7

บทที่ 7


 

ร่างในชุดราตรีสายเดี่ยวสีขาวประดับเลื่อมสีเงินวิบวับรอบกระโปรงบานฟูฟ่องปรากฏขึ้นแทนที่เกล็ดเพชรซึ่งเรืองรองอยู่กลางห้อง

ปราณปรียามาในลุคของนางฟ้าใจดี ถือไม้คทาที่ปลายยอดเป็นรูปดาว บนลำคอระหงสวมสร้อยเพชรขนาดมหึมา เรือนผมยาวที่ม้วนเป็นหลอดๆ ติดกิ๊บเพชรทั้งสองข้าง กลางแผ่นหลังกลมกลึงมีปีกนกสีขาวพราวพร่างประหนึ่งติดหลอดไฟไว้ให้ส่องสว่างอยู่ในความมืด

ทว่าเด็กน้อยทั้งสองกอดกันแน่นด้วยความกลัว

พริบพราวหน้าตาเหยเก ใกล้หลั่งน้ำตาอยู่รอมร่อ เพ็พพินคว้าตุ๊กตาหมาสีฟ้าขึ้นมาอย่างกับมันจะเป็นเกราะกำบังได้

“โอ๋ อย่ากลัวไปเลยนะเด็กๆ ย่ามาดี” ปราณปรียายกมือขึ้นห้าม ไม้คทาแกว่งไปมาตามการเคลื่อนไหว

“ย่าหนูอยู่ไทยแลนด์” เพ็พพินแย้ง

“นี่ก็ย่าอีกคนหนึ่งไงจ๊ะ เอ๊ะ! แต่ถ้านับกันจริงๆ แล้ว ลมเป็นแม่ของเลิศพงศ์ เลิศพงศ์เป็นสามีของวรดา วรดาเป็นน้องสาวของแม่นิติคุณ แม่นิติคุณเป็นย่าของพวกเด็กๆ งั้นฉันก็ต้องเป็นทวดน่ะสิ! ตายแล้ว แก่ชะมัดเลย แต่…ฉันก็ไม่เคยเป็นทวดของใครมาก่อนเลยนะ มันก็น่าจะดีเหมือนกัน”

หลังพึมพำกับตัวเองอยู่นาน ปราณปรียาก็กระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อหาข้อสรุปได้

“ตกลงว่านี่ทวดนะจ๊ะเด็กๆ ชื่อว่าทวดแป้ง” เธอตบอกตนเองเบาๆ

“ทวดคืออะราย” เพ็พพินถาม

“ทวดก็คือ…แม่ของย่าอีกทีหนึ่ง ย่าเป็นแกรนด์มาเธอร์ใช่ไหม ทวดก็คือเกรตแกรนด์มาเธอร์จ้ะ”

เพ็พพินเอียงคออย่างงงงวย

“หนูรู้จักทวดลมไหม แม่ของอาต้น อาตาลน่ะ”

เพ็พพินส่ายหัว แต่พริบพราวเผลอพยักหน้า

“นั่นไง หนูพริมรู้จักด้วย”

ปราณปรียาชี้ปลายไม้คทาไปที่เจ้าของชื่อซึ่งสะดุ้งโหยงและห่อตัวกอดน้องสาวด้วยความพรั่นใจ

“โถ หนูพริม ทวดบอกแล้วว่าอย่ากลัวไปเลย ทวดแป้งเป็นเพื่อนกับทวดลมนะ นี่ไงจ๊ะ รูปของเรา”

ปราณปรียาชี้ชวนให้เด็กทั้งสองดูรูปของตนกับลลนาในอดีตพลางอธิบายความสัมพันธ์ว่าเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม สีหน้าของทั้งคู่จึงคลายความตื่นกลัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังระแวงอยู่ดี

