2
เดินหน้าตามแผนการ
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
หญิงสาวในชุดนักศึกษายกมือไหว้ รปภ. ที่ยืนเปิดประตูโรงแรมแล้วเดินเข้าไปนั่งโซฟาตัวเดิมที่เธอนั่งมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ พอนั่งลงปุ๊บก็มีน้ำพร้อมผ้าเย็นยื่นมาให้ทุกครั้ง ถึงแม้เธอจะปฏิเสธแต่ทุกวัน ก็ยังคงมีมาให้เห็น ดังนั้นหากวันไหนอากาศร้อน เธอก็จะหยิบผ้ามาซับเหงื่อ แต่ถ้าไม่ เธอก็จะปล่อยให้มันอยู่อย่างนั้น
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวไหว้พนักงานสาวที่นำน้ำและผ้ามาให้ ก่อนจะเริ่มปักหลักทำการบ้านที่อาจารย์สั่ง เธอจองพื้นที่ตรงนั้นด้วยหนังสือเรียนและหนังสือมากมายที่ต้องใช้ทำการบ้าน ด้วยจำได้ว่าทุกวันจันทร์ ท่านประธานใหญ่จะมีประชุมประจำสัปดาห์ ซึ่งจะดีกว่าหากเธอจะใช้เวลาที่รอเขา ทำในสิ่งที่มีประโยชน์แก่ตัวเธอเอง
เวลาผ่านไปนานจนฟ้าเริ่มมืด เมฆานรีจึงเริ่มเก็บข้าวของลงกระเป๋ารอท่านประธานลงมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่เก็บลงกระเป๋าไม่ได้ หญิงสาวยังนั่งรอเขาอยู่ที่เดิม แต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งท่านั่ง ทรงผมที่มุ่นด้วยดินสอไม่ให้ผมรุ่ยร่ายระคายตา และน้ำดื่มที่พร่องลงไปกว่าครึ่งแก้ว
ระหว่างนั่งทำการบ้าน หญิงสาวช้อนตาดูนาฬิกาติดผนังซึ่งบอกเวลาว่าจะล่วงเข้าไปเกือบทุ่มครึ่งแล้ว แต่เจ้าของสถานที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงมา หญิงสาวจึงก้มหน้าอ่านหนังสือและเตรียมเขียนปากกาลงสมุดอีกครั้ง
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ทำให้เมฆานรีเงยหน้าดูว่าคนที่ลงมาใช่คนที่เธอรอหรือไม่ และใช่ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ชายร่างสูงในชุดสูทสีเข้มก็เดินออกจากลิฟต์ด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย มองไปยังประตูทางออกโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอ แต่หญิงสาวไม่สนใจ รีบใช้ความเร็วของตัวเองเก็บข้าวของบนโต๊ะและตรงดิ่งไปหาท่านประธานของโรงแรม
“คุณพิธานคะ คุณพิธาน” หญิงสาวส่งเสียงไปก่อนตัวเหมือนทุกครั้ง และเป็นเช่นเดิมเหมือนทุกวันตลอดสัปดาห์ที่พิธานทำเพียงเดินดุ่มๆ ไปยังรถ เธอวิ่งตามเท่าไร ก็ไม่เคยทันเขา
“คุณพิธานคะ กรุณาหยุดฟังหนูก่อนนะคะ” หญิงสาวร้อง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่หยุด
แล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น เพราะเธอดันไม่ได้อ่านป้ายสีเหลืองๆ ที่เขียนว่า ‘กำลังทำความสะอาด’ เมื่อรองเท้าที่ไม่มีดอกยางของเธอสัมผัสพื้นเปียกๆ หญิงสาวเลยต้องเจ็บตัว
โครมมม!
