3

คำที่ 3


คำที่ 3

‘หนูกลัว...’

เฮือก...

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดราวกับว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ได้สูดออกซิเจนเข้าไป ขณะเดียวกันก็เบิกตาโพลง รับรู้ได้ทันทีว่าเช้าแล้ว ไม่ใช่เพราะแสงที่แยงตา ให้สว่างกว่านี้ก็หลับได้ ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร ไลลาลิณไม่อาจปิดไฟให้มืดสนิทแล้วนอนหลับเหมือนคนอื่นๆ ได้ ซึ่งหากหลับไปแล้วมีใครอุตริหวังดีมาปิดไฟให้ เมื่อตื่นมาเจอความมืด หญิงสาวจะกรีดร้องทันที ทั้งกลัว ทั้งหวิวโหวง เหมือนมีใครมาบิดหัวใจ โดยที่ไม่รู้สาเหตุ หลายทีที่หม่อมราชวงศ์ศศินิภาให้ไปปรึกษาหมอเพื่อแก้อาการแพนิกนี้ หล่อนก็ไม่ยอมไป คุณย่าเลยได้แต่ตามใจ ไม่กล้าบังคับหลานรัก ปล่อยให้นอนเปิดไฟมาทั้งชีวิต

ตาหวานทอดมองไปที่ระเบียงห้อง เห็นวิวไร่องุ่นไกลสุดลูกหูลูกตาผ่านช่องผ้าม่าน ก่อนที่มือเรียวเล็กจะเอื้อมไปคว้ามือถือซึ่งอยู่ที่หัวเตียง ถึงได้รู้ว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว ควรจะลุกออกจากเตียง แต่ไลลาลิณก็เลือกที่จะกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่ยอมออกจากห้อง เพราะยังโมโหธันน์อยู่

กว่าหญิงจะลุกได้ก็แปดโมงกว่า ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการแต่งตัวแต่งหน้า ทั้งๆ ที่ปกติก็ไม่ชอบถมอะไรใส่ตัวนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่เฉยๆ ทำอะไร นึกถึงคำสอนของพี่สาวคนโตว่าให้แต่งตัวสวยๆ ต่อให้อะไรไม่ถูกใจ อย่างน้อยความงามของเราก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา จนใบหน้าจิ้มลิ้มมีสีสันแต่งแต้มตามที่กูรูความงามอย่างเพียงรุ้งพร่ำสอน ไม่วายหยิบลอนม้วนผมไฟฟ้ามาเพิ่มวอลลุมให้เส้นผมตัวเองฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย

จนผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ เพื่อนรักที่ปกติก็ตื่นเช้าไม่แพ้กันหากไม่ได้เข้าร้านก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาง้อ ไม่ได้ยินเสียงใครเคลื่อนไหวที่ด้านนอกเลย เลยได้แต่ทำใจแข็งเดินไปกดโทรศัพท์นอนเช็กความเป็นไปในโลกออนไลน์บนเตียงอีกที แล้วก็พบว่ามีคนคลิกไลก์รูปค็อกเทลตัวใหม่ที่ร้านนิชเพิ่งคิดค้นเมื่อวาน และหล่อนถ่ายรูปอัปในอินสตาแกรม มีคนมาคอมเมนต์ถล่มทลายว่าอยากจะชิม ถามหาวิธีจองโต๊ะในอีเวนต์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่างๆ นานา จนหญิงสาวยิ่งโมโหไอ้เพื่อนตัวดี ดูซิ ช่วยทำมาหากินตั้งเท่าไร ไม่เห็นจะสนใจกันสักนิด แต่ก็พิมพ์ไลน์ไอดีของแอดมินร้านนิชลงไป

จากนั้นหล่อนก็กดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ ใจวูบไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าในห้องแชตของพี่น้องที่มีชื่อกรุ๊ปว่า sky’s angles ยังไม่มีข้อความใดๆ ตอบกลับมา สมองของไลลาลิณเลยสั่งให้หล่อนไม่ต้องแม้แต่จะกดเข้าไปดูว่ามีใครอ่านไหม ตัดสินใจกระแทกมือถือลงกับเตียง เดินไปเปิดประตูและส่งเสียงดังเต็มที่เรียกร้องความสนใจ แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรลอดมาจากห้องฝั่งตรงข้าม ปล่อยให้หล่อนทิ้งตัว ถอนหายใจ

เดินเลื่อนลอยในห้องอีกพักใหญ่หญิงสาวก็ทนไม่ได้ เดินไปทำหน้าบึ้งหน้ามุ่ยอยู่หน้าประตูห้องนอนธันน์ กำมือบางเป็นกำปั้นเตรียมทุบเต็มที่ แต่ก็ไม่กล้า แม้จะสนิทกันมากแค่ไหน เลยเลือกที่จะแนบหน้าลงกับประตู ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา เลยยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่ ไม่สนมารยาทอีกต่อไป เงื้อมือขึ้นสูง และ...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

หญิงสาวถอยออกมาจากหน้าประตูพลางเงยหน้ามองมือตัวเอง ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนที่ แล้วเสียงที่ดังขึ้นคืออะไร

