4

คำที่ 4



คำที่ 4

“ไม่ว่าแน่นะ ถามแล้วจริงปะเนี่ย”

ธันน์หันไปมองคนที่ดูซีรีส์อยู่อีกทีหลังจากอยู่กันมาสามคืนแล้ว แต่ยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯ กิจกรรมที่ทำก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหน มีแต่การพาไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่คนกรุงเทพฯ นิยม อย่างวันนี้ก็เพิ่งแวะไปที่ฟาร์มโชคชัยอันโด่งดัง

“อือ ไม่เห็นมีใครสนใจ” หลังจากไลลาลิณหายมาได้สองวัน เพียงรุ้งเพิ่งจะไลน์ตอบกลับมาว่าไม่สะดวกที่จะกินข้าวในวันพ่อ แต่ขอเป็นวันถัดไป วินาทีนั้นไลลาลิณก็ตอบไปว่าหล่อนเองก็ไม่สะดวกแล้วเพราะมาต่างจังหวัดกับธันน์ โดยที่พี่สาวทั้งสองก็ไม่ได้ตำหนิอะไร บอกแต่ว่ากลับมาเมื่อไรค่อยนัดกันอีกที

“ไม่เชื่อก็เอาไปอ่านเอาเอง” ไลลาลิณโยนโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้คนที่นั่งกดรีโมตทีวีอยู่ข้างๆ

โดยที่ธันน์ก็ใส่รหัสหกหลักที่เขาทราบว่าคืออะไรลงในโทรศัพท์ กดเข้าแอปส่งข้อความเพื่อตรวจสอบว่าเพื่อนสาวรายงานทางบ้านอย่างที่พูดแล้วจริงหรือไม่ เมื่อกวาดตาอ่านแล้วพบว่าเป็นไปตามที่สาวสวยข้างๆ พูดทุกประการ ใจหนึ่งก็สงสารเพื่อนจับใจ ใจหนึ่งก็สบายใจที่ได้เที่ยวกันต่อแบบชิลชิล ส่วนอีกใจอยากจะไขข้อข้องใจอะไรบ้างอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์แปลกๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้

“ดีๆ นานๆ จะได้มาเที่ยวแบบนี้ นี่กลับไปก็สอบอีกแล้ว โคตรเบื่อเลยว่ะ”

พอได้คำตอบเขาก็สบายใจมากขึ้น กลัวก็แต่ว่าผู้ใหญ่จะดุเอาที่พาไลลาลิณห่างบ้านมาตั้งหลายวัน เพิ่งจะมานั่งคุยกันวันนี้ว่ายังไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ ซึ่งก็คือการชิมอาหารและไวน์ของมานเมตต์

“เพื่อนธันน์น่ะเขาจะไม่ว่าหรือไง มานอนฟรีๆ ตั้งหลายคืน นี่ยังจะอยู่ต่ออีก ต่อให้ที่บ้านไลลาไม่ว่า แต่อีกสองสามวันเราก็กลับกันมะ”

สองสามวันมานี่ไลลาลิณพบมานเมตต์เกือบทุกวันในตอนเย็น โดยที่หล่อนเลือกไปกินร้านชื่อเสียงดีๆ ในเขตเขาใหญ่ทุกวัน ขับรถเทียวไปเทียวมารวมๆ กันเป็นชั่วโมง อีกคนก็ไม่เห็นตำหนิติเตียนอะไร ทั้งที่จุดประสงค์แรกในการมาที่วิมานคือมาชิมแชงเกรียที่มานเมตต์โฆษณานักหนาว่าเด็ด แต่จนตอนนี้นอกจากอาหารเช้าในวันแรก หล่อนแทบจะไม่ได้กินอะไรที่ทำขึ้นในครัวของที่นี่เลย เพราะไม่อยากเสวนา ไม่อยากข้องเกี่ยว จึงชวนธันน์ย้ายที่นอนตั้งแต่เย็นวันนั้นแล้ว แต่เพื่อนรักไม่ยอม หล่อนก็เลยได้แต่ทำมึนใส่เขาทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้ากัน แม้จะหวิวๆ บ้างที่อีกคนก็ไม่มีทีท่าจะเอ่ยอะไร