เสียงข้าวของหล่นกระจัดกระจายบนพื้นทำให้คนทั่วบริเวณหันมามองนักศึกษาสาวที่ลงไปกองกับพื้นที่ทำความสะอาดเป็นตาเดียว หลายคนแสดงความตกใจ แต่ก็มีหลายคนหัวเราะโดยเฉพาะพนักงานของโรงแรม มีเพียงป้าแม่บ้านและ รปภ. ที่อยู่หน้าประตูเท่านั้นที่เดินเข้ามาดูเธอ
หญิงสาวนอนนิ่งอยู่สักพักก็ได้รับความช่วยเหลือจาก รปภ.สูงวัย เขาพยุงให้เธอลุกขึ้นนั่ง ในขณะที่แม่บ้านช่วยเก็บของที่กระจาย โชคดีที่มีแต่หนังสือ ไม่ใช่ของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ
เมฆานรีนั่งพับเพียบ ยกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคนที่เข้ามาช่วยเธอ ก่อนจะสำรวจตัวเองว่าเจ็บตรงไหนบ้าง โชคดีที่ไม่มีตรงไหนถลอก
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหนู” รปภ. ถามขึ้น เขาเห็นเด็กคนนี้วิ่งตามเจ้านายหนุ่มเหมือนทุกวัน แต่วันนี้กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทันทีที่ท่านประธานเดินพ้นประตูไป เขาก็ตั้งใจจะเปิดประตูรอเธอ แต่หญิงสาวถลาลงไปนอนกับพื้นพร้อมข้าวของกระจัดกระจาย
“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูซุ่มซ่ามเอง” เธอตอบทันทีที่ลดมือลง แล้วรับหนังสือจากป้าแม่บ้าน ก่อนจะลุกขึ้นตามแรงฉุดของผู้ใหญ่ทั้งสอง
ยังไม่ทันได้ยืนเต็มตัว หญิงสาวก็แสดงสีหน้าเหยเก แล้วลากเสียงคราง
“โอ๊ยยย”
ตอนแรกเธอไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่ตอนนี้มันคงระบม ทั้งก้น มือ และเข่า
“ไหวมั้ยคะ” ป้าแม่บ้านถามอย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่เธอมาทำความสะอาดผิดเวลา
“ไหวค่ะ ไหว” หญิงสาวว่าพร้อมมองไปหน้าโรงแรมก่อนถอนหายใจยาว เพราะหงุดหงิดทั้งความซุ่มซ่ามของตัวเองและความใจร้ายของชายหนุ่ม
“โอ๊ย! ไม่ทันอีกแล้ว เจ้านายป้ากับลุงเนี่ย เขาเร็วจังเลยนะคะ ใจร้ายชะมัด”
“เอ๋ แต่ปกติท่านใจดีนะคะ แม้ใบหน้าจะออกเข้มๆ ดุๆ แต่ท่านใจดีมาก จริงไหมตาสม” คนเป็นแม่บ้านหันไปขอความเห็นของอีกคนที่ช่วยพยุงหญิงสาวออกไปทางประตูโรงแรม ซึ่ง รปภ.ชื่อตาสมก็พยักหน้าเห็นด้วย
“คุณหนูจะให้ผมเรียกรถให้ไหมครับ นั่งรถเมล์กลับเหมือนทุกวันคงจะไม่ไหว” ชายสูงวัยถาม
“วันนี้คงต้องรบกวนแล้วละค่ะ” หญิงสาวตอบทันทีที่นั่งลงบนบันไดหน้าโรงแรม ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวมารับเธอ
“นายครับ” คนขับรถและคนสนิทของพิธานอย่างคมกฤตเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเงียบไปขณะที่คุยกันเรื่องงานประชุมที่เพิ่งผ่านพ้น
“ว่าไง” ชายหนุ่มขานรับ ทั้งที่ยังคงจ้องออกไปด้านนอกหน้าต่าง
“นายจะไม่ให้เด็กคนนั้นเข้าพบจริงๆ หรือครับ”
“ให้สิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้” คนเป็นนายตอบก่อนจะว่าต่อ “ฉันแค่ไม่เข้าใจ ทำไมคนบ้านท่องวัจนะถึงให้เด็กคนนี้มาคุยกับฉัน แทนที่จะเป็นพวกผู้ใหญ่” พิธานยิ้มกับตัวเอง
“แล้วนายจะเอาอย่างไรต่อครับ” คมกฤตยังคงสงสัย