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ไลลาลิณหันหาต้นเสียง ก่อนจะขมวดคิ้วเพราะเสียงที่ได้ยินดังมาจากประตูหน้าห้อง จึงรีบเดินไปเปิดประตูออกด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเห็นว่าคนที่มายืนขยี้หัวหาวใส่ตอนนี้ก็คือเจ้าของวิมานที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตผ้าหนาสีกาสีอ่อนคู่กับกางเกงเกงสีกากีเข้มที่มีกระเป๋าเต็มไปหมด รองเท้าหน้าตาเหมือนทิมเบอร์แลนด์ แต่ก็ไม่ใช่ ทำให้ไลลาลิณต้องเอียงหัวเพราะกำลังดูว่าเป็นยี่ห้ออะไร หรือตาลุงแก่คนนี้จะใช้ของปลอม ยังไม่ทันได้คำตอบให้ตัวเอง หญิงสาวก็ต้องเสียสมาธิ

“สำรวจผมเสร็จหรือยัง หล่อถูกใจมะ”

คนที่โดนมองหัวจดเท้าเปลี่ยนอิริยาบถมาเท้าสะเอวจ้องหน้าผู้หญิงในวิลลาของเขา เมื่อวานหน้าใสก็สวยดี นี่เกิดดัดจริตจะมาแต่งหน้าทาปากอะไรกลางเขากลางป่า

“บ้า! แก่ละสิไม่ว่า โลงจะอ้ารออยู่ละ”

ไลลาลิณไม่ปฏิเสธหรอกว่ามานเมตต์งานดี ก็บอกตัวเองในใจตั้งแต่วินาทีที่ได้พบแล้ว แต่ความรู้สึกบางอย่างที่หญิงสาวมีต่อชายผู้นี้ไม่ว่าจะแค่อยู่ใกล้ๆ แค่ตอบคำถาม แค่เห็นหน้า หรือแค่...แค่นึกถึงก็หวิวแปลกๆ อีกอย่างหล่อไม่หล่อไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้พ่อหล่อนก็ยังดูดีกว่าเขา

“หึ คุณไลลา” มาเมตต์ทอดเสียงเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้า เอาละถึงจะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดผู้หญิงที่ไหนให้มาอวยใส่ความหน้าตาดี แต่เขาก็รู้ว่าเขาเป็นคนมีของคนหนึ่ง “ขิงอะ ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดนะครับ”

พูดแล้วก็ทุเรศปากพร้อมกับงงใจตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาอย่าว่าแต่ต่อปากต่อคำกับใครเลย จะมาพูดจาย้อนยอกเล่นหัวแบบนี้ยิ่งไม่ใช่ยี่ห้อมานเมตต์ไปกันใหญ่ แต่ในเมื่อเผลอทำออกไปแล้ว หนุ่มหล่อวัยสามสิบแปดก็ได้แต่เก๊กหน้าขรึมใส่คนที่ทำท่าจะอ้วก

“แหวะ แล้วนี่มาทำไมแต่เช้า ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ไม่คิดจะให้หลับให้นอนกันหรือไง”

แม้จะรู้แก่ใจว่านี่เก้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามานเมตต์จะมาวอแวอะไร ถ้าฟังไม่ผิดเมื่อวานตอนเกือบตีสองเขาเพิ่งกลับออกไปเอง

“ก็จะมารับไปกินข้าวเช้า เก้าโมงแล้วไม่หิวหรือไง”

พอเขาถาม คนที่มีชีวิตอยู่เพื่อกินก็รู้สึกขึ้นมาทันใด แต่ว่าจะให้ไปกินอะไรที่ไหน ในเมื่อธันน์ก็ยังไม่ตื่น ต่อให้จะงอนยังไง หล่อนก็ไม่กล้าทิ้งเพื่อนไปอยู่ดี

“ธันน์ยังไม่ตื่น”

“รู้” มานเมตต์ทำหน้าเมื่อย เพราะเขานี่ละตื่นมาแล้วเห็นข้อความที่รุ่นน้องพิมพ์ทิ้งไว้ตอนเกือบใกล้หกโมงเช้าว่าหากไลลาลิณตื่นแล้วก็ช่วยมาพาหล่อนไปดูแลที ดังนั้นเมื่อเช้าเขาเลยรีบเข้าไร่ไปดูความเรียบร้อยเร็วกว่าทุกวันเพื่อที่จะได้เหลือเวลามาดูแลเด็กคนนี้ “มันบอกผมเองว่ามันจะตื่นเที่ยงๆ ให้มารับคุณไปหาอะไรกินก่อน”

คนที่งอนเพื่อนอยู่แล้วก็ยิ่งฉุนไปอีก พาหล่อนมาแล้วยังมาทิ้งไว้กับคนอื่นแบบนี้ มันใช่เรื่องไหม!

“แต่...” จะให้บอกว่ายังไม่หิวก็ดูจะโกหกตัวเองไปหน่อย เพราะตอนนี้กระเพาะเริ่มเรียกร้องอาหารมาเติมเต็ม แต่ก็ไม่อยากไปกับเขาสองคน น้อยใจธันน์มากขึ้นไปอีก ก็รู้นิสัยกันดีอยู่แล้วว่าไม่ชอบสนิทกับใคร ยังมีหน้ามาเอาหล่อนไปฝากคนอื่นเลี้ยง ซึ่งถ้าธันน์ยืนอยู่ตรงนี้ตอนนี้ หล่อนต้องหยิกเพื่อนให้รู้ตัวบ้าง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะตัวต้นเหตุยังหลับอุตุ จึงได้แต่ลงอารมณ์หงุดหงิดทั้งหมดกับคนร่างใหญ่ตรงหน้า “ใครจะกล้าไปกับคุณสองคน หน้าตาก็ไม่ใช่ว่าจะไว้ใจได้ นี่เดินมาโกหกกันหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ด้านคนที่โดนดูถูกทั้งด้วยคำพูดและสายตาหน้าร้อนผ่าว ไลลาลิณไม่ได้สักแต่พูดกระทบใจคน แต่ยังมองมานเมตต์ตั้งแต่หัวจดเท้า ความสงสารที่มีให้หล่อนเมื่อคืนหายวับไปทันทีที่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพูดจากับคนแก่กว่าเกือบยี่สิบปีเช่นนี้