“ธันน์ก็ไม่ได้ว่าจะอยู่ฟรีนะ เดี๋ยวจะใส่ซองค่าโรงแรมให้เขาแหละ” ส่วนเรื่องราคาก็เปิดดูเรตในแอปพลิเคชันจองห้องพักเอาก็รู้แล้วว่าค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าไร ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย ดี จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันทั้งบุญคุณและความรู้สึก

“ดีๆ ไม่อยากให้ใครมาพูดด้วยว่าไลลารับของฟรีแลกรีวิว ใส่ไปเท่าไหร่มาหารด้วยนะ”

“อือ”

ตอบแบบนั้น แต่ในใจธันน์ก็ไม่คิดจะมาหารส่วนที่ตั้งใจว่าจะจ่ายมานเมตต์กับหญิงสาว ทั้งเพราะในฐานะที่เขาเป็นผู้ชายและอายุมากกว่าก็ควรจะต้องดูแลกัน อีกอย่างธันน์หาเงินได้เองแล้ว ไม่เหมือนกับหญิงสาวที่ยังใช้เงินจากผู้ปกครอง แม้จะรู้ว่าแพงมากกว่านี้ไลลาลิณก็จ่ายไหวก็ตาม

“งั้นพรุ่งนี้เราไปกินร้านพี่หมากเลยไหมล่ะ มาหลายวันละ ตื่นก็ออกไปตะลอนๆ ไม่ได้ดูโรงรงโรงแรมอะไรเขาเลย”

“แล้วแต่สิ กลางวันกินที่โรงแรมก่อนก็ได้ วินเนอรี่มีแจ๊สมาเล่นวันศุกร์ไม่ใช่เหรอ” วันศุกร์ก็คือพรุ่งนี้ ดังนั้นหากจะให้หล่อนไปลิ้มลองของกินก็ขอแบบมีบรรยากาศครบถ้วน ส่วนเรื่องไม่ได้เห็นทัศนียภาพรอบด้านก็จริงอย่างที่ธันน์ว่าละ เพราะพอขึ้นรถตู้ของเพื่อนรักเพื่อที่จะออกไปไหน ชายหนุ่มก็มักจะรูดม่านปิดเพราะไม่ชอบแสงแดดที่ส่องเข้ามา แถมกลับเข้ามาในวิมานตอนที่มืดแล้วทุกที

“เหรอ ตามใจ งั้นเดี๋ยวธันน์ไลน์บอกพี่หมากหน่อยดีกว่า”

“อือ” ไลลาลิณรับคำ ไม่ได้โฟกัสกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดต่อจากนั้นเพราะติดพันกับสิ่งที่ดูอยู่ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เพื่อนรักบอกให้หล่อนนั่งดีๆ

“ทำไมอะ”

หญิงสาวดึงหูฟังออกจากหู นี่ก็สามทุ่มเข้าไปแล้ว จะมีใครมาอีกเหรอ ธันน์ถึงได้มาตบหน้าขาบอกให้หล่อนนั่งให้ดีๆ เท่านั้นไม่พอ ยังโยนผ้าห่มผืนบางที่หล่อนลากจากในห้องนอนของตัวเองออกมาขณะที่ธันน์ดูโทรทัศน์เพราะอากาศข้างนอกก็เย็น แอร์ในห้องก็หนาวจนไลลาลิณแทบสู้ไม่ไหวมาให้

“พี่หมากมา”