“ก็คงรอจนกว่าเธอใกล้จะยอมแพ้ เพราะเธอบอกเองว่าจะมาเฝ้าฉันทุกวันจนกว่าจะยอมคุยด้วย ฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะอดทนรอฉันได้นานแค่ไหน” คนเป็นนายว่า ก่อนจะนึกถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทุกวัน
หลังจากที่เมฆานรีประกาศว่าจะมาเฝ้าเขาทุกวัน เธอก็มาตามที่ประกาศไว้จริง หลังเลิกงานทุกวันเขาจะเจอเธอในชุดนักศึกษา นั่งรอเขาตรงโซฟาตัวเดิม ที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันคือ กิจกรรมยามมานั่งรอเขา วันหนึ่งนั่งหลับ วันหนึ่งนั่งอ่านหนังสือ วันหนึ่งนั่งเล่นชวนคนนู้นคนนี้คุย ส่วนวันนี้เธอคงหอบหนังสือมานั่งทำการบ้านรอเขาทำงานและติดประชุมเป็นเวลานาน
คิดแล้วพิธานก็ยิ้มกับการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ของเธอ แม้เขาจะตั้งใจทำเป็นไม่สนใจเธอ แต่ก็สั่งให้คนคอยจับตาดูเธอและคอยบริการเธอเหมือนแขกคนหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ซึ่งเขาไม่ตั้งใจให้มันเกิด
หลังจากเขาเลิกงาน เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างที่เป็นเช่นทุกวัน ทันทีที่เขาก้าวออกจากประตูลิฟต์ เธอก็รีบเก็บข้าวของและวิ่งตามเขามา แน่นอนว่าวิ่งไม่ทันอยู่แล้ว และคมกฤตก็จะออกรถหนีทันที ทุกวันพิธานจะเห็นสาวน้อยทำหน้าละห้อย แต่วันนี้เมื่อเขาหันไปมอง เธอกลับไม่ยืนอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มกลับเห็นคนมากมายมุงตรงประตู ก่อนจะสังเกตเห็นคนนอนอยู่บนพื้น เดาไม่ยากว่าคนที่นอนอยู่เป็นใคร แต่ที่เขาไม่รู้คือเกิดอะไรกับเธอกันแน่
คิดได้ดังนั้น เขาจึงรีบควานหาโทรศัพท์มือถือ ติดต่อไปยังพนักงานต้อนรับ ไม่นานก็ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่ก็ไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของคนในสาย เพราะพนักงานมัวแต่พูดกลั้วหัวเราะ
“คนหกล้ม มันน่าขำมากหรือครับ” เสียงเข้มฉายแววไม่พอใจชัดเจน แม้แต่คนที่นั่งในรถด้วยกันยังสะดุ้ง “ผมขอสายพิมหน่อย ด่วนด้วย”
ไม่นานคนที่ถูกเรียกหาก็อยู่ในสาย
“พิม แล้วเด็กคนนั้นกลับยังไง” น้ำเสียงห่วงใยของท่านประธานใหญ่ทำให้คนในสายยิ้มกว้างโดยไม่ต้องปิดบัง
“กลับแท็กซี่ค่ะ เห็น รปภ. กับแม่บ้านพยุงไปขึ้นรถ นี่ท่าจะเจ็บเอาการนะคะ นี่ถึงกับหิ้วปีกกันเลยทีเดียว” พิมฐาแกล้งพูดเสียงเครียดใส่
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคนเป็นนายและลูกพี่ลูกน้องของเธอคิดอะไรอยู่ เขาน่ะเป็นพวกใจอ่อนขี้สงสาร เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ยิ่งเห็นเด็กที่วิ่งตามตัวเองหกล้มแบบนี้ ร้อยทั้งร้อย อย่างไรก็เป็นห่วง
“งั้นหรือ ดีแล้ว” แม้จะหายกังวลบ้างแล้ว แต่ยังอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ยังไงถ้าพรุ่งนี้เธอมาอีก ฝากดูอาการให้ด้วยนะ และก็หายาหรืออะไรให้เธอด้วย แต่ไม่ต้องบอกล่ะว่าพี่สั่ง” พิธานสั่งจบก็ตัดสายไม่ให้อีกฝ่ายถามอะไรต่ออีก เขาได้แต่หวังว่าเด็กคนนั้นจะมาและยอมรับความหวังดีจากเขา