“เป็นเด็กสามขวบหรือไง จะไปไหม ไม่ไว้ใจกันมากก็ปาอะไรเข้าปากเองละกัน ผมมีงานต้องทำ ไม่ได้ว่างมาหลอกผู้หญิง...” จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญสำหรับวันนี้ แต่ร้านที่ตั้งใจจะพาไลลาลิณไปกินเป็นไข่กระทะบ้านๆ ทว่ารสชาติดีจัด เพราะใช้ส่วนผสมชั้นดี มีลูกค้าไปต่อคิวกินมากมาย ยิ่งกำลังจะเข้าช่วงวันหยุดในเทศกาลวันพ่อ นักท่องเที่ยวยิ่งมาก แถมยังต้องขับรถไปเกือบยี่สิบนาทีเพราะอยู่บนถนนธนะรัชต์ที่มุ่งขึ้นเขาใหญ่ หากสายไปกว่านี้อาหารจะหมดเสียก่อน ตาคมมองตอบร่างเล็กบ้าง ตั้งใจจะให้หล่อนรู้สึกว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง แต่กลับพลาดพลั้งเผลอพูดเรื่องที่ได้รับรู้จากธันน์มาเมื่อวาน “...โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ได้มีอะไรดึงดูดเลย ไม่น่ามองสักนิด พูดจาก็ไม่น่ารัก ใครจะไปอยากได้ พ่อแม่ยังไม่มีใครเอาไม่ใช่เหรอ”

“จะไปตายที่ไหนก็ไป” ได้ยินแบบนั้นไลลาลิณที่ตกใจ ก่อนจะโกรธจนขอบตาร้อนผ่าว หน้าชาตัวสั่น ก็ตะโกนใส่หน้าคนตัวโต เรื่องหล่อนดีไม่เท่าพี่ทั้งสองคนเป็นปมเล็กๆ อีกปมของ รู้ว่าไม่ได้งามจับตาแบบเพียงรุ้ง ไม่ได้พูดจาอ่อนหวานน่าฟังแบบเพียงดาว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรเท่าที่บอกว่าไม่เป็นที่ต้องการของพ่อแม่ ไม่ต้องมาย้ำ เรื่องนี้ฝังอยู่ในหัวจนไม่มีทางที่จะลบออกไปได้ “ไม่มีใครต้องการ ฉันก็เอาตัวรอดได้!”

พูดจบไลลาลิณก็ปิดประตูใส่หน้ามานเมตต์ทันที เล่นเอาเจ้าของวิมานยืนนิ่ง จากโมโหที่โดนปิดประตูใส่ ความรู้สึกผิดจากภาพหญิงสาวจวนเจียนจะร้องไห้ก็ไหลบ่าเข้ามาทำให้เขารู้ว่าพลาดไปสุดใจ เกือบจะยกมือเคาะประตูอีกที แต่ก็กลัวว่าจะทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งโตขนาดนั้นถ้าหิวก็คงรู้วิธีสั่งรูมเซอร์วิซ เดี๋ยวอารมณ์เย็นๆ แล้วเขาค่อยหาเรื่องมาขอโทษ เมื่อคิดได้แบบนั้นมานเมตต์ที่ปกติจะกินข้าวเช้าที่บ้านของเขาที่ทำด้วยฝีมือตัวเองก็ต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันไปกินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรมซึ่งเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ในขณะที่ร้านวินเนอรี่นั้นเปิดเฉพาะช่วงเย็นในวันจันทร์ถึงพุธ ส่วนวันพฤหัสบดีถึงอาทิตย์เพิ่มระยะเวลาการให้บริการตอนเที่ยงขึ้นมาด้วยเพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

หนุ่มร่างใหญ่เดินผ่านล็อบบีของวิมาน พลางสังเกตตรวจตราความเรียบร้อย จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เพราะเช้าๆ แบบนี้เขาไม่ค่อยได้มาตรวจงาน ส่วนใหญ่หลังตื่นนอนกินข้าวที่บ้านตัวเองเรียบร้อยก็จะรีบเข้าไร่ แล้วถึงมาดูกิจการโรงแรมในช่วงบ่าย ส่วนตอนเย็นไปถึงค่ำเมื่อเคลียร์เอกสารเสร็จ หนุ่มหล่อคนดังของสังคมไทยที่เต็มใจผันตัวมาอยู่ต่างจังหวัดก็จะไปดูความเรียบร้อยที่ ‘วินเนอรี่’ ไวน์บาร์ของเขาจนกว่าจะปิด จึงค่อยกลับไปพักที่บ้านซึ่งสร้างไว้ในไร่ คั่นกลางระหว่างโรงแรมกับเถาองุ่นทั้งหลาย

ภาพการมาของมานเมตต์แม้จะไม่ได้สร้างความประหลาดใจ แต่ก็เรียกความแตกตื่นจากพนักงานได้พอสมควร