คราวนี้ไลลาลิณเบิกตาโต ใช่เวลาที่จะมาห้องพักของคนอื่นไหม ต่อให้เขาจะเป็นเจ้าที่นี่ของก็เถอะ อีกใจหนึ่งไม่อยากเจอเพราะบรรยากาศแปลกๆ ที่มีระหว่างกันมาตลอดสามวัน หลังจากที่หล่อนไล่เขาไปตอนเจ้าของวิมานมารับไปกินข้าวเช้าวันนั้น แม้ว่าจะโกรธจัดที่มานเมตต์พูดจาแบบนั้นใส่ แต่ตัวหล่อนเองก็แปลกไป จากที่ไม่เคยรู้สึกผิดกับใคร ไม่ว่าจะพูดจาหรือแสดงอาการอะไรกับใคร ไลลาลิณก็ไม่เคยรู้สึกหน่วงในอก หรือลุ้นว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีอย่างไร แต่นี่กลายเป็นว่าหล่อนแทบจะหายใจไม่ออกตอนที่เขาเดินทางตามไปเจอที่ร้านพิซซา วูบในอกที่แม้จะมีสายตามองผ่าน แต่ไม่มีประโยคใดที่ผู้ชายคนนั้นจะพูดด้วย แม้แต่คำว่า ‘ขอโทษ’ ที่คนเป็นสุภาพบุรุษพึงจะเอ่ยก็ยังไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน จน ‘นภดล’ คนเล็กหน้าชา หันไปพูดไปเล่นกับธันน์มากกว่าปกติเพื่อปิดบังความร้อนที่หัวตาอันไม่ปกติของตัวเอง

“มาทำไมอีกอะ นี่ดึกละนะ”

หญิงสาวที่อยู่ในเสื้อยืดตัวโตกับกางเกงขาสั้นโอดครวญ แม้จะไม่เดือดร้อนที่เขาจะมาเห็นหล่อนตอนหน้าสดหน้าใส แต่ฟีลลิงตอนนี้ไม่อยากจะรับแขกคนใด เพิ่งอืดจากการกินสเต๊กชิ้นโตพร้อมด้วยเครื่องเคียงสารพัดอย่าง ต้องการเพียงหายใจทิ้งกับมองหน้าอปป้าสุดหล่อในจอ ไม่ว่าเรื่องไหน ใครเล่นพลอตแบบไหน ถ้าหล่อนถูกใจก็ยอมเสียเวลานั่งดูเรื่องละสิบหกตอน หนังสือไม่ค่อยอยากจะแตะต้อง เรียบจบไม่จบก็ค่าเท่ากันอยู่ดี ยังไงก็มีกินมีใช้ไปจนตาย

“พี่หมากชวนดูบอลกินเหล้า ธันน์เลยบอกให้มาที่นี่ ไลลาจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว”

เพราะหล่อนหรอกนะธันน์ถึงเลือกที่จะไม่ออกไปไหน แต่เชิญมานเมตต์มาสังสรรค์กันที่นี่ อีกอย่างมีความรู้สึกบางอย่างที่วนเวียนในหัวเขาจนอยากจะพิสูจน์ให้รู้กันไป

“งั้นไลลาเข้าไปดูต่อในห้อง อย่าให้เป็นแบบวันนั้นนะ พรุ่งนี้เราต้องทำรายงานกันด้วย จำได้ไหม”

คนอายุน้อยกว่าชี้หน้าทันที นี่ถ้าไม่โดนคาดโทษกันมาทั้งสองคนว่าหากไม่ส่งรายงานที่อาจารย์สั่งให้ทำเป็นคู่แล้วจะไม่มีสิทธิ์สอบ จะไม่มีคำพูดแบบนี้หลุดออกมาจากปากไลลาลิณอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะทิ้งไว้ให้อยู่กับคนอื่นแบบเช้าวันแรกนั้น ธันน์สัญญาแล้วสัญญาอีกว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีกต่อไป หากเขาจะไม่ตื่นก็จะไม่เร่หาพี่เลี้ยงที่ไหนมาให้อยู่เป็นเพื่อนหล่อน

“รู้น่า บ่นเป็นแม่เลยเว้ย” ธันน์โคลงหัว ก่อนจะร้องเรียกไว้ ไม่คิดว่าไลลาลิณจะปลีกวิเวกจริงๆ “นั่งด้วยกันดิ เที่ยงคืนเลิก เดี๋ยวจะได้พูดกับพี่หมากเรื่องกินข้าวด้วย”