ทุกอย่างเป็นอย่างที่พิธานคาดไว้ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในโรงแรมเหมือนทุกครั้ง แม้วันนี้จะมาแบบกระย่องกระแย่งก็ตาม เธอมาเพียงเพื่อแค่ให้เขาเห็นหน้าว่าไม่ได้ผิดคำสัญญาจนกว่าเขาจะอนุญาตให้เข้าพบ
ทันทีที่เมฆานรีนั่งลง พี่สาวคนสวยซึ่งทำงานในตำแหน่งหัวหน้าประชาสัมพันธ์ก็เข้ามาสอบถามอาการ
“เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณเมฆานรี” หัวหน้าประชาสัมพันธ์นั่งลงข้างๆ
“สวัสดีค่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่เจ็บที่เข่าและก็เคล็ดที่เอวค่ะ” คนเจ็บว่าก่อนจะส่งยิ้มหวานให้
“รับยาไปทาหน่อยนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นคำขอโทษจากทางโรงแรม” คนเป็นประชาสัมพันธ์ว่า ก่อนจะยื่นยาบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกให้
“ขอบคุณนะคะ แต่จริงๆ ไม่เป็นไรเลยค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของทางโรงแรมหรอกค่ะ หนูซุ่มซ่ามเอง” เมฆานรียิ้มแห้ง จะให้ไปโทษเขาได้ไง เธอพลาดเอง ไม่เคยที่จะคิดโทษสถานที่เลยจริงๆ
“รับไว้เถอะค่ะ นะคะ” อีกฝ่ายยังคงคะยั้นคะยอ
เมฆานรีก็รับไว้ ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณ “ว่าแต่ พี่สาวคนสวยชื่ออะไรเหรอคะ ว่าจะถามหลายทีแต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที”
“โอ๊ย ขอบคุณค่ะ พี่ชื่อพิมฐาค่ะ เป็นหัวหน้าประชาสัมพันธ์ของที่นี่” คนสูงวัยกว่าตอบพร้อมรอยยิ้มหวานๆ
“คุณพิมฐา อ๋อ ลูกพี่ลูกน้องกับคุณพิธานใช่มั้ยคะ” หญิงสาวถามก่อนยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า “สวยกว่าในรูปอีกนะคะเนี่ย”
“รูปหรือคะ”
“ใช่ค่ะ รูปตอนเปิดโซนใหม่ของโรงแรมนี้ค่ะ” เมฆานรีว่าก่อนจะนำยาใส่ในกระเป๋า
“อ๋อค่ะ ยังไงเรียกพี่ว่าพี่พิมก็ได้นะคะ อย่างไรซะเราก็คนกันเอง เจอกันทุกวันอยู่แล้ว” คนโตกว่าเอ่ยอย่างใจดี
“งั้นขออนุญาตเลยนะคะ และพี่พิมเรียกเมฆว่าเมฆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเรียกเต็มยศหรอกค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเมื่อคนตรงหน้าพยักหน้ารับ และเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน
เวลาผ่านไปเหมือนทุกๆ วัน ท้องฟ้าเริ่มมืด เสียงลิฟต์โดยสารสำหรับผู้บริหารเท่านั้นดังขึ้น เขายังไม่หันมามองหน้าเธอที่นั่งส่งยิ้มแป้นให้เช่นเดิม พิธานเดินเลยไปแบบไม่สนใจ และอย่างที่บอกวันนี้เธอไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อวิ่งตามเขาเหมือนทุกวัน เธอจึงทำเพียงนั่งส่งยิ้มหวานเก้อๆ ให้
แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ผิดคำพูดกับเขา
เมื่อเห็นว่ารถของเขาเคลื่อนออกไปแล้ว หญิงสาวจึงค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วลากสังขารไปยังประตูที่มีคุณลุง รปภ. ใจดีเปิดให้ ล่ำลากัน ก่อนจะเดินจากไปเหมือนทุกวัน