“นาย มาแต่เช้าเลย รับอะไรไหมคะ”

แสงซึ่งเป็นผู้จัดการของโรงแรมร้องทัก ในขณะที่สามีชื่อโรจน์เป็นผู้จัดการไร่ยกมือไหว้เจ้านายที่เดินดุ่มๆ เข้ามา แม้จะผิดเวลา แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะนี่คือที่ของเขา จะไปไหนมาไหนในที่แห่งนี้เมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น

“ขอข้าวเช้ากินหน่อยแสง ขี้เกียจทำ” เขาไม่ได้พูดความจริงหรอกว่าโดนสาวเทมาเลยหงุดหงิดที่ผิดแผน

“ได้ๆ ค่ะ” หล่อนรับคำแม้จะประหลาดใจกับกิจกรรมที่เปลี่ยนไปของนาย เป็นที่รู้กันดีว่าครัวของทางโรงแรมจะมีบิลแยกซึ่งเป็นของสดที่ส่งเข้าบ้านมานเมตต์ทุกสามวัน ประกอบด้วยเนื้อสัตว์หลักๆ ผัก และไข่ เพราะเจ้านายหนุ่มหล่อคนนี้ชอบทำอาหารกินเอง หากไม่มีแขกสำคัญที่ต้องรับรอง หรือต้องมาทดสอบมาตรฐานของอาหาร มานเมตต์ก็จะไม่เข้ามาใช้บริการที่นี่ แต่ชอบไปนั่งที่วินเนอรี่มากกว่า

“นายจะกินที่ออฟฟิศ หรือที่ชมจันทร์ดีคะ” แสงหมายถึงห้องอาหารที่มานเมตต์ตั้งชื่อไว้เพื่อบอกว่าเป็นจุดที่นั่งชมพระจันทร์ได้สวยที่สุดของโรงแรม แต่ตอนนี้มีแต่พระอาทิตย์ เลยไม่รู้ว่าผู้เป็นนายจะตัดสินใจแบบไหน เพราะส่วนใหญ่ตอนกลางวันก็จะกินข้าวที่โรงเลี้ยงกับคนงานในไร่จนเรียบร้อยถึงขับรถกอล์ฟมาที่อาคารโรงแรมซึ่งมีห้องทำงานของเขาอยู่

“กินที่ชมจันทร์ก็ได้ จะได้ไม่ต้องยุ่งยากยกขึ้นไป”

คนตัวโตสาวขาไปทางห้องอาหารโดยไม่ต้องมีใครนำทาง เลือกนั่งโต๊ะตรงระเบียงกว้างรับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นซึ่งเป็นมุมโปรด หากไม่มีแขกมาจับจองไว้ก่อน ทุกครั้งที่เขามากินข้าวที่นี่ก็จะเลือกนั่งโต๊ะนี้ หย่อนก้นไม่นานกาแฟแบบที่ชอบก็มาวางตรงหน้า มีน้ำฝรั่งคั้นสดๆ ของโปรดเคียงคู่กัน

“รับอะไรดีคะนาย”

แสงหมายถึงของคาวที่มานเมตต์ยังไม่ได้สั่งว่าอยากกินอะไร ไม่มีของโปรดที่ลูกน้องคนไหนรู้ เพราะอะไรๆ ‘นาย’ ก็ดูกินง่าย กินได้ไปหมด

“เอาง่ายๆ สายแล้ว เอาข้าวต้มหมูสับมาก็ได้”

อยู่ดีๆ ก็นึกอยากกิน แม้จะรู้ว่าตัวเองทำอร่อยกว่า แต่ก็มั่นใจว่าแม่ครัวที่นี่ต้องได้รับการเทรนมาอย่างที่มารดาเขาพึงพอใจแล้วถึงได้ยอมปล่อยให้ออกมาทำงานที่นี่ได้ เพราะข้าวต้มหมูสับที่เขาสั่งไปนั้นเป็นสูตรพิเศษที่นอกจากตัวข้าวจะเคี่ยวในน้ำซุปกระดูกเล้งจนแตกเกือบเนียนกลายเป็นโจ๊ก หมูสับยังถูกนำไปรวนในน้ำมันที่เจียวกระเทียมอยู่จนเกือบกรอบทั้งหมูทั้งกระเทียม ถึงได้นำมาตักราดในข้าว โรยต้นหอมผักชีสำทับตามหลัง

“ได้ค่ะ นายเอาไข่ลวกด้วยไหมคะ”

เพราะเป็นคนช่วยหัวหน้าแม่บ้านขนของสดเข้าไปใส่ตู้เย็นของหนุ่มหล่อคนนี้บ่อยๆ ต้องมีไข่สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่าสามสิบฟอง รู้แค่คร่าวๆ ว่ามานเมตต์ชอบกินไข่ลวกมาก วันหนึ่งต้องมีไม่ต่ำกว่าสองฟอง ซึ่งถ้ามีเมียก็จะไม่แปลกใจ คงโด๊ปเอาแรงเตรียมทำลูก แต่นี่ก็โสดสนิท ไม่เห็นมีผู้หญิงที่ไหนมาใกล้ชิด ที่เห็นแวะเวียนมาพบกันบ่อย ๆ ก็มีแต่คุณหมอที่อยู่โรงพยาบาลประจำอำเภอ จนพวกเด็กๆ คิดกันไปหมดแล้วว่า ‘นาย’ เป็นสายสีรุ้ง

