วกินรีทิ้งไว้ก่อนจากไป ฝากไว้ซึ่งความเจ็บปวดทรมานที่กานมณียากจะลบเลือนออกไปจากใจได้

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น