เกือบสองสัปดาห์ที่เมฆานรีมารอเขาทุกวันตามสัญญา โดยไม่เคยรู้เลยว่าของรับรองต่างๆ ทั้งขนม น้ำ และผลไม้ที่ได้รับนั้นมาจากคำสั่งตรงของคนเป็นประธานใหญ่ที่มักจะคอยโทร. มาถามเรื่องของเธอกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ บ้างก็ปลีกตัวลงมาสอดส่องด้วยตัวเอง และได้เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามุ่งมั่นจะรอเขาแค่ไหน
แม้แต่วันที่ฝนตกหนักเช่นวันนี้ เขาก็ยังเห็นเธอมานั่งรอ พร้อมหนังสือเรียนมากมาย พิธานยอมรับว่าเขาเป็นคนใจอ่อน ถ้าเป็นคนอื่นทำขนาดนี้ เขาคงยอมให้เข้าพบนานแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม สำหรับเด็กคนนี้ ที่เขาเองก็ยอมรับว่าใจอ่อนกับเธอนานแล้ว แต่ก็ยังอยากเห็นเธอทุกวันที่เลิกงาน พิธานกลัวว่าถ้าเขาให้เธอเข้าพบแล้ว เธอจะไม่มานั่งรอเขาอีก สิ่งที่เขาทำได้คือ ทำเป็นไม่สนใจเธอ
“ทำไมไม่ยอมให้เข้าพบสักทีล่ะคะ” คนเป็นลูกพี่ลูกน้องถามขึ้นจากด้านหลังเมื่อเห็นพี่คอยชะเง้อมองหญิงสาวที่นั่งรอเขาจนเกือบจะเป็นเดือนแล้ว
“ยังไม่พอใจน่ะ” พิธานตอบไปแบบเลี่ยงๆ แต่พิมฐาก็อดแซวไม่ได้
“ยังมองหน้าไม่พอใจหรือคะ”
เสียงกลั้วหัวเราะของพิมฐาทำให้เขาหันไปในทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่ยังรู้สึกว่าเด็กคนนี้ยังไม่มุ่งมั่นพอ” เขาหาข้ออ้างไปเรื่อย กลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าความมุ่งมั่นที่พี่ว่าคือการที่เธอคอยวิ่งตามพี่เหมือนแต่ก่อน พิมว่าคงไม่มีแล้วละค่ะ” พิมฐาเอ่ยยิ้มๆ เพราะเธอรู้สาเหตุจากหญิงสาวแล้ว และก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อชายหนุ่มถามกลับทันที
“ทำไม” เขาขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องทำหน้าเฉยๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของพิมฐา
“แหม อยากรู้เชียวนะคะ” พิมฐายู่หน้าอย่างหมั่นไส้แล้วบอกยิ้มๆ พลางนึกถึงสีหน้าหน้าขยาดของหญิงสาวตอนบอกเหตุผลที่ไม่ยอมวิ่งตามญาติผู้พี่ของเธอแล้ว
“ก็กลัวจะล้มเหมือนครั้งนั้น กว่าจะเดินเป็นปกติเล่นเป็นอาทิตย์ ไม่กล้าซ่าแล้วละค่ะ”
“งั้นเหรอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม ก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินไปที่ลิฟต์เพื่อกลับขึ้นไปทำงาน
“ใจอ่อนแล้วละสิ โธ่ คนแก่แกล้งมึน” พิมฐายิ้มส่งให้พี่ชายก่อนจะหันมายิ้มให้เมฆานรีที่นั่งรออย่างไม่รู้เรื่องอะไร
วันนี้พิธานเลิกดึกกว่าที่ควร ใจหนึ่งก็ห่วงงานอยากทำให้เสร็จ แต่อีกใจก็ห่วงเจ้าของดวงหน้าน้อยๆ ที่นั่งอ่านหนังสือรอเขา หลังงานเสร็จเขาก็พุ่งเข้าลิฟต์ลงมายังชั้นล่าง เพื่อจะได้เห็นหน้าเด็กน้อยที่เขาแอบลงมาดูหน้าเมื่อช่วงห้าโมงเย็น แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว สีหน้าผิดหวัง เมื่อไม่เห็นคนที่เขาอยากเจอจนหงุดหงิดขึ้นมา
พิธานเดินทำหน้ายักษ์จนใครก็เข้าหน้าไม่ติดไปถึงหน้าโรงแรม พลางโมโหว่ายายเด็กคนนั้นคงไม่มีความอดทนพอที่จะรอเขาแล้วสินะ เขาพาลแม้กระทั่ง รปภ. ที่ทำหน้าที่เปิดประตูตามปกติ แต่พิธานกลับรู้สึกว่าช้า
“เปิดประตูช้าแบบนี้ ลูกค้าไม่ยืนรอแย่หรือไง” ชายหนุ่มเสียงดัง จน รปภ. ถึงกับสะดุ้งก่อนจะกล่าวคำขอโทษ