“เอา แต่ยังไม่ต้องตอกนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

หนุ่มหล่อตอบระหว่างยกกาแฟขึ้นจิบ มองแขกที่ทยอยลงมากินอาหารเช้าซึ่งทางโรงแรมมีตัวเลือกให้ทั้งมาสั่งอาหารร้านแบบอะลาคาตกินที่ห้องอาหาร หรือสั่งขึ้นไปกินที่ห้อง ในไลน์บุฟเฟต์มีแค่ซีเรียล นมไม่ว่าแบบไขมันเต็มเปี่ยม พร่องมันเนย หรือแม้แต่กระทั่งไร้ไขมัน นอกจากนั้นยังมีน้ำผลไม้ต่างๆ ที่ยังอยู่ในกล่องวางเรียงรายไว้ให้เลือกมากกว่าสิบชนิด กับขนมปังหลายแบบ

รอไม่ช้าอาหารที่สั่งก็มีผู้จัดการโรงแรมเดินนำพนักงานเสิร์ฟมาส่ง เพราะน้อยครั้งมากที่มานเมตต์จะมากินข้าวในห้องอาหารของโรงแรมคนเดียวแบบนี้

“ได้ละค่ะนาย” คนที่อายุแก่กว่ามานเมตต์บริการชายหนุ่มด้วยความเคารพ ยกจานอาหารแต่ละอย่างออกมาวางหน้าเจ้านาย เพราะในบรรดาพนักงานทั้งหมดก็มีสามีของหล่อนกับตัวแสงนี่ละที่ได้ใกล้ชิดนายจนพอจะรู้ความชอบว่าเขาต้องการอะไรแบบไหน

“ขอบใจมาก แสงไปทำงานเถอะ ผมดูแลตัวเองได้ อ่อ...” มานเมตต์หยุดพูด เพราะกำลังตรองว่าควรพูดต่อดีไหม มันจะเหมาะสม สมควรหรือเปล่า แต่ความร้อนรนในใจก็ทำให้เขาเอ่ยต่อไป “...ช่วยส่งแพนเค้ก รอยัลเบเนดิกต์ แล้วก็เบคอนทอด...”

เขาอยากส่งชุดใหญ่ๆ เป็นการนำทัพไปขอโทษคนชอบกิน คิดเอาเองว่าเด็กวัยรุ่นแบบนั้นน่าจะนิยมอาหารฝรั่ง ซึ่งแม่ครัวของชมจันทร์ทำได้รสชาติเด็ดกว่าในโรงแรมหรูๆ ที่กรุงเทพฯ เสียอีก ไม่วายตบท้ายด้วยน้ำผลไม้โปรดของเขาที่คั้นสดจากผลผลิตในท้องที่ ถ้าหากเป็นแขกอื่นมานเมตต์คงบอกให้เอาน้ำผลไม้มาตรฐานสากลโลกอย่างเช่นน้ำส้มไปบริการ “เอาน้ำฝรั่งส่งไปให้สองเหยือกที่วิลลาของแขกผม ฝากแสงไปส่งเองทีนะ”

“ค่ะ” แสงรับคำสั่งทันที อยากรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าแขกที่มาจากกรุงเทพฯ พร้อมนายเป็นใคร ไม่รู้ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กำหนดการในชีวิตหนุ่มหล่อผู้นี้รวนหรือไม่ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามเพราะรู้ดีว่ามานเมตต์รักความเป็นส่วนตัวเพียงใด ขนาดบ้านพักยังกะเกณฑ์ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดเป็นเวลา ไม่ต้องมีใครอยู่ประจำ คิดแต่ว่าเดี๋ยวตอนเอาอาหารไปส่งคงได้เห็นหน้า

“คอยดูแลนายด้วยนะ” ก่อนออกไปแสงหันไปย้ำกับนิดาที่ช่วยยกถาดอาหารมาอีกครั้ง

“ค่ะ” พนักงานที่ยกของตามออกมารับคำทันที แต่ไม่กล้ายืนรอข้างโต๊ะ เพราะทุกคนในพื้นที่ของวิมานรู้นิสัยมานเมตต์ดี จึงหลบไปแอบหลังเสา ในความเป็นกันเองนั้นมานเมตต์มีความน่ากลัวเอาจริงจนไม่มีใครกล้าล้อเล่น จะมีที่สนิทหน่อยก็แสงกับพี่โรจน์

“มายืนลับๆ ล่อๆ อะไรตรงนี้ยายนิด”

พอได้ยินเสียงคน นิดาก็รีบหันไปมอง อ่อ...เป็นกิ่งแก้วกับลูกสาว สองคนที่พยายามทำตัวใกล้ชิดกับนาย เด็กสาววัยยี่สิบกว่าๆ มองหน้าหัวหน้าแม่บ้านที่ดูแลเรื่องความสะอาดในทุกพื้นที่พลางตอบ “ดูนายจ้ะป้า”

“หา! นายมาทำอะไรตอนนี้”

กิ่งแก้วได้ยินแบบนั้นก็ชะโงกหน้าไปมองบ้าง เป็นที่รู้ๆ กันดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่มานเมตต์จะเข้ามาที่อาคารโรงแรม ถึงขั้นที่แก้วกานดา ลูกสาวหล่อนซึ่งทำงานในวิมานด้วยต้องขอเข้ากะบ่ายควบดึกเพื่อที่จะได้เห็นหน้าของคนที่หลงรัก

