๙
ผู้หญิงของฉัน!
“กาน...”
เกล้าเศียรเงียบเสียงลงทันที เมื่อเห็นเต็มตาว่าเบื้องหน้าไม่ได้มีเพียงผู้สืบทอดกับกานมณี แต่มีคนอื่นที่แน่นอนว่าเป็นพวกกบฏกำลังรัดคอผู้สืบทอดด้วยมือเดียว อีกมือจ่อปืนสีดำเข้าที่ขมับ โดยมีกานมณียืนหน้าซีดอย่างเคร่งเครียดอยู่ข้างๆ บนศีรษะปรากฏรอยแดงเป็นทางยาวจากขมับจนถึงปลายคาง ส่งผลให้เขาต้องกำมือทั้งสองข้างแน่นๆ เพื่อดึงสติเอาไว้ ไม่ให้พลั้งเผลอทำอะไรบ้าๆ จนเกิดอันตรายอย่างผู้ติดตามอีกสองคนซึ่งนอนนิ่งอยู่บนพื้น
หนึ่งในพวกเขาถูกยิงที่ศีรษะ จากการประเมินเบื้องต้นอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนอีกคนถูกยิงบริเวณท้องและช่วงอก หากกระสุนไม่ได้โดนหัวใจก็ยังมีหวังว่าเขาจะรอด แต่เลือดที่ไหลออกมาปริมาณมากก็อาจทำให้เสียชีวิตจากอาการช็อกเพราะเสียเลือดแทน
มันคือหลุมพราง!
แน่นอนแล้วว่าการจู่โจมจากฝ่ายกบฏวันนี้ เป็นเพียงหลุมพรางร้ายเพื่อหลอกล่อให้การคุ้มกันผู้สืบทอดเหลือน้อยที่สุด เพื่อให้คนที่พวกมันวางหมากไว้ได้ดำเนินตามแผนการชั่วช้า และหมากกระดานนี้พวกมันก็วางไว้นานแล้ว
“เบื่อจริงๆ กับพวกชอบแส่!”
“อย่ายิงเขานะ!”
เสียงแหลมเล็กกระโชกห้ามปรามในทันที ดึงสติเกล้าเศียรออกจากผู้ติดตามทั้งสองบนพื้นให้มารับรู้ความบ้าบิ่นไม่มีใครเกินของร่างเล็กจ้อยที่ถลาเข้ามาบังตัวเขาไว้
“เขาเป็นหมอ แถมเป็นหมอเด็กที่เก่งมากๆ ด้วย ตาเนซาถึงกับเชิญเขามาด้วยตัวเอง พวกแกก็ขาดหมอไม่ใช่เหรอ ถ้าแกยิงเขา ก็ถือว่าแกโง่มากๆ ที่ไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากของที่มีค่า” ถึงร่างกายจะสั่นสะท้านและก่นด่าคนที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในเวลาไม่สมควร แต่หญิงสาวก็ยังใจแข็งตวาดออกไปเพื่อยับยั้งลูกกระสุนที่จะพุ่งออกจากรังเพลิง
ไอ้หมอบ้า ช่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา!
หากเสียงในใจกลายเป็นกำปั้นได้ เกล้าเศียรได้เขียวเป็นจ้ำๆ ไปแล้ว!
เธอจะมาปกป้องเขาทำไม มันสมควรเป็นเขาไม่ใช่รึไงที่ปกป้องเธอ
ปืนที่เล็งมาไม่น่าหวั่นเท่ากับหญิงสาวที่เอาตัวเข้ามาเป็นโล่คุ้มภัยให้เขา เกล้าเศียรอยากจะจับเธอเหวี่ยงออกไปให้ไกลๆ แล้วตวาดเสียงดังๆ ว่า...
หน้าที่ปกป้องคุณเป็นของผม!
“ถ้ามันมีประโยชน์ขนาดนั้น มึงก็อย่าอยู่เลย” ที่เขายังไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ก็เพียงเพราะอีกฝ่ายสามารถจัดการผู้สืบทอดในขณะที่สับสนได้อยู่หมัด อาจจะมีประโยชน์กับนายเหนือหัวของตนบ้างเท่านั้น แต่ตอนนี้เห็นทีว่าจะมีแต่เสียเวลา…
พลั่ก!