“ก็ไลลาไม่ยะ...” ยังพูดไม่จบคำดี เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นจนหญิงสาวไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธ ไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากว่าไม่อยากอยู่ร่วมกันกับคนนอก เพราะธันน์จูงมือไลลาลิณไปเปิดประตูรับแขกยามดึกเสียแล้ว

“มาๆ ครับ วันนี้เอาอะไรมาให้น้องดื่มเป็นลาภปากเนี่ย”

หนุ่มหล่อวัยยี่สิบหกยิ้มให้รุ่นพี่วัยเกือบจะสี่สิบ พลางยื่นมือข้างที่ว่างจากการจับมือเพื่อนไม่ให้หนีเข้าห้องนอนไปคว้าถุงผ้าใบใหญ่ที่มานเมตต์ถือมา ช่วยผู้หลักผู้ใหญ่เต็มที่

“เอาซิงเกิลมอลต์มา เดี๋ยวเด็กจะเอาน้ำแข็งตามมาให้”

คนตัวโตเป็นยักษ์ตอบระหว่างหลุบตาลงมองภาพธันน์จูงมือไลลาลิณไว้ โดยที่หญิงสาวก็ไม่ได้ขัดขืน เอาแต่ทำหน้าเมื่อยหันไปทางอื่น ในขณะที่รุ่นน้องเขาก็มัวแต่ก้มหน้าสอดส่ายสายตาเข้าไปในถุงสัมภาระที่รับมา เลยไม่มีใครเห็นสีหน้าแววตาของมานเมตต์ว่ามีทั้งความอาทรและโมโหปนๆ กันไป

“โห ฮิบิกิยี่สิบเอ็ดปี เชิญเลยคร้าบพี่คร้าบ ขึ้นหลังผมไหมครับ จะได้ไม่เมื่อย”

ธันน์ละมือออกจากไลลาลิณเพื่อวางของลงบนเคาน์เตอร์ของแพนทรีเล็กๆ หญิงสาวเลยสบโอกาสเดินไปหาแท็บเล็ต เตรียมหนีเข้าห้องนอน ไม่อยากจะพูดกับคนที่มองหล่อนด้วยหางตามาตลอดสามวัน แม้ว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่มานเมตต์ก็พูดจาเสวนาแต่กับธันน์ มองข้ามหัวกันไป เล่นเอาไลลาลิณหน้าชาจนพานไม่อยากจะเห็นหน้า แต่ยังก้าวไม่ถึงไหน ร่างใหญ่ของคนที่หล่อนบ่นในใจก็มายืนขวาง รู้ละว่าเป็นเขา แต่ไม่อยากจะเงยหน้ามอง ดีที่ธันน์ตะโกนเรียกไว้ เลยรีบหมุนตัวกลับไปมองเพื่อนสนิท ตอนนี้จะใช้ทำอะไรก็ทำหมด เดี๋ยวค่อยหาทางหลบเลี่ยงเข้าห้องอีกที

“ไลลามาช่วยกันเอาแก้วออกไปเร็ว เดี๋ยวธันน์เทขนมใส่จานให้”

เพราะมานเมตต์เตรียมแก้วเฉพาะสำหรับเครื่องดื่มชนิดนี้มาพร้อมสรรพในถุงใบเขื่อง รวมทั้งของกินแกล้มที่เหมาะกับเหล้ารสดีปีดี แม้จะมีเงิน แต่ก็ไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ ขนาดเศรษฐีไฮโซที่บินไปญี่ปุ่นเดือนละหลายครั้งยังไม่สามารถซื้อกลับมาได้เลย

แล้วที่ไลลาลิณคิดว่าจะปลีกตัวเข้าห้องนอนได้ก็ทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะสองหนุ่มแทบไม่คลาดสายตาจากจอทีวี ทำให้หญิงสาวต้องสวมบทเป็นเด็กเสิร์ฟคอยดูแลเครื่องดื่มให้คนทั้งสอง จนผ่านสี่สิบห้านาทีแรกไป สองหนุ่มเลยยอมขยับองศาการนั่ง โดยที่มานเมตต์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน

“ไลลาไปนอนละนะ”

“ไม่เอาดิ อยู่ด้วยกันก่อน” ปกติเขาก็ตามใจหล่อน แต่บรรยากาศที่ผ่านมามันแปลกไป จนธันน์ต้องรู้เรื่องให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นหนุ่มหล่อในวัยยี่สิบหกที่เหมือนจะสนใจแต่ฟุตบอลก็ยังจับสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่ไลลาลิณส่งอะไรไปทางมานเมตต์ เจ้าตัวจะกระแทกกระทั้นมากกว่าปกติ ในขณะที่คนแก่ก็รับเหมือนไม่ได้ใส่ใจคนส่งให้ แต่มีแววตาสีหน้าบางอย่างที่พูดได้เลยว่าไม่ธรรมดา

“อะไรอีกอะ ชงกันเองก็ได้มั้ง ไลลาจะไปดูซีรีส์ต่อแล้ว”

ก็เห็นกินเหล้าเพียวๆ ไม่ต้องมีโซดา ทำไมต้องมามีคนคอยบริการ บังคับให้นั่งด้วยไม่พอ ธันน์แทบจะล็อกคอไม่ให้ไลลาลิณได้ขยับไปไหน

“ไม่เอา” ชายหนุ่มตอบแล้วมองหน้าเพื่อน ก่อนจะกดดันแบบที่ไม่เคยทำ “ตอบมา มีปัญหาอะไรกับพี่หมากหรือเปล่า ทำไมท่าทางแปลกๆ”

“ใครจะไปมี้ เดี๋ยวเขาก็เฉดหัวออกจากโรงแรมเขา ชวนออกไปนอนที่อื่นธันน์ก็ไม่ยอมไปนิ”

หญิงสาวปฏิเสธเสียงสูง เตรียมจะก้าวขาเข้าห้องจริงๆ แม้มานเมตต์จะไม่พูดด้วยสักคำ แต่หน้าเข้มที่มีสีแดงพาดชัดขึ้นตามปริมาณเครื่องดื่มที่เขาดื่มเข้าไปก็มีแววตาแปลกๆ มองมาที่หล่อน ยิ่งเมื่อกี้ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะไปเข้าห้องน้ำก็ยืนจ้องหน้าหล่อนเหมือนไลลาลิณไปทำอะไรผิดมา ทั้งๆ ที่ก็ปากบอนไปหน่อย ตัวเขาเองนั่นละพูดจาร้ายกาจกว่ากันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า

“งั้นก็ไม่ต้องไป อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว อ้ะ พี่หมากมาพอดี” ธันน์เห็นรุ่นพี่เปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ในห้องรับแขกของวิลลาออกมาก็เขยิบตัวเข้าใกล้ไลลาลิณที่หันหลังให้ฝ่ายนั้น ลดเสียงให้เบาลง แล้ววางมือลงบนบ่าหญิงสาวเพราะกลัวไลลาลิณจะหนี แต่ภาพที่มานเมตต์เห็นคือธันน์กำลังกระซิบกระซาบข้างหูหล่อนเหมือนโอบกอดกันไว้ ยิ่งทำให้คนที่สับสนมาสามวันจะนอนไม่หลับเข้าเป็นคืนที่สี่

“ดูแลพี่หมากนะ ธันน์ไปฉี่แป๊บเดียว ถ้าออกมาไม่เจอ คืนนี้จะให้พี่หมากสับคัตเอาต์ให้ไฟดับทั้งโรงแรมเลย ลองดูสิ”