“หนูเชื่อทวดแป้งแล้วใช่ไหมจ๊ะ งั้นเลิกกลัวได้แล้วนะ ทวดแป้งเป็นเพื่อนทวดลมจริงๆ”

“แต่ทวดลมเป็นคน…ไม่ใช่ผี” พริบพราวขัดขึ้นอย่างกลัวๆ กล้าๆ

“ทวดแป้งก็ไม่ใช่ผี”

“แต่ทวดแป้งไม่มีเท้านี่คะ หนูเคยดูมูฟวี…ผี ไม่มีเท้า…” พริบพราวมองร่างของปราณปรียาที่ลอยจากพื้น แล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก

“ทวดแป้งเป็นผีหรือพริม” เพ็พพินป้องปากทำท่ากระซิบ แต่เสียงไม่ใช่กระซิบเลยเธอเรียกชื่อเล่นของพริบพราวโดยไม่มีคำว่า ‘พี่’ นำหน้ามาตั้งแต่ตอนหัดพูดใหม่ๆ แล้วจึงติดมาเรื่อยๆ ไม่ยอมเปลี่ยน

“แหม! ผีที่ไหนจะสวยขนาดนี้ ทวดแป้งเป็น…นางฟ้าต่างหาก! ดูสิจ๊ะ ทวดแป้งมีปีกด้วยนะ แล้วก็มีไม้คทาวิเศษ เสกอะไรก็ได้” ปราณปรียาหมุนตัวไปรอบๆ กระโปรงบานพองและปีกนกบนแผ่นหลังขยับพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหว

“นางฟ้าคืออาราย”

คำถามของเพ็พพินทำให้ปราณปรียาหยุดกึก

“เอ่อ นางฟ้าก็คือ…แองเจิล ผู้หญิงสวยๆ ที่อยู่บนสวรรค์ไง”

“สวรรค์คืออาราย”

“สวรรค์เหรอ เอ่อ สวรรค์ก็คือ…บ้านของแองเจิล อยู่บนฟ้าโน่น” เธอชี้ขึ้นไปบนเพดาน “ใครก็ตามที่เป็นคนดี พอตายไป เขาก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไปเป็นเทวดากับนางฟ้า เทวดาเป็นคำเรียกของแองเจิลที่เป็นผู้ชาย นางฟ้าเป็นคำเรียกของแองเจิลที่เป็นผู้หญิง ทวดเป็นผู้หญิงก็เลยเป็นนางฟ้าจ้ะ”

ปราณปรียาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนดีพอจะได้ขึ้นสวรรค์หรือไม่ แต่คนเรามีสิทธิ์ที่จะฝัน ผีก็มีความใฝ่ฝันได้เหมือนกันนี่นา

“นี่ทวดแป้ง นางฟ้าใจดี” เธอโบกไม้คทาพร้อมยิ้มหวาน

“นางฟ้าใจดี” เพ็พพินพูดตาม

“ถูกต้องจ้ะ สวยขนาดนี้ต้องเป็นนางฟ้าเท่านั้น พวกหนูหายกลัวรึยัง”

เพ็พพินพยักหน้า ทว่าพริบพราวยื่นมือมาแตะตัวปราณปรียา ก่อนจะชักมือกลับแทบจะทันที

“ทวดแป้งมือเย็น!”

แม้ไม่พูดต่อ สายตากล่าวหาของพริบพราวก็บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคิดว่าเธอเป็นผี

“ก็…ก็พวกนางฟ้าก็เนื้อเย็นอย่างนี้แหละจ้ะ เพราะว่าบนฟ้าอากาศเย็น มีแต่พวกมนุษย์เท่านั้นแหละที่ตัวอุ่น”

“ผีก็ตัวเย็นนะคะ หนูเคยเห็นในมูฟวี”