“ว้ายยย!”
ถึงจะใจกล้าแค่ไหนก็ยังห้ามความตื่นตกใจไม่ได้ กานมณีกรีดร้องลั่น ในขณะที่ร่างเล็กถูกรวบให้ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับแพทย์หนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
อ้อมแขนอันอบอุ่น มือที่รองรับศีรษะไม่ให้กระแทกกับพื้น และเสียงคำรามอันบ่งชัดถึงอารมณ์โกรธเหลือคณนา...
“ไอ้กบฏน่ารังเกียจ!”
ร่างที่คร่อมอยู่ด้านบนและโอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนพลิกกายขึ้น...ในภาวะสงครามบุคลากรทางการแพทย์จะได้รับการยกเว้นจากทุกฝ่ายไม่ว่าจากผู้ร้ายหรือทางการเสมอมา แต่ไอ้คนชั่วช้านี่กลับกล้าลั่นไกใส่บุคลากรทางการแพทย์ แถมยังกล้ากับผู้หญิงของเขาอีกด้วย
“!!!”
กานมณีแทบจะบ้า เพียงพริบตาเกล้าเศียรก็พุ่งเข้าใส่กบฏชั่วและตะลุมบอนอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนผู้สืบทอดนั้นถูกผลักล้มไปกองกับพื้นอีกทางไม่ห่าง
ไอ้หมอบ้า!
ไปเอาความบ้าระห่ำแบบนี้มาจากไหนกัน!
นายแพทย์เกล้าเศียรต้องสุขุม รอบคอบ เยือกเย็นสิ!
“รู้ไว้ซะ ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือ อย่ายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!”
คนของเขา เขาสามารถสั่งสอน ยุ่งเกี่ยว ทำร้ายได้แค่คนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์!
กานมณีไม่มีทางคาดคิดว่าตนเองจะกลายเป็น…ความไม่สุขุม ไม่รอบคอบ และไม่เยือกเย็นของเกล้าเศียรไปได้ และไม่มีทางคาดเดาน้ำหนักความสำคัญของตนเองในใจผู้ชายคนนี้ ผิดกับเกล้าเศียรที่นาทีนี้น้อมรับความรู้สึกนั้นหมดใจ
เขา…ได้กลายเป็นคนของกานมณีหมดทั้งตัวและใจไปแล้ว และใครที่กล้าแตะต้องคนของเขา เขาไม่มีทางให้อภัย!
หมัดลุ่นๆ ซัดเข้าใส่ใบหน้ากบฏหมัดแล้วหมัดเล่า เขาไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ช่วงชิงความได้เปรียบที่จะซัดคืนกลับมาสักหมัด ทั้งๆ ที่มีหรือที่แพทย์ซึ่งจับเพียงมีดผ่าตัดกับหูฟังจะสู้กบฏชั่วที่ฝึกปรือกับอาวุธมาตลอดได้...
โจรกบฏเองก็คงไม่คิดว่าแพทย์มือไม้นุ่มนิ่มคนหนึ่งจะมีพละกำลังมากมายขนาดนี้ และกำลังจะปลิดชีพมันเพียงเพราะว่าแตะต้องของรักของหวง โดยไม่เหลือโอกาสให้มันเก็บศักดิ์ศรีความเป็นกบฏชั่วกลับคืนแม้แต่นิดเดียว!
เกล้าเศียรต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขากำลังจะฆ่าคนแล้ว!
จริงอยู่ที่มันคือโจรกบฏ ไม่ผิดสักนิดเดียวหากเขาจะฆ่ามัน แต่หากเธอปล่อยให้เขาฆ่ามันตาย มันจะต้องกลายเป็นตราบาปที่ลบไม่ออกไปตลอดชีวิตของเขา
ไม่ได้!