พูดจบธันน์ก็เดินเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้ไลลาลิณตัวแข็งทื่อ เพราะมีอีกคนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรเลยเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำแร่ขวดเล็กออกมาเปิดฝาดื่มจากขวดอั้กๆ รวบรวมสติอยู่อีกสักพัก ภาวนาให้ธันน์ออกมาจากห้องนอนโดยเร็ว แต่เหมือนว่าแต้มบุญหล่อนยังไม่ถึง เพราะนอกจากเพื่อนสนิทจะยังไม่โผล่หัวออกมา คนที่ทำให้หล่อน ‘หลอน’ ยังเดินมาหยุดยืนข้างๆ จนแขนแทบจะสีกัน แล้วเปิดประตูตู้เย็นออกเลียนแบบพฤติกรรมเมื่อครู่นี้ของหญิงสาวทุกประการ

ไลลาลิณตัดสินใจเดินเลี่ยง ไม่อยากอยู่ใกล้คนที่หล่อนปากร้ายใส่เขา และเขาก็พูดจาดุเดือดใส่หล่อน กลับมานั่งที่โซฟาแล้วตลบผ้าขึ้นคลุมขาตัวเอง เตรียมจะสอดหูฟังกลับใส่หู นี่ถ้าธันน์ไม่ขู่ไว้ด้วยสิ่งที่หล่อนกลัวที่สุดในชีวิต ให้ตายก็ไม่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ยังไม่ทันได้หนีเข้าโลกส่วนตัว คนน่ากลัวก็เดินตามมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม เทเหล้าเพียวๆ ใส่แก้วที่เขาดื่มไปหมดแล้วยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมด เล่นเอาผิวที่ไม่ขาวเปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำได้ในวินาทีเดียว ไม่วายหยิบแก้วเปล่าซึ่งควรจะเป็นของไลลาลิณ แต่เจ้าตัวยืนกรานว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์มารินใส่เสียเกือบครึ่งแก้ว ก่อนจะเอื้อมตัวมาวางให้หล่อน

คนหน้าหวานทำเป็นไม่สนใจ แต่ตกใจเพราะเสียงกระแทกแก้ว ก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นจากจอแท็บเล็ต กะพริบตามองคนดุที่ไม่ขยับปากเอ่ยอะไรสักคำ จนได้แต่บอกตัวเองว่าไม่พูดก็ไม่พูด หล่อนก็ไม่อ้าปากถามเหมือนกัน เลยเลือกที่จะเลิกคิ้วทำหน้ายียวนใส่ผู้ชายที่กอดอกจ้องตาเขม็ง

สู้สายตากันอยู่นานสองนาน คนที่จะอดทนไม่ได้ก่อนก็ไม่ใช่คนอายุน้อยที่อ่อนประสบการณ์ แต่เป็นคนแก่ใจร้อนที่ทุกวินาทีในใจนี่แทบบ้า เรียกว่าอยู่ไม่สุขมาตั้งแต่วันเกิดเรื่อง ครึ่งวันแรกก็ดีอยู่หรอก แต่พอตกค่ำเขาตามไปสมทบกับธันน์และไลลาลิณ ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้อยากไป เนื่องจากไม่รู้จะสู้หน้ายังไง ทั้งยังหมั่นไส้ยายเด็กปากดี แต่ขาพร้อมจะเหยียบคันเร่งให้ขับรถตามไป ต่อให้เลือกร้านไกลกว่าเขาใหญ่ก็ไม่หวั่น สมองบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของเจ้าบ้าน และควรจะเอ่ยปากขอโทษให้จบเรื่องกันไป ที่ทะยานเหยียบเสียมิดนั้นก็เพราะอยากไปดูแลธันน์

พอเดินเข้าไปในร้าน มองเห็นรุ่นน้องกำลังเอาหัวดุนไหล่มนของไลลาลิณโดยที่หญิงสาวก็เอนศีรษะซบทับลงไป เล่นเอามานเมตต์เลือดขึ้นหัวทันที รู้วินาทีนั้นละว่าความรู้สึกของตัวเองชักไม่เข้าท่า เลยพยายามไม่มอง ไม่พูด จะได้ไม่ต่อเนื่องมากความ แต่ก็เหมือนว่าจะห้ามตัวเองไม่ค่อยได้ ยิ่งตั้งใจจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คิดอะไรกับไลลาลิณ แต่ยิ่งเห็นความสนิทสนมที่ธันน์บอกว่าเป็นแค่เพื่อนก็ไม่สนิทใจ จะพานไปขวางไม่ให้เขาอยู่กันสองคนอยู่ร่ำไป แต่จะให้พูดจาจีบ นอกจากยังเคืองที่ยายตัวเล็กปากเก่งปากดีใส่ มานเมตต์ก็ไม่ได้เข้าหาสาวมานานหลายปี ยิ่งเด็กกว่ากันเกือบยี่สิบปีแบบนี้ยิ่งไม่เคยมอง แต่ไม่รู้ว่าดวงตกหรือยังไง ไลลาลิณถึงได้ความสนใจของเขาไป