“ไม่รู้เหมือนกันป้ากิ่ง น้าแสงก็ดูงงๆ เหมือนกัน”

“เออๆ ถามอะไรก็ไม่ได้เรื่อง เอ็งนินะ”

กิ่งแก้วค้อนเป็นสาวๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าทำเป็นเดินผ่านออกไป แต่จริงๆ แล้วแอบอยากรู้อยากเห็นอยากเสนอหน้าไปหมดทุกอย่าง

“อ้าวนาย สวัสดีค่ะ ทำไมมากินข้าวเช้าที่นี่ล่ะคะ”

มานเมตต์เงยหน้าขึ้นจากอาหารที่กำลังจัดการ แปร่งหูหน่อยๆ กับสิ่งที่กิ่งแก้วถาม นี่คือพื้นที่ของเขา จำเป็นต้องรายงานใครไหม “เปลี่ยนบรรยากาศน่ะ”

“โถ กิ่งก็นึกว่าที่บ้านขาดเหลืออะไร นายเลยต้องมากินข้าวที่นี่”

“ไม่หรอก” ชายหนุ่มเปลี่ยนมายกกาแฟจิบแทน เพราะคงไม่เหมาะที่จะเคี้ยวไปพูดไป

“ถ้านายอยากได้อะไรเพิ่ม นายบอกนะคะ เดี๋ยวกิ่งจะรีบหาไปให้ อุ๊ย น้ำนายหมดนิคะ”

คนที่ไม่ได้รู้เรื่องว่ามานเมตต์กำลังจะไม่สบอารมณ์ยังหาเรื่องเอาใจ อะไรที่เข้าใกล้เจ้านายได้ กิ่งแก้วทำทั้งนั้น เผื่อนายจะเอ็นดูจะได้เป็นช่องทางให้มานเมตต์ปรานีแก้วกานดาขึ้นมาบ้าง

“ไม่ต้อง มีงานอะไรป้ากิ่งก็ไปทำเถอะ”

“กิ่งทำเสร็จหมดแล้วค่ะนาย”

“งั้นก็ไปพัก”

มานเมตต์เริ่มกดเสียง แต่ ณ วินาทีนั้นกิ่งแก้วไม่ได้สนใจ เพราะมัวหันไปหานิดา ตั้งใจว่าจะเรียกมาเติมน้ำเติมท่าให้อีกคนอยากจะเอาใจ อยากจะบริการ ทั้งในฐานะที่อีกคนเป็นเจ้านาย และเป็นคนที่ลูกสาวหลงใหล เผื่อว่านายจะแผ่ความเอ็นดูไปถึงแก้วกานดาบ้าง

“ไม่เป็นไรค่ะนาย กิ่งดูแลนายก่อนได้”

“ป้ากิ่ง...” คราวนี้เส้นความอดทนของมานเมตต์ขาดผึง วางแก้วกาแฟลง เล่นเอากิ่งแก้วที่วอแวอยู่และกำลังจะอ้าปากถามว่ารับเครื่องดื่มร้อนเพิ่มไหมต้องหุบปากทันทีที่เห็นแววตาของผู้เป็นนาย “ผมอยากนั่งเงียบๆ น่ะ”

“ค่ะ งั้นกิ่งให้นายอยู่คนเดียวนะคะ” พูดจบก็รีบสาวขาเผ่นเข้าห้องอาหารด้านใน เกือบปะทะกับนิดาที่เพิ่งเดินกลับมาประจำที่คอยแอบดูว่ามานเมตต์ต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ “ว้าย! ตาเถน นังนิดนิ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”

“ป้านั่นแหละ วิ่งหนีอะไรมา ทะเล่อทะล่ามาจะชนหนูเนี่ย”

นิดาถามน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ นี่ถ้าเมื่อกี้หล่อนถืออะไรมาเสิร์ฟคงได้หกรดหกราดเกิดความเสียหายกันไปแล้ว มั่นใจด้วยว่าคนที่โผล่พรวดมาจากด้านนอกไม่ได้มองทางสักนิด

“ก็นายน่ะสิ โมโหอะไรก็ไม่รู้ กูไปก่อนละ”

อีกคนก็ได้แต่มองตาม ก่อนจะโผล่หน้าออกไปดูว่ามีอะไรบนโต๊ะของเจ้านายขาดเหลือหรือไม่ ก่อนจะพบว่าทุกอย่างก็ยังครบถ้วนดี จึงหันไปดูแลแขกที่มานั่งในโต๊ะใกล้ๆ ตัวเอง ชนิดที่ว่าถ้ามานเมตต์เรียกหาอะไรก็ยังกลับมาดูแลเจ้านายได้ทัน แต่จนจบอาหารเช้ามื้อนั้น นายของทุกคนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม

 

เกือบบ่ายเชียวละกว่าที่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากประตูห้องนอนอีกฟากให้ได้ยิน เวลานี้ไลลาลิณที่กลับเข้ามาเก็บตัวในห้องจัดการอาหารที่สั่งมาจากห้องอาหารของโรงแรมเสร็จสิ้นแล้ว โทร. เรียกพนักงานให้มาเก็บจานชามออกไปให้เรียบร้อยเพื่อกลิ่นอาหารจะได้ไม่อวลอยู่ในห้องพัก เพราะรายการอาหารเช้าที่ไลลาลิณเลือกสั่งวันนี้คือข้าวต้มหมูสับที่หน้าตาแปลกกว่าที่อื่น จนหล่อนไม่แน่ใจที่จะกิน แต่ด้วยความที่ชอบลองของกินจึงตักเข้าปาก ก่อนจะตาโตร้องว้าวเพราะรสชาติดีเกินคาดไปมาก ส่วนน้ำฝรั่งที่อยากลองก็ให้รสชาติเยี่ยมอย่างที่สุด ไม่แตะต้องของที่ตัวเองไม่ได้สั่ง แต่มีคนรายงานว่านายสั่งให้เอามาส่ง ไม่แม้แต่จะเก็บไว้ให้ธันน์กินตอนตื่น ส่งคืนครัวไปหมด