ให้ตายเถอะ เธอลืมไปได้อย่างไรว่าการพูดคุยกับเด็กจะยากเย็นขนาดนี้

“นางฟ้าก็ตัวเย็นเหมือนกัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยไม่เอามาทำเป็นหนัง เพราะเขาไม่โชคดีพอที่จะเห็นนางฟ้าเหมือนอย่างพวกหนู” ปราณปรียาปั้นหน้าให้ดูขึงขังที่สุด

“ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นล่ะคะ” พริบพราวขมวดคิ้วมุ่น

“เพราะว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่หนูสองคนน่ะสิ เป็นเด็กที่สวรรค์เลือกแล้วว่ามีความพิเศษกว่าใคร พวกหนูจึงได้รับพรให้มองเห็นทวดแป้ง แต่การมองเห็นก็มาพร้อมภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ทวดแป้งอยากให้พวกหนูช่วย…เอ่อ…พวกหนูไม่รู้จักคำว่าภารกิจใช่ไหม ภารกิจก็แปลว่า…งานสำคัญ…เวรี อิมพอร์แทนต์ จ็อบ” ปราณปรียารีบแปลก่อนที่เพ็พพินซึ่งทำหน้าฉงนจะถามความหมายขึ้นมาอีก

“ทวดแป้งต้องทำงานสำคัญนี้ให้เสร็จก่อน ถึงจะขึ้นไปบนสวรรค์ได้จ้ะ”

ปราณปรียาแต่งเรื่องขึ้นมาสดๆ ว่าเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ เพราะเคยทำความผิด จึงถูกลงโทษให้มาทำความดีบนโลกมนุษย์ เพื่อจะได้กลับขึ้นสวรรค์อีกครั้ง เธอต้องตอบคำถามของเด็กทั้งสองวนไปวนมาอยู่นานทีเดียว กว่าทั้งคู่จะเชื่อ

“ตกลงว่าหนูๆ จะยอมช่วยทวดแป้งแล้วใช่ไหมจ๊ะ”

“ค่ะ หนูจะช่วย หนูอยากให้ทวดแป้งขึ้นไปอยู่บนสวรรค์” พริบพราวรับปากและหายกลัวแล้ว

“หนูก็จะช่วย แล้วหนูก็จะให้ดาดากับหม่ามี้ช่วยด้วย” เพ็พพินพยักหน้า เด็กน้อยเรียกบิดาของเธอตามที่ตัวละครในการ์ตูนเรื่องหนึ่งเรียก

“อุ๊ย! ไม่ได้ๆ เราจะให้ดาดากับหม่ามี้รู้ไม่ได้เลยนะ พวกเขามองไม่เห็นทวดแป้ง คนอื่นก็ไม่เห็นเหมือนกันจ้ะ มีแค่หนูสองคนเท่านั้นแหละ”

“ทามมาย”

“เพราะอย่างที่ทวดแป้งบอกไปไงจ๊ะ หนูได้รับพรให้เป็นแค่สองคนบนโลกนี้ที่มองเห็นทวด แต่หนูจะบอกคนอื่นไม่ได้ ดาดากับหม่ามี้ก็ห้าม มันเป็นความลับของสวรรค์ ถ้าหนูบอกใครไปละก็ ทวดแป้งจะขึ้นสวรรค์ไม่ได้อีกเลยจ้ะ” ปราณปรียาแสร้งทำหน้าเศร้า

“หนูจะไม่บอกใครค่ะ” พริบพราวกุมมือเธอไว้ด้วยความสงสาร

“หนูก็จะม่ายบอกคราย” เพ็พพินจับมืออีกข้างหนึ่งของหญิงชรา

ปราณปรียามองมือเล็กๆ ทั้งสองที่แผ่ความร้อนซ่านมาสู่โลกอันเย็นยะเยือกให้เกิดความอบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกตื้นตันท่วมท้นอยู่ในอก นอกจากนภัสสร หลานแท้ๆ ก็ไม่มีใครที่มองเห็นและสัมผัสถึงการมีตัวตนของปราณปรียาได้อย่างนี้