ความเงียบที่ทั้งสองจงใจส่งให้กันยังคงดำเนินอยู่แบบไม่มีใครยอมใคร แต่ดูเหมือนลางแพ้จะฉายแววรำไร เพราะชายหนุ่มเอื้อมมือยื่นแก้วของเขาไปชนแก้วของหล่อนที่เพิ่งจัดแจงส่งให้ ก็รู้ว่าผิด แต่ไม่รู้จะง้อยังไง เขาไม่ยอมลงให้ก่อนหรอก คิดแบบนั้น แต่ที่รินเครื่องดื่มเลื่อนไปวางตรงหน้าสาวนี่ก็ไม่รู้ว่าทำไปเพราะอะไร

ไลลาลิณกอดแท็บเล็ตเข้ากับอกแน่น รีบส่งเสียงดังเรียกคนที่หายไปเกือบห้านาที

“ธันน์ ออกมาได้แล้ว บอลจะมาแล้ว”

หญิงสาวตะโกนเรียกพร้อมเขยิบหนี เพราะคนตัวโตเลื่อนตัวเข้าใกล้ แม้ว่ามานเมตต์จะขยับเพียงคืบฝ่ามือเดียว แต่ก็ดูคุกคาม ไม่รู้หรอกว่าเกมกีฬาที่กำลังพักครึ่งจะเริ่มแข่งกันอีกทีตอนไหน แต่ไม่ชอบบรรยากาศตอนนี้ในห้องพักของตัวเองแม้แต่น้อยเลยต้องรีบหากำลังเสริม ยังไงซะต่อให้ธันน์จะสนิทกับมานเมตต์ แต่เพื่อนก็อยู่ทีมไลลาเสมอ

“อีกนานไอ้ธันน์ อีกเกือบยี่สิบนาที ไม่ต้องรีบๆ”

มานเมตต์จ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าตรึงไว้ไม่ให้คลาดสายตา รีบบอกรุ่นน้องให้ใช้เวลาตามสบาย เพราะเขาเองก็ยังต้องการเวลานอกกับผู้หญิงคนนี้ก่อน

“อ่าๆ งั้นคุยโทรศัพท์แป๊บ”

ไอ้เพื่อนตัวดีก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้าออกมา เพียงตะโกนตอบให้เสียงลอดประตูที่ปิดไม่สนิทออกมา ไลลาลิณเลยนึกฉุน ไม่สงไม่สนใจแล้วว่าธันน์จะขู่ว่าอะไร เตรียมลุกขึ้นหนีกลับเข้าห้องพักของตัวเอง แต่ขาเรียวที่ไม่ค่อยยาวต้องชะงักเพราะเสียงทุ้มเอาเรื่องดังขึ้นไล่หลัง

“เด็กบ้า นิสัยเสีย”

แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนนิสัยดี แต่อีตาลุงนี่เป็นใคร มาพูดจาใส่กันหยาบคายแบบนี้ ความตั้งใจที่จะหนีเปลี่ยนเป็นดาหน้าเข้าชน

“พูดบ้าอะไร แน่จริงหันมาพูดกันชัดๆ สิ”

ที่เอ่ยออกไปแบบนั้นเพราะพอเดินกลับมามานเมตต์ก็ลอยหน้าลอยตายกเครื่องดื่มขึ้นจิบ กระดิกเท้าดูทีวีเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่ได้ว่าอะไรหล่อน สาวร่างเล็กเลยยิ่งอารมณ์ขึ้น เดินไปยืนบังทีวีทั้งๆ ที่ตัวเองก็เอวบางร่างน้อยแค่นั้น