“ขอโทษครับท่าน ผมจะระวัง” เมื่อโค้งคำนับขอโทษแล้วก็ยื่นกระดาษสีน้ำเงินลายโดนัลด์ ดั๊ก เป็ดสีขาวใส่ชุดทหารเรือสุดน่ารักให้พิธาน “ขอประธานโทษครับท่าน คุณหนูเมฆานรี ฝากให้ท่านครับ”
แค่ได้ยินชื่อเจ้าของกระดาษ ใจของเขาก็กระตุกเบาๆ แล้ว มุมปากยกขึ้นอย่างมีความสุข ทั้งที่ยังไม่อ่านข้อความด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มของ รปภ. พิธานคว้ากระดาษแล้วรีบตรงไปยังรถของตนเอง ก่อนจะปิดประตูและคลี่กระดาษออก
ถึงหนูจะไม่รู้ว่าคุณพิธานจะได้อ่านไหม หรืออาจจะโดนคุณโยนทิ้งทันทีที่รู้ว่าหนูฝากไว้ หนูก็ยินดีจะฝากไว้ค่ะ คือหนูจะบอกคุณว่า วันนี้คุณเลิกดึก หนูเลยไม่สามารถอยู่รอได้ เพราะกว่าจะถึงบ้านคงเที่ยงคืนพอดี เลยทิ้งกระดาษแผ่นนี้ไว้ เพื่อยืนยันกับคุณว่า หนูจะยังคงรอคุณ และจะรอคุณทุกวันจนกว่าคุณจะให้หนูเข้าพบ
แต่วันนี้ขอกลับก่อนนะคะ คนที่บ้านตามแล้ว
พรุ่งนี้หนูจะมารอคุณอีก
เมฆานรี ^-^’
พิธานอ่านกระดาษแผ่นนั้นจบก็พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อทันที ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ นึกขำตัวเองที่หงุดหงิดสาวเจ้าทันทีที่ไม่ได้เห็นหน้าหลังเลิกงาน ที่แท้เธอก็ต้องรีบกลับบ้านนี่เอง เขารู้ว่าบ้านท่องวัจนะห่างจากโรงแรมแค่ไหน แต่ที่สงสัยคือ ถ้าใช้รถยนต์ก็ไม่น่าจะนานขนาดนั้น แล้วทำไมเธอถึงบอกว่า กว่าจะกลับถึงบ้านคงเที่ยงคืนล่ะ
พิธานขมวดคิ้วก่อนจะประสานสายตากับคมกฤตผ่านกระจกมองหลัง แม้คนขับจะหลบตาไปแล้ว แต่พิธานก็ยังคงจ้องต่อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
“นายรู้ใช่มั้ยว่าเด็กคนนั้น กลับบ้านยังไง” คนเป็นนายเอ่ย
คมกฤตพยักหน้า เพราะเมื่อกี้เขาบังเอิญสวนกับเธอตอนเข้ามาในโรงแรม
“ครับ นั่งรถเมล์กลับครับ”
“รถเมล์หรือ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วทวน เมื่อเห็นว่าคนขับพยักหน้ารับ เขาก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
ลูกสาวคนโตของบ้านท่องวัจนะ สาวสวยสุดไฮโซคนพี่ ขับรถหรูราคาเกินล้าน แต่คนเป็นน้องกลับนั่งรถเมล์ ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่า สองคนนี้ใช่พี่น้องกันจริงๆ หรือเปล่า ทำไมถึงเลี้ยงลูกได้ต่างกันราวฟ้ากับเหว คนหนึ่งติดหรู คนหนึ่งติดดิน แม้เขาจะสนใจความสวยหรูอย่างคุณหนูไฮโซของคนพี่ที่ช่างเหมาะสมกับตัวเขา แต่ตอนนี้กลับติดใจการใช้ชีวิตของคนน้องว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“แล้วเรื่องแต่งงานล่ะครับ นายจะเอาอย่างไร” คมกฤตถาม ขัดอารมณ์เจ้านายหนุ่มเป็นที่สุด
“ก็รอคุณพายุเนี่ยละ ว่าจะเอาอย่างไร”
พิธานนึกถึงใบหน้าสวยหวานของลูกสาวคนโตบ้านท่องวัจนะที่เขาสนใจแต่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก ก่อนขมวดคิ้วเมื่อมีอีกใบหน้าซ้อนทับขึ้นมา เป็นใบหน้าหวานๆ ดวงตากลมโตของคนที่เคยก้มลงมองเขาใกล้ๆ เพื่อพูดถึงเรื่องแต่งงาน แม้ใบหน้านั้นจะละม้ายคล้ายกับคนเป็นพี่ แต่คิ้วเข้มกว่า แววตาสดใสกว่า