“ขอบใจมากนะจ๊ะ” เธอดึงเด็กน้อยทั้งสองมากอด โลกของปราณปรียาไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว

การกอดตอบของเด็กน้อยทั้งคู่ส่งผลให้น้ำตารื้นบนขอบตาของหญิงสูงวัย การมีเด็กๆ อยู่ในครอบครัว มันดีอย่างนี้นี่เอง ถ้าเธอมีเหลนแท้ๆ จากหลานโดยสายเลือดสักคนได้ก็คงดี

“ทวดแป้งร้องไห้ทำไมคะ” พริบพราวคลายอ้อมแขนมามองหน้าเธออย่างห่วงใย

“ทวดไม่ได้ร้อง” ปราณปรียาสูดน้ำมูกฟุดฟิด

“ร้อง นี่งายน้ำตา” เพ็พพินชี้มาที่ดวงตาอันชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำ

“โอ๋ ทวดแป้งอย่าร้องไห้นะคะ” พริบพราวลูบหลังปลอบโยน เพ็พพินจึงทำบ้าง

“พวกหนูน่ารักเหลือเกิน ถ้าทวดมีเหลนอย่างพวกหนูก็คงจะดี…” ปราณปรียาตื้นตันจนน้ำตาเอ่อขึ้นมาใหม่

หากเป็นเมื่อก่อน คนที่มีโอกาสได้เห็นน้ำตาของเธอและคอยปลอบอยู่เคียงข้างมีเพียงสามีเท่านั้น ทว่าโลกหลังความตายช่างโหดร้าย แยกเขาและเธอออกจากกัน ต่อให้ปราณปรียาร้องไห้จนน้ำตาหลั่งเป็นสายเลือด ภาคภูมิก็ไม่มีวันได้เห็น น่าขันนักที่ตอนนี้คนที่มาปลอบโยนเธอกลับเป็นเด็กน้อยสองคนที่เพิ่งรู้จักกัน

แต่ก็ดีกว่าการร้องไห้คนเดียว

“ขอบคุณพวกหนูมากนะจ๊ะ ทวดแป้งขี้แยไปหน่อย เรามาเริ่มภารกิจกันดีกว่า” ปราณปรียาปาดน้ำตา ยืดกายขึ้น ฝืนยิ้มให้ดูสดชื่นที่สุด “งานที่ทวดอยากให้พวกหนูช่วยก็คือ…”

เด็กน้อยพร้อมใจกันขยับเข้ามาใกล้ จ้องตาแป๋วอย่างรอคอย

“เป็นคิวปิดจับคู่ให้คนมารักกัน แล้วก็แต่งงานกัน สองคนนั้นก็คือ อาต้นของหนูกับพี่เดียร์จ้ะ”

“โอ้ แมน! โน เวย์! (Oh man! No way!)” เด็กๆ สั่นศีรษะดิก

“ทำไมล่ะ พวกหนูไม่คิดหรือว่าอาต้นกับพี่เดียร์เหมาะสมกันออก คนหนึ่งก็หล่อ อีกคนก็สวย”

“หนูไม่อยากให้พี่เดียร์แต่งงาน” พริบพราวทำหน้ามุ่ย

“แต่คนที่พี่เดียร์จะแต่งงานด้วยคืออาต้น อาของหนูนะจ๊ะ”

“หนูไม่รู้จักอาต้น”

“หนูก็ม่ายรู้จักอาต้น”

“แต่หนูเจออาต้นแล้วนี่จ๊ะ อาต้นจะมาอยู่กับหนูตั้งสองอาทิตย์นะ”

“หนูเจออาต้นไม่กี่หนเอง หนูจำไม่ได้หรอกค่ะ”

“หนูก็จำอาต้นม่ายด้าย”

“เวรกรรมแต่…หนูรู้จักอาตาลไม่ใช่หรือ”