เมื่อกินเสร็จก็เอาแท็บเล็ตของธันน์ที่หล่อนยึดไว้ตั้งแต่เมื่อวานมาเปิดดูซีรีส์ที่ติดพันจนมาถึงตอนนี้ วินาทีนี้ที่ได้ยินความเคลื่อนไหวของอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตก็ไม่ขยับตัว แม้กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไลลาลิณก็ไม่สนใจ ทีชายหนุ่มยังปล่อยให้หล่อนอยู่คนเดียวเหงาๆ ได้ตั้งครึ่งค่อนวัน

ฝ่ายธันน์ก็เคาะจนเริ่มนอยด์ว่าเพื่อนปกติดีหรือไม่ จึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นหญิงสาวเหลือบตามามองเขานิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าจอแบนบางขนาดสิบสี่นิ้วต่อ ซึ่งแค่นี้ธันน์ก็รู้เลยว่าเพื่อนรักงอนหนัก ตัดสินใจกระโดดขึ้นทับร่างบางทันที หึ ทำเป็นไม่พูดไม่จากันนะ

“โอ๊ย ออกไปนะ” ไลลาลิณสะบัดเพื่อนเต็มแรง จะเกลียดธันน์ขึ้นมาทุกทีที่ชอบเล่นแรงๆ แบบนี้ ในขณะที่ธันน์ก็กอดรัดฟัดเต็มที่

“ไม่ออก จนกว่าจะหายงอน ดีกันน้า ดีกันน้า ดีกันน้า” นอกจากจะรัดไว้ อีกมือของชายหนุ่มก็เอื้อมไปกดปุ่มหยุดการเคลื่อนไหวของภาพในจอไว้ ให้หญิงสาวมีสมาธิกับเขาเพียงคนเดียว ไม่งั้นไลลาลิณก็จะทำหูทวนลม เก่งนักละ เรื่องทำตาใสแล้วไม่รู้ไม่ชี้เนี่ย

“ไอ้ตูด อย่ามางอนให้มันมากนัก เตือนด้วยความรักนะเว้ย” ธันน์พูดดีๆ เข้าใจว่าที่ไลลาลิณมีอาการแบบนี้เพราะประโยคสุดท้ายที่เขาพูดด้วยเมื่อคืน แต่กลับทำให้คนตัวเล็กยิ่งโมโหขึ้นไปอีก

“ลุกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ เลิกมาแกล้งไลลา อย่ามายุ่งถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร”

มาอีหรอบนี้ธันน์มั่นใจเลยว่าต้องมีเรื่องมากกว่าที่เขาพูดให้น้อยใจเมื่อคืน ชายหนุ่มเลยปล่อยเพื่อนรัก แล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงของอีกฝ่ายดีๆ พลางดึงมือให้ไลลาลิณลุกขึ้นนั่งเช่นกัน จะได้เคลียร์ความไม่สบายใจ ถ้าเป็นคนอื่น รู้สึกอย่างไรเขาก็ไม่สน ไม่แคร์ ไม่ให้ความสำคัญ แต่คนคนนี้ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ค้างคากันแบบนี้

“ธันน์ทำอะไรผิดอีก ว่ามา”

คนหล่อยกมือขึ้นเสยผมให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ได้คิดจะประดิษฐ์อะไรให้มากความ เพราะหนึ่ง หน้าตาแบบเขาต่อให้เพิ่งลุกขึ้นจากเตียงก็ยังหล่อบาดใจ สอง นี่เป็นการมาพักผ่อน ไม่ได้ไปเจอใครที่ไหน

คนสวยเชิดหน้าขึ้นเต็มที่ แม้จะโมโห แต่ก็โกรธได้ไม่นานหรอก “ฮึ ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะ”

“ก็บอกมาสิ ถ้าเรื่องที่พูดเมื่อคืน ขอโทษก็ได้”

แม้จะรู้ว่าสิ่งที่พูดไปเป็นเรื่องดีกับไลลาลิณก็ตาม แต่หากจะทำให้บรรยากาศระหว่างคนสองคนเป็นแบบนี้ เขาก็จะยอมลงให้ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“ถ้าแค่นั้นก็ดีสิ ทิ้งไลลาอยู่คนเดียวตั้งแต่เช้า เพิ่งจะตื่นมาตอนนี้เนี่ยนะ” พูดแล้วก็ฟาดหมอนไปที่ร่างสูงเต็มแรง โดยที่ธันน์ไม่หลบเลย ปล่อยให้ไลลาลิณลงโทษเต็มที่ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมพูดว่านอกจากสองสาเหตุนั้น ธันน์ยังเอาเรื่องของหล่อนไปพูดจนมานเมตต์มาตอกหล่อนเสียหน้าชา แต่ช่างมันเถอะ