และเมื่อนึกถึงดวงตากลมโตใสซื่อของสาวเจ้า ชายหนุ่มก็ยกยิ้มอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตั้งแต่เห็นหน้าเด็กคนนั้น ทุกครั้งเวลาที่คิดถึงลูกสาวบ้านท่องวัจนะคนโต ก็จะมีอีกใบหน้าซ้อนขึ้นมาเสมอ แต่ในที่สุดพิธานก็ให้คำตอบแก่ตัวเองว่า เป็นเพราะเขาเห็นหน้าเด็กคนนั้นทุกวัน
ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปทวงคำสัญญาจากผู้เป็นพ่อของหญิงสาวทั้งสองในห้วงความคิด ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า คิดจินตนาการภาพวันที่เขาและนภาพราวจะได้แต่งงานกันอย่างที่เขาตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงธุรกิจ ไม่มีความรัก แต่ก็มีความเหมาะสม ทำให้เขาอยากแต่งงานกับเธอ
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณลุง” เมฆานรีทักทาย รปภ. ร่างท้วมที่เปิดประตูให้เธอทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนของการมานั่งรอชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมที่เธอมาในตอนเช้าแบบนี้
“นี่ค่ะ ขนมเค้ก หนูเอามาฝาก” หญิงสาวว่าก่อนจะยื่นกล่องใส่ขนมให้เขา
“อุ๊ย คุณหนู ขอบคุณมากครับ จริงๆ ไม่ต้องก็ได้นะครับ ว่าแต่ทำไมวันนี้คุณมาแต่เช้า” ลุง รปภ. ถามอย่างสงสัย
“วันนี้เย็นไม่ว่าง แต่ต้องมารายงานตัวก่อนค่ะ” หญิงสาวว่าจบก็ขอตัวเข้าไปด้านใน
ทันทีที่เดินไปถึงประชาสัมพันธ์ เธอก็ยกมือไหว้ ก่อนจะเอากล่องขนมอีกกล่องวางลงตรงหน้าพนักงานต้อนรับ
“สวัสดีค่ะพี่คนสวย หนูเอาขนมมาฝากค่ะ พี่พิมฐาอยู่มั้ยคะ” เมฆานรีเอ่ยอย่างสดใส
พนักงานต้อนรับก็พยักหน้ารับ ก่อนจะให้คนไปตามหัวหน้าสาวมา
“ว่าไงจ๊ะหนูเมฆ ทำไมวันนี้มาแต่เช้าล่ะ” พิมฐาถามพลางดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปหาหญิงสาวตรงหน้า
“วันนี้เมฆมีสอบบ่ายค่ะ สอบเสร็จ เกรงว่าจะมาที่นี่ไม่ทัน เลยแวะมาแต่เช้าดีกว่า” เมฆานรีว่าก่อนจะเลื่อนเค้กตรงหน้าให้ลูกพี่ลูกน้องท่านประธาน
“เมฆเอาขนมมาฝาก กล่องใหญ่ของพี่ๆ ประชาสัมพันธ์ ส่วนกล่องเล็กของป้าแม่บ้านที่ชื่อจิต ที่มาช่วยหนูไว้เมื่อวันที่ล้มค่ะ เมฆรบกวนพี่พิมให้คนจัดแบ่งหน่อยนะคะ ส่วนของป้าจิต หนูรบกวนเอาให้ป้าเขาด้วย” หญิงสาวรีบยกมือไหว้เมื่อคนเป็นพี่พยักหน้ารับ
“อ๋อ ส่วนกล่องนี้ ของคุณพิธานค่ะ พิเศษหน่อย จำได้ว่าท่านไม่ชอบขนมหวานๆ เลยเอาช็อกโกแลตกับชาเขียวมาให้ค่ะ รบกวนฝากให้พี่เลขาฯ หน้าห้องด้วยนะคะ...” เธอยังไม่ทันที่จะพูดจบ พิมฐาก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“คงไม่ต้องฝากพี่แล้วละจ้ะ โน่น เลขาฯ ท่านลงมาพอดี...พิศมานี่หน่อยสิ” ว่าจบ พิมฐาก็หันไปเรียกหญิงสาวที่มีใบหน้าแสนสวย ทรวดทรงองค์เอวเป็นรูปตัวเอส เธอสวยมากในสายตาของเมฆานรีจนต้องอ้าปากค้าง
“น้องเมฆจ๊ะ นี่คุณพิศพราว เลขาฯ หน้าห้องท่านประธานจ๊ะ” แนะนำจบ เมฆานรีก็รีบยกมือไหว้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไหว้อย่างเป็นกันเอง
“พิศนี่ น้องเมฆ เมฆานรี...”