“รู้จักค่ะ อาตาลสวยมาก ใจดีมาก ชอบโทร.มาคุยกับหม่ามี้ แล้วก็ส่งของมาให้พวกหนูจากอเมริกาด้วย” พริบพราวเล่า

“หนูก็เลยชอบอาตาลใช่ไหมจ๊ะ”

พริบพราวกับเพ็พพินพยักหน้าพร้อมกัน

“ถ้าหนูชอบอาตาล หนูก็จะชอบอาต้น เพราะอาต้นเป็นพี่ชายอาตาล พี่น้องคู่นี้เขาเป็นคนดีด้วยกันทั้งคู่ ใครได้แต่งงานด้วยก็โชคดีไปทั้งชาติ สวรรค์ถึงได้ส่งให้ทวดแป้งมาจับคู่ให้พวกเขา…อ่า…ทวดหมายถึงจับคู่ให้อาต้นกับพี่เดียร์น่ะจ้ะ”

“ถ้าพี่เดียร์แต่งงานกับอาต้น พี่เดียร์จะโชคดีจริงๆ หรือคะ”

“โชคดีสิ ยังไงในชีวิตนี้พี่เดียร์ก็ต้องแต่งงาน ถ้าเธอพลาดจากอาต้น ไม่รู้จะได้เจอคนที่เหมาะสมขนาดนี้อีกรึเปล่า หรือต่อให้เจอ เขาก็จะเป็นผู้ชายคนอื่นที่พวกหนูไม่รู้จัก หนูไม่ยิ่งหวงพี่เดียร์หรือ”

เห็นเด็กทั้งสองย่นหัวคิ้ว คิดตามด้วยท่าทางจริงจังราวกับผู้ใหญ่ ปราณปรียาจึงย่ามใจและรีบพูดต่อ

“ถ้าพี่เดียร์แต่งงานไปกับผู้ชายอื่น เธอก็จะมีหลานเป็นคนอื่น แล้วก็จะค่อยๆ ห่างจากหนูไปทุกที แต่ถ้าพี่เดียร์แต่งงานกับอาต้น เธอก็จะกลายเป็นอาอีกคน เป็นครอบครัวของพวกหนูตลอดไปเลยนะ”

“หนูกลับไปไทยแลนด์ก็จะได้เจอพี่เดียร์หรือคะ”

“เจอบ่อยๆ ก็ได้ด้วย” ปราณปรียารับปากมั่วๆ ไปก่อน หวังว่าความผูกพันระหว่างกมลดากับเด็กทั้งคู่จะผูกพวกเธอไว้ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ประเทศใด

ปราณปรียาถึงกับร่ายยาวเรื่องงานมงคลสมรสของทั้งสองว่าพริบพราวกับเพ็พพินจะได้แต่งตัวสวยๆ เป็นเด็กถือขันหมากในพิธีสู่ขอ และได้โปรยดอกไม้นำหน้าขบวนเจ้าสาว หรือถ้าอยากเล่นเปียโน ร้องเพลงในงานแต่ง ก็ทำได้ เพราะพวกเธอเป็นคิวปิดตัวน้อยจับคู่ให้ทั้งสองรักกัน พริบพราวกับเพ็พพินจะได้เป็นนางเอกของงานไม่แพ้เจ้าสาวเลย

เด็กๆ ไม่ได้สนใจกับการเป็นนางเอกของงานนัก แต่เรื่องแต่งตัวสวยนำขบวนต่างๆ ดึงความสนใจของเพ็พพินได้มาก ส่วนพริบพราวยอมตกลงเมื่อปราณปรียายกเหตุผลว่า ผู้หญิงดีๆ อย่างกมลดาควรลงเอยกับผู้ชายดีๆ อย่างลวัศกร ที่สวรรค์ส่งมาคอยดูแล เหมือนเช่นที่สวรรค์ส่งนิติคุณมาดูแลปณาลี