เธอจะให้เขาพบเจอเรื่องเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
กานมณีลุกขึ้นกวาดสายตามองไปรอบด้านเพื่อหาใครสักคน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่ากับเสียงการปะทะที่ยังดังอยู่ไกลๆ และนั่นคือคำตอบว่าเหตุใดถึงไม่มีใครรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในกระโจมผู้สืบทอดและรีบเข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่ต้น ทั้งที่กบฏนั่นก็ไม่ได้เข้ามาอย่างเงียบเชียบเท่าใดนัก
แล้วเธอควรทำอย่างไร
“อั๊กๆๆๆ”
“จำใส่สมองแกไว้ ห้ามแตะต้องคนของฉัน”
เลือดขึ้นหน้าเป็นเช่นไรวันนี้เกล้าเศียรได้เผชิญกับมันอย่างถึงแก่นแท้ และเขาก็พร้อมจะกลายเป็นฆาตกรเพื่อปกป้องคนของใจด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ไม่ได้การแล้ว!
“พอ…พอก่อน” หญิงสาวถลาเข้าไปสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง
“ว้าย!!!” ร่างเล็กถูกเหวี่ยงออกมาราวกับว่าวที่ขาดจากสายป่าน และเสียงร้องของเธอไม่ได้ช่วยให้เกล้าเศียรรู้สึกตัวต่อการกระทำของตนเองแต่อย่างใดเลย
ต้องทำมากกว่านี้!
แล้วยังเหลืออะไรที่เธอทำได้…
กานมณีกวาดสายตามองไปรอบด้านอีกครั้ง ไม่คาดหวังอีกแล้วว่าจะพบใครสักคนที่จะเข้ามาช่วย เธอคาดหวังเพียงว่าจะเจอเข้ากับอะไรที่พอจะหยุดเกล้าเศียรได้
เลวร้ายไปไหมหากเธอจะตีเขาสักที แม้เธอจะปวดใจเมื่อเห็นเขาเจ็บ แต่ถ้าเขาต้องทนทุกข์กับการแบกความรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต เธอขอตายดีกว่า
เช่นนั้นก็อย่ารอช้าเลย…
ดวงตาคู่งามที่น้ำตาคลอหน่วยหยุดนิ่งไปที่ขาโต๊ะไม้ไผ่ข้างเตียงซึ่งยึดติดกับพื้นดิน
กานมณีวิ่งไปถีบขาโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างเตียงอย่างแรงจนมันล้มครืนพังยับเยิน แล้วใช้มือดึงท่อนไม้ที่เป็นส่วนประกอบของขาโต๊ะที่ยึดติดกับพื้นจนแน่น
บ้าเอ๊ย!
ฝ่ามือของเธอโดนบาด ดีหน่อยที่แผลไม่ลึกมาก แต่ความเจ็บปวดก็พุ่งขึ้นมาจนมือที่จับท่อนไม้สั่นระริก ทำไมต้องมาบาดเอาตอนนี้!
กานมณีอยากดิ้นพล่านเหมือนเด็กเล็กที่โดนขัดใจเสียจริงๆ คำที่ว่ายิ่งรีบยิ่งช้ามันมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเร่งรีบสุดใจเสมอ น่าโมโหนัก!
“ถ้ามีโอกาสได้เกิดชาติหน้า จำใส่สมองแกไว้ด้วยว่าห้ามแตะต้องผู้หญิงของคนอื่นอีก” เสียงคำรามอันเหี้ยมโหดส่งผ่านริมฝีปากที่บิดเบี้ยว ก่อนมือทั้งสองข้างจะบีบลำคอโจรกบฏแน่นจนเส้นเลือดบนขมับปูดโปน
ไม่ได้การแล้ว!
ขอโทษนะหมอเกล้า…
กานมณีกำท่อนไม้ด้วยสองมือที่ชุ่มไปด้วยเลือด วิ่งเข้าไปด้วยความรู้สึกผิดท่วมท้นใจ ขอเพียงเขาหยุดการกระทำบ้าระห่ำนี้ลง เธอยินดีเป็นม้าเป็นลาให้ขี่ชดเชยความผิดในครั้งนี้จนกว่าเขาจะพอใจ หญิงสาวง้างมือสุดแขนฟาดท่อนไม้ลงไปยังแผ่นหลังเกล้าเศียร…
ลืมไป…เธอแค่จะฉุดสติเขา แต่เผลอฟาดไปซะเต็มแรงเลย!
“อั๊ก!”