“เด็กที่มานั่งรอท่านประธานน่ะเหรอ” พิศพราวถามพร้อมเบิกตาโพลง ยิ่งได้รับคำยืนยันจากพิมฐาก็ยิ่งตกใจ “นี่สาวสวยแล้วนะ ไม่เด็กแล้ว”
คนเป็นเลขาฯ ยิ้มหวานอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าแดงระเรื่อของหญิงสาว พิมฐาก็พยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ ก่อนจะเอ่ยถึงสาเหตุที่เรียกพิศพราวมาหา
“นี่ขนม น้องเมฆเอามาฝาก” พิมฐาเอ่ยเปิดทางแล้วส่งสายตาให้เมฆานรีพูดต่อ
“เอ่อ...เมฆรบกวนพี่เลขาฯ คนสวยช่วยเอาให้ท่านทานด้วยนะคะ เมฆเอามาให้เลือกสองรส ช็อกโกแลตกับชาเขียว เพราะรู้ว่าท่านไม่ชอบทานของหวานๆ” หญิงสาวยิ้มแหยแล้วเอ่ยอย่างอ่อนน้อม
“ขอโทษนะคะที่รบกวน คือไม่ว่าท่านจะเลือกรสไหน อีกรสก็ขออนุญาตยกให้คุณพิศพราวค่ะ และฝากแบ่งให้คนขับรถที่ท่านสนิทด้วยนะคะ”
“อย่าเรียกคงคุณอะไรเลย เรียกพี่พิศก็ได้จ้ะ” เลขาฯ สาวบอกเมื่อเห็นว่าการพูดคุยแบบห่างเหินทำให้เมฆานรีเกร็งแปลกๆ
“ค่ะพี่พิศ อย่าลืมบอกท่านด้วยนะคะ ว่าวันนี้เมฆมาแล้ว แต่ต้องรีบไปสอบช่วงบ่ายจริงๆ เย็นเลยมานั่งรอไม่ได้” หญิงสาวว่าด้วยสีหน้าสลด เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ เธอก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะลาผู้ใหญ่ทุกคน แล้วรีบมองนาฬิกา นักศึกษาสาวพุ่งตัวไปประตูโรงแรมแล้วเบรกตัวเองเหมือนนึกบางอย่างได้ จึงค่อยๆ เดินออกไปอย่างเป็นผู้เป็นคน
ทันทีที่พ้นประตู เธอก็มั่นใจว่าเห็นรถของประธานหนุ่มกำลังเคลื่อนเข้ามา แต่เธอไม่มีเวลาที่จะอยู่รอเจอเขาหรือให้เขาเห็นหน้า เพราะตอนนี้เธอเรียกพี่วินมอ’ไซค์และซิ่งออกไป ไม่อย่างนั้นมีเข้าสอบสายแน่ ๆ
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็หันไปเห็นหญิงสาวในชุดนักศึกษา เขาไม่แน่ใจว่าใช่คนที่คิดหรือเปล่า เพราะเด็กคนนั้นมักจะมาที่โรงแรมช่วงเย็น เมื่อรถยนต์จอดสนิท เขาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมทันที
“น่ารักจังเลยเนอะ” พิศพราวเอ่ยแล้วหันมาทางเพื่อนสนิท
“ใช่ น่ารักมาก นิสัยก็ดี พูดก็เพราะ มีมารยาท ไหว้ตั้งแต่ท่านประธาน ยันแม่บ้าน ลุง รปภ. นี่ถ้าอายุมากกว่านี้สักสิบปีนะ ฉันจะยุให้พี่ชายฉันขอแต่งงานไปแล้ว” พิมฐาพูดอย่างเสียดาย
“ทำอย่างกับจะแต่งไม่ได้ ไม่ได้เด็กขนาดนั้นซะหน่อย ขึ้นอยู่กับว่าท่านประธานของเราพอใจในตัวแม่หนูคนนี้ไหมต่างหาก” คนเป็นเลขาฯ ว่า ก่อนจะรวบถุงใส่เค้กไว้กับมือ
“ใช่ พี่ชายฉันตั้งแต่เลิกกับยายนั่นก็แทบจะไร้หัวใจ ควงสาวเป็นว่าเล่น ไม่เคยถูกใจใครสักคนเลย เพิ่งมาถูกใจก็พี่น้องบ้านท่องวัจนะเนี่ยละ คนพี่ก็อยากแต่งงานด้วย ส่วนคนน้องก็...ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขาจะรู้ไหมว่ายิ้มหวานทุกครั้งที่เห็นหน้า” พิมฐาลดเสียงลงเพื่อคุยกันเพียงสองคนเท่านั้น
พิศพราวพยักหน้าเข้าใจ
“ตายแล้วท่านประธาน ฉันไปก่อนนะ!” ว่าแล้ว สายตาก็ไปสะดุดกับคนเป็นเจ้านายทำให้วงแตก ต่างคนต่างไปทำงานของตนทันที
ความคิดเห็น |
---|