“เอาๆ ฟาดมา แต่ธันน์บอกให้พี่หมากมารับไลลาไปกินข้าวนิ เขาไม่ได้มาเหรอ”

เมื่อครู่ตอนที่ตอบไลน์มานเมตต์ซึ่งส่งข้อความมาทิ้งไว้ว่าหากตื่นแล้วให้บอก เขาจะมาหาที่วิลลา ก็ไม่เห็นบอกว่าภารกิจที่ฝากเลี้ยงไลลาลิณมีปัญหา

“มา แต่จะให้ไลลาไปกับเขายังไง ไลลาไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักยังไง”

“ก็ไม่รู้จักไง อย่ามาทำเป็นไม่รู้จักไลลาหน่อยเลยนะ”

ต่อให้รู้จัก แต่ไม่สนิท ก็ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อะไรด้วย น่าโกรธที่คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดกลับปล่อยให้หล่อนอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน จนอีกคนมาพูดจาทำร้ายจิตใจกัน พูดไปนึกไปก็น้ำตารื้นขึ้นมา จนธันน์คิดว่าไลลาลิณน้อยใจกันขั้นหนักจึงรวบบ่ามากอดโอ๋เอาใจ ไม่รู้หรอกว่ารุ่นพี่ที่ตัวเองเคารพนั้นแตะส่วนที่บอบบางที่สุดในหัวใจไลลาเข้าให้แล้ว

“โถ ก็เมื่อคืนดึกไปหน่อย”

“ก็ทีคุณหมากของธันน์เขายังลุกไหวเลย แล้วทำไมธันน์ไม่ตื่น”

“ก็ธันน์เล่นเกม” นอกจากเกม เขายังวิดีโอคอลแบบวาบหวิวกับน้องๆ ในสังกัด กว่าจะได้ปิดตานอนก็เกือบเช้า เลยตัดสินใจส่งข้อความบอกรุ่นพี่มาช่วยดูแลไลลาลิณ

“ไม่โกรธนะ เดี๋ยวธันน์พาไปหาของอร่อยๆ กินวันนี้”

“เอาของกินมาล่อไลลานะ คิดว่าจะดีด้วยง่ายๆ หรือไง” หญิงสาวสะบัดหน้าอีกทีพลางหิวขึ้นมาทันควัน เพราะเลยเวลามื้ออาหารกลางวันมาแล้ว กับธันน์ต่อให้ร้ายแรงกว่านี้ก็ไม่โกรธนานหรอก มีกันอยู่แค่นี้ ทะเลาะกันไปแล้วจะเหลือใคร จากที่คิดว่าต้องเฉ่งคนตรงหน้าขนานใหญ่ที่เอาปมด้อยหล่อนไปโพนทะนา หลายชั่วโมงที่ผ่านมาก็ทำให้คิดได้ว่าก็จริงไม่ใช่หรือไง ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งประเทศว่าไลลาลิณต้องอยู่ทางโน้นทีทางนี้ที

“ไม่ไปหรือไง อร่อยน้า ไปไหม เดี๋ยวพาออกไปเลย โทร. เรียกคนรถเลยเนี่ย”

ธันน์เตรียมพร้อมเอาใจให้ ‘ไอ้ตูด’ ที่ทำหน้าเป็นตูดตอนนี้หายงอน ความผิดที่ทำไว้ก็นักหนาจริงๆ ละ ไม่แปลกใจเลยที่หล่อนจะโกรธ แต่ต่อให้ไม่หมางใจ ชายหนุ่มก็ชอบที่จะตามใจไลลา เพราะไม่มีโอกาสได้เอาใจน้องสาวแบบนี้

“กินอะไร บอกมาก่อน ถ้าไม่น่าสนใจไม่มีทางหายโกรธ”

คนที่รู้ว่าควรจะเข้าหาเพื่อนอย่างไรรีบง้อ เคยมีคนแนะนำร้านนี้ให้เขาหลายคนแล้ว แต่ไม่สบโอกาสมาแถวนี้เลยไม่ได้กินสักที

“ไปกินพิซซาทรัฟเฟิลไหม ร้านที่ธันน์เคยส่งลิงก์ให้ไลลาดูไง”

เป็นเรื่องปกติไปแล้วว่าหากชายหนุ่มทราบข้อมูลมาว่าร้านไหนเด็ด เขาก็จะส่งข้อความบอกอีกคนไว้ ในขณะเดียวกันหากไลลาลิณมีเป้าหมายที่อยากไปก็จะแชร์มา เป็นหน้าที่เขาที่ต้องหาเวลาว่างไปเป็นเพื่อน

“อืม ก็ได้ งั้นออกไปกันเลยนะ หิวพอดี”

คนที่โกรธด้วยเรื่องง่ายๆ หายโกรธได้ไม่ยาก ยิ่งของที่อีกคนสรรหามาง้อเป็นอาหารด้วยยิ่งใจอ่อนง่ายเข้าไปใหญ่

“ขอไลน์บอกพี่หมากแป๊บ อ๊ะ เขาอยู่ในไร่อะ ถามว่ารอไปกินเป็นมื้อเย็นไหม” ธันน์ตอบก่อนจะเงยหน้ามองไลลาลิณ แล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนใจเพราะหน้าสวยๆ ของคนที่เพิ่งอารมณ์ดีขึ้นมาเริ่มจะบูดบึ้งอีกที “ไม่รอๆ ก็ได้ เราออกไปกันเลยดีกว่า”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น