ใบหน้ายับเยินของโจรกบฏถูกเพิ่มสีสันด้วยเลือดสดๆ จากปากแพทย์หนุ่มในทันที ก่อนจะถูกร่างสูงล้มทับ เป็นอันหยุดทุกอย่างในทันทีทันใดอย่างได้ผล
เธอต้องไปตามคนมาช่วย!
“ฆ่าคนแล้วจะหนีเลยรึไง”
เจ็บจนสะท้านไปถึงกระดูกซีกในสุด เซลล์ที่เล็กที่สุดยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดมหาศาลนี้ เพราะไม่ใช่เจ็บที่กายเพียงอย่างเดียว แต่มันเจ็บถึงทรวงในจากการถูกหญิงที่รักหักหลัง!
“ฉะ…ฉันแค่จะไปตามคนมาช่วย”
จริงๆ ก็จะหนีนั่นละ เผลอฟาดเขาไปขนาดนั้น เขาไม่ฆ่าปาดคอเธอสิเเปลก
“ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว”
แทนที่จะหนีไปตั้งแต่เขาตะลุมบอนกับโจรกบฏ กลับฟาดเขาเสียเต็มแรงแล้วถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ช่างน่าซาบซึ้งนัก
“ไม่ได้สิ คุณ…เอ่อ คุณบาดเจ็บ ตาเนซาเองก็บาดเจ็บ ฉันไปแป๊บเดียว…”
“ถ้าไม่อยากให้ผมฆ่าคุณก็มานี่” เขาเจ็บจนลุกยากก็จริงอยู่ แต่ถ้าโมโหจนถึงขีดสุดก็สามารถลุกขึ้นมาปาดคอคนได้เช่นเดียวกัน เมื่อสักครู่เธอยังไม่รู้ซึ้งแก่ใจหรือไง
“แต่ว่าฉัน…”
ไปหาเขาตอนนี้ต้องตายแน่ๆ ดวงตาคมกล้าคู่นั้นบดขยี้เธอชัดๆ
ถ้าเมื่อครู่กานมณีสนใจฟังถ้อยคำอันกลั่นมาจากใจของเกล้าเศียรมากกว่าสถานการณ์กดดันตรงหน้า ตอนนี้เธอจะค้นพบว่าผู้ชายหน้าบึ้งตึงคนนี้ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ทั้งสิ้น แม้แต่ลมหายใจของเขาหากเธออยากได้ เขาก็ยินดีจะมอบให้
“มานี่!”
“หมอเกล้า”
“ได้ งั้นผมจะไปหาคุณเอง”
“ไม่ๆๆๆ ไม่ต้อง”
ขืนให้เขามาเอง โทษทัณฑ์ของเธอต้องเพิ่มขึ้นอีกแปดถึงเก้าส่วนแน่ๆ หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาทำให้เธอรู้จักผู้ชายที่ชื่อเกล้าเศียรคนนี้ดีขึ้น เวลาเขาดีก็ดีจนใจหาย แต่เวลาเขาร้ายก็ร้ายจนทำให้คนขาดใจตายได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
“ฉันไปหาคุณเอง” ไหนๆ ก็ต้องรับโทษก็ให้มันจบๆ เสียตรงนี้
“คุณลุกขึ้นนั่งก่อนไหม” กานมณีหยุดยืนห่างจากเขาถึงหนึ่งช่วงแขน เอ่ยถามอย่างห่วงใย
“มาพยุงผมสิ ฟาดมาขนาดนั้นคิดว่าผมเป็นท่อนเหล็กหรือไง ถึงจะลุกขึ้นได้เอง”
ดวงตาคมกล้าจ้องเขม็งไม่แม้กะพริบตา และหากเธอยังให้เขานอนทับโจรกบฏน่ารังเกียจที่หมดสติไปแล้วเพราะฤทธิ์กำปั้นต่อไปอีกนิด เขาคนนี้ละจะทับเธอไม่ให้กระดุกกระดิกไปสิบยี่สิบวันเลยเชียว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฟาดคุณแรงขนาดนั้น”
เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ให้สาบานร้อยหนก็ยังได้ ไม่ได้มีเจตนาอยากเอาคืนเขาเลยสักนิด มันคือความสัตย์จริง แม้ลึกๆ จะแอบสะใจที่ได้ฟาดเขาสักทีก็เถอะ แต่พอเห็นเขาเจ็บขนาดนี้ก็ไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อย
“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณฆ่าคน จริงๆ นะ ฉันหวังดีหรอกนะ กลัวเป็นตราบาปจนคุณรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เลยแค่จะตีเรียกสติ”
ไม่ต้องอธิบายขนาดนั้น เขาก็เข้าใจ หรือต่อให้รู้แจ้งแก่ใจว่าถูกเธอเอาคืน เขาก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ เธอทั้งสิ้น เพราะแค่เธอยังอยู่ตรงนี้โดยไม่บุบสลาย ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว มันคุ้มค่าสำหรับทุกความเจ็บปวดของเขาแล้วจริงๆ
“งั้นก็เข้ามา”
“คุณไม่โกรธฉันใช่ไหม” ถามให้แน่ใจอีกนิด ก่อนจะเข้าไปใกล้อีกหน่อย
“เข้ามา!”