“หนูอยากให้พี่เดียร์มีความสุขเหมือนที่หม่ามี้มีความสุขค่ะ”

“พี่เดียร์จะมีความสุขกับการได้อยู่กับอาต้นแน่ๆ อาต้นเป็นน้องชายของดาดาเชียวนะ ดาดารักหม่ามี้อย่างไร อาต้นก็จะรักพี่เดียร์อย่างนั้น”

“งั้นหนูจะยอมให้อาต้นแต่งงานกับพี่เดียร์ค่ะ” พริบพราวตัดสินใจหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“หนูก็ยอม หนูจะแต่งชุดสีพิงก์ มีกลิตเตอร์ มีคราวน์(crown)บนหัว แล้วก็มีปีกด้วย” เพ็พพินฝันไปไกลถึงงานมงคลสมรสโน่นแล้ว เธอจะใส่ชุดนางฟ้าสีชมพูติดเลื่อมที่มีประกายวิบวับ สวมมงกุฎ และติดปีกข้างหลัง

“ถ้าอย่างนั้นเรามาวางแผนกันนะจ๊ะ” ปราณปรียายิ้มละไม

เด็กน้อยพยักหน้า ขยับเข้ามารุมล้อมเธอ

 

เช้าแรกในกรุงเฮก ลวัศกรตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่เนื่องจากเจ็ตแล็ก (Jet lag)ปรับเวลาไม่ได้เขาจึงเอางานมานั่งทำ พอเจ็ดโมงกว่าก็เริ่มได้ยินเสียงเด็กๆ พูดคุย เสียงเกาประตู และมีคนแง้มประตูห้องเขา แอบดูว่าตื่นหรือยัง

ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นหลานตัวน้อยทั้งสองมองมาตาแป๋วพวกเธอปิดประตูอย่างไม่สนิทนัก เขาจึงได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งตึงตังหนีไป

ลวัศกรลุกขึ้นจากเตียง ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยซึ่งพี่สะใภ้กำลังทำ เขารับประทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคน สังเกตเห็นว่าเด็กๆ แอบมองมาบ่อยขึ้น อาการเขินอายน้อยลง

นิติคุณบอกโปรแกรมว่าวันนี้จะพาลวัศกรไปเที่ยวรอบเมือง ให้เขาได้หัดใช้บริการรถสาธารณะทุกชนิดตามคำขอของชายหนุ่ม เพราะนับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาต้องเดินทางไปยังเมืองเดลฟท์๒เนื่องจากทีมของแอลแอล ดีเวลลอปเมนต์ ได้ล่วงหน้าไปที่นั่นแล้วเพื่อศึกษาดูงานในมหาวิทยาลัย Delft University of Technology หรือ TechnischeUniversiteit Delft ในภาษาดัตช์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ติดอันดับต้นๆ ของโลก

ผู้บริหารหนุ่มมาช้าไปหลายวันเนื่องจากติดภาระหน้าที่อันมากล้นในเมืองไทย แต่เขาก็เบาใจเพราะทีมงานที่ส่งมาก่อนนั้นเป็นระดับหัวกะทิที่ไว้ใจได้

ลวัศกรไม่ยอมให้ลูกน้องขับรถมารับจากเมืองดังกล่าว และไม่ให้ใครมาอำนวยความสะดวก เขาจะเดินทางไปเอง เพราะใกล้กันมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา ทุกคนรู้ว่าลวัศกรเป็นคนง่ายๆ ไม่ต้องการให้ใครมาคอยเทกแคร์ แต่ใครก็ตามที่ทำงานพลาด ขาดความรับผิดชอบ อาจจะชะตาขาดได้