“นี่” คนตัวเล็กแต่ใจกล้ายืนท้าตีท้าต่อยกับผู้ชายวัยเกือบสี่สิบที่ไม่มอง ไม่พูด แต่เอียงหัวดูความเคลื่อนไหวในทีวี มือที่ถือแก้วพลางยกขึ้นปัดเป็นภาษากายว่าให้หล่อนออกไปให้พ้นๆ จนในหัวไลลาลิณมีแต่คำว่าพอกันที

“นี่คุณ! เมื่อกี้คุณว่าอะไรฉันฮะ!”

มานเมตต์นี่อยากจะยิ้มเพราะท่าทางเอาเรื่องตรงหน้า ถ้าเป็นคนอื่นทำคงโคตรรำคาญ แต่พอเป็นไลลาลิณกลับทำให้หัวใจคนจะแก่ชุ่มชื่นดี แต่ในเมื่อยิ้มไม่ได้ หนุ่มใหญ่ก็เลยยกแก้วจิบแทน

“ไม่ได้ว่า พูดลอยๆ”

“แล้วจะให้มันลอยไปไหน คุณด่าฉันชัดๆ”

“แล้วทำหรือไง เป็นเด็กบ้า เป็นเด็กนิสัยเสียหรือไง”

“ต่อให้ฉันจะเป็นแล้วมันทำไม มันไปหนักส่วนไหนของคุณ”

อืม...นั่นสิ มานเมตต์เองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่ากิริยาท่าทางคำพูดคำจาที่ไม่เข้าหูเข้าตาของไลลาลิณจะมาเป็นปัญหาของเขาทำไม แม้แต่ตอนที่หญิงสาวทำงอน ทำงอแงใส่ธันน์ เขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร แต่พอโดนบ้างใจกลับอยู่ไม่สุข อยากจะให้หล่อนพูดดีๆ อ้อนเขาดีๆ เหมือนเวลาที่ไลลาลิณอารมณ์ดีใส่ธันน์

“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะไม่มีมารยาทกับคนอื่นไหม เนี่ยดูสิ ผู้ใหญ่รินเครื่องดื่มให้ก็ไม่แม้แต่จะขอบคุณ” เขาละเรื่องที่หล่อนไล่เขาวันก่อนไว้ เอาแค่ที่เขาพยายามหาเรื่องวุ่นวายด้วยก่อน ไลลาลิณก็ดูจะก่อกำแพงเสียเหลือเกิน

“แล้วขอหรือไง ทำเองทั้งนั้น ยังจะมาเรียกร้องอะไร”

“ก็มารยาทไหม มีไหมล่ะมารยาทอะ”

คนโตกว่าเถียงเป็นเด็กๆ เหตุผลเล็กน้อยอะไรเขาก็เอามาบี้ไลลาลิณหมด หน้าหล่อพยักพเยิดไปทางแก้วเครื่องดื่มที่เขาส่งให้แต่อีกคนไม่แตะแม้แต่น้อย

ไลลาลิณโดนหยามก็เดินดุ่มไปคว้าแก้วมายกขึ้นกระดกทีเดียวหมด โดยไม่ได้รู้เลยว่าเครื่องดื่มที่ธันน์กับมานเมตต์นั่งจิบกันมาเป็นชั่วโมงๆ แล้วยังไม่ถึงครึ่งขวดนั้นมีอานุภาพรุนแรงแค่ไหน ผู้ชายทั้งสองคนที่ขนาดจิบๆ ยังหน้าแดงก่ำ

คนที่ไม่ได้รู้เลยว่าอีกไม่กี่นาทีจะพูดจาอ้อแอ้ ร่างกายจะปวกเปียกจนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น

“กินหมดแล้ว มีมารยาทพอไหม ต้องให้ลงไปกราบเท้าขอบคุณด้วยหรือเปล่า”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น