ถึงเขาจะไม่โกรธ แต่จะพูดให้เธอได้ใจเกินไปไม่ได้ อย่างน้อยๆ ความรู้สึกผิดของเธอที่มีต่อเขาก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้!
หากถามว่าในโลกนี้มีใครเข้าใจผู้หญิงคนนี้ที่สุดก็ย่อมต้องเป็นเขา แม้เวลาหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันเขาจะใช้ความโกรธ เกลียด เคียดแค้นในการผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านไปช้าๆ ทีละวัน ทีละเดือน ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้ตัวตนเธอเพิ่มขึ้นไปด้วย
กานมณีเป็นคนที่มีทั้งด้านอ่อนโยนและโหดร้ายจนยากจะคาดเดา เธอสามารถทำร้ายผู้อื่น ทำลายชีวิตครอบครัวคนที่เธอตัดสินว่าผิดอย่างเลือดเย็น โดยไม่รู้สึกผิดบาปต่อการกระทำเหล่านั้นสักนิด แต่กลับยอมเสี่ยงชีวิตตนเองกระโดดเข้าไปช่วยชีวิตลูกแมวตัวเล็กๆ กลางถนน ยอมอดตาหลับขับตานอนหลายคืนติดต่อกันเพื่อทำขนมเลี้ยงเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้า
แม้เขาจะพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมให้เรื่องราวต่างๆ มาเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีต่อเธอ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า เขาค่อยๆ เรียนรู้จากเธอทีละนิด ว่าชีวิตของผู้หญิงคนนี้เป็นภาพสะท้อนของสังคม การเลี้ยงดู สถาบันครอบครัวได้อย่างแท้จริง
จริงอยู่ที่เราไม่อาจเอาความดีมาชดเชยความผิดได้ อย่างเช่นฆาตกรที่ลงมือฆ่าคนชั่วซึ่งกลั่นแกล้งทารุณตนเองมาตลอดชีวิต เขาย่อมกลายเป็นฆาตกรทันทีที่เปลี่ยนตนเองจากเหยื่อเป็นฆาตกร โดยไม่สามารถอ้างเหตุผลใดๆ ได้อีก
แต่หากเราลองคิดดูว่า...ถ้าเธอหรือเขาเหล่านั้นมีชีวิตที่มีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนที่ไม่หาเรื่องกลั่นแกล้ง ชีวิตพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นอยู่หรือไม่
เราทุกคนไม่มีใครเกิดมาแล้วอยากเป็นคนเลว คนชั่ว หรือฆาตกร ทุกคนล้วนคือผ้าขาวที่ถูกคนบนโลกนี้แต่งแต้มสีสันลงไป และไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าทุกคนที่เกิดมาในสังคมที่เลวร้ายต้องเลวระยำตามไปด้วย หรือทุกคนที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ดีจะต้องงดงามเสมอไป ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของตัวพวกเขาเอง สังคมและสภาพแวดล้อมเป็นแค่ปัจจัยส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญก็เท่านั้น
“คุณมองฉันแบบนั้น ฉันจะกล้าเข้าไปได้ยังไง” กานมณีก็มีเลือดเนื้อ ใครจะกล้าก้าวขาเข้าไป
“ผมไม่เอาคืนคุณตอนนี้หรอกน่ะ” ถึงอยากทำก็ไม่ไหว แรงฟาดมหาศาลขนาดนั้น ที่เขายังพูดได้อยู่แบบนี้ ไม่ไปพบยมบาลก็นับว่าบุญแล้ว
เมื่อเขายืนยันเช่นนั้น ความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอกก็ทำให้หญิงสาวก้าวเข้าไปจนใกล้และค่อยๆ สอดแขนข้างหนึ่งไปใต้ร่างที่ทาบทับโจรกบฏอยู่ แล้วช่วยดึงเขาให้ลุกขึ้นมา
“งั้นก็ค่อยๆ นะคะ”
“โอ๊ย!”