ระหว่างที่ลวัศกรโทรศัพท์คุยกับลูกน้อง เขาได้ยินหลานตัวน้อยทั้งสองรบเร้าบิดามารดาให้ชวนกมลดาไปเที่ยวในเมืองด้วย คนเป็นพ่อแม่ไม่ยอม แย้งว่าหญิงสาวเพิ่งเดินทางมาจากเมืองไทย น่าจะเหนื่อย และต้องพักผ่อน ทว่าเพ็พพินเริ่มงอแง พริบพราวก็หาเหตุผลต่างๆ นานาที่ควรจะชวนกมลดาไป

“ทำไมวันนี้ลูกถึงต่อรองกันเก่งขนาดนี้ ฮึ” ปณาลีบ่น

สุดท้ายบิดามารดาก็ใจอ่อน ให้เด็กๆ ไปลองถามกมลดาด้วยตัวเอง ปณาลีจะต่อโทรศัพท์ภายในของตึกไปหากมลดาให้ แต่พริบพราวกับเพ็พพินยืนยันจะไปพบหญิงสาวที่ห้องพักเอง พวกเธอทำใจกล้าจูงมือลวัศกรให้ไปด้วยกัน

ชายหนุ่มเกือบปฏิเสธ ทว่าสายตาเว้าวอนของหลานๆ ซึ่งไม่เคยร่วมใจกันจับจูงมือเขาคนละข้างอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้มาก่อน ทำให้ใจอ่อนยวบ

รู้ตัวอีกทีลวัศกรก็เดินลงบันไดไปชั้นล่างพร้อมเด็กๆ แล้ว

 

เสียงกดออดที่ดังขึ้นเรียกกมลดาซึ่งนั่งจิบกาแฟอยู่ในครัวให้ลุกไปดู

หน้าประตูห้องมีจอเล็กๆ ฉายให้เห็นภาพผู้มาเยือนที่ยืนอยู่ภายนอก กมลดายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นพริบพราวกับเพ็พพิน

และ…ดูเหมือนจะมีเงารางๆ ของใครอีกคน

ทว่าเมื่อหญิงสาวเพ่งมอง กลับมีเพียงฝ้าขาวๆ เหมือนเป็นกลุ่มหมอกควัน หรืออาจเป็นรอยเปื้อนอะไรสักอย่างในจอมาบังคนผู้นั้น

เธอนิ่วหน้า ก่อนจะเห็นเพ็พพินเขย่งปลายเท้าขึ้นมากดออดอีกครั้ง

“มาแล้วค่า”

กมลดาตะโกน เอื้อมมือไปที่กลอนประตู หยุดชะงักเมื่อนึกได้ว่าแต่งตัวไม่เรียบร้อย

หญิงสาวก้มดูตนเอง เธอยังสวมชุดนอน ซึ่งเป็นเพียงแซ็กผ้ายืดบางๆ สั้นระดับปิดลงมาแค่ช่วงบนของต้นขา ไม่สวมเสื้อชั้นใน คอเสื้อที่เก่าและย้วยจึงเปิดให้เห็นเนินอกอวบอยู่รำไร ผมยุ่งๆ ถูกรวบขึ้นเป็นมวยหลวมๆ ลูกผมระต้นคอรุงรัง หน้าตาปราศจากเครื่องสำอาง ไม่มีอะไรดูดีเลย

“พี่เดียร์ขา พี่เดียร์”

เสียงเรียกของเด็กๆ ทำให้กมลดาจำต้องเลิกลังเล เธอเปิดประตูออก ส่งยิ้มให้พริบพราวกับเพ็พพินที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

แต่เจ้าของร่างสูงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหนูน้อยทั้งสองทำให้กมลดาชะงักงัน

หญิงสาวเบิกตากว้างมองใบหน้าอันคุ้นเคย ลวัศกรจ้องเธออยู่ก่อนแล้วอย่างตกตะลึง ก่อนดวงตาคมจะเลื่อนต่ำจากวงหน้าของเธอลงไปเรื่อยๆ

แก้มของกมลดาร้อนฉ่า แต่ไม่เท่าดวงตาร้อนแรงของชายหนุ่ม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น