แย่แล้ว!
เขาไม่ได้แค่โดนฟาดด้วยไม้ แต่ยังโดนยิงด้วย!
เกล้าเศียรเองก็เพิ่งรู้สึกตอนที่พยายามยันตัวลุกขึ้น เขาลุกไม่ได้ ทำไมก่อนหน้านี้เขาไม่รู้สึก
“เจ็บมากเลยเหรอ” ได้ยินเสียงร้องตามด้วยเสียงกัดฟันหญิงสาวก็หน้าซีด ก็เธอไม่ได้ตั้งใจให้เขาเจ็บขนาดนี้
“อีกครั้ง” เขาไม่ตอบ แต่ออกคำสั่งแทน
กานมณีทำตามในทันที และครั้งนี้เขาก็สามารถลุกขึ้นมายืนได้ในครั้งเดียวพร้อมๆ กับเสียงบดกรามกรอดยาวเหยียด นั่นเพราะหากพลาดครั้งนี้ เขาจะไม่สามารถทำมันได้อีกเป็นครั้งที่สอง
“คุณมีเลือดออก”
กานมณีตาเบิกโพลงเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นวงกว้างเต็มหน้าท้อง ทันทีที่เขาลุกขึ้น เธอไม่คิดว่ามันเป็นเลือดของโจรกบฏ เพราะอีกฝ่ายหมดสติด้วยแรงต่อยที่ใบหน้า ไม่ใช่บาดแผลจากช่องท้อง
“น่าจะถูกกระสุนเมื่อกี้” เขาบอกน้ำเสียงไม่ยี่หระ แล้วคว้ามือเล็กข้างหนึ่งไปจับไว้แน่น
“นี่คุณจะทำอะไร! ไหนว่าจะไม่แก้แค้นตอนนี้"
“อยู่นิ่งๆ ยังไม่ทำอะไรหรอกน่ะ”
เกล้าเศียรดุเสียงเข้ม ใช่เขาคนเดียวหรือไงที่มีเลือดออก ฝ่ามือในอุ้งมือร้อนตอนนี้ก็อาบไปด้วยเลือดเช่นกัน เขาพลิกมือนั้นให้หงายขึ้น แล้วล้วงมืออีกข้างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา…
“นี่คุณ…!”
“อยู่นิ่งๆ ผมจะพันมือให้ ผ้าผืนนี้ยังไม่ได้ใช้”
เขาคิดว่าที่เธอชักมือกลับเป็นเพราะรังเกียจผ้าเช็ดหน้าที่เขาใช้แล้ว เขาตรึงมือนุ่มเอาไว้และค่อยๆ พันผ้าลงไป ว่าแต่เขาล้วงผ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์หรือกระเป๋าเสื้อแขนยาวกันแน่นะ เหมือนจะเป็นเสื้อแขนยาว แต่ถ้าจำไม่ผิดผ้าเช็ดหน้าอยู่กระเป๋าเสื้อกาวน์ และผ้าในกระเป๋าเสื้อแขนยาวคือ...
“เอ่อ...”
ผ้าชิ้นน้อยของกานมณีมาอยู่ในกระเป๋าได้ยังไง
นายแพทย์หนุ่มถึงกับติดอ่างไปชั่วขณะ
“ผม...”
ความคิดเห็น |
---|