2
“ทำไมบ้านเงียบจังครับนม” กฤตพจน์เดินหาวเข้าไปในครัว สวมกอดแม่นมจากทางด้านหลัง เพราะหลังรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ปลีกตัวขอขึ้นไปนอนพัก อาจจะเป็นเพราะโหมงานหนักมาหลายสัปดาห์ ร่างกายจึงอ่อนเพลียถึงเพียงนี้ ทว่าเมื่อตื่นลงมาอีกรอบกลับไม่พบใครในห้องพักผ่อนส่วนตัวเลยสักคน
นมพิศเอียงตัวหอมแก้มเจ้านายขี้อ้อนที่มักจะอ้อนตนเล่นเช่นนี้เสมอตั้งแต่เล็กจนโตก่อนตอบ “ท่านเจ้าสัวกับคุณน้ำเพชรออกไปตรวจคอนโดที่เตรียมไว้สำหรับคุณลดาค่ะ ส่วนคุณใหญ่พาคุณใบบัวไปสปา คุณรองพาหนูมินกับคุณหนูน้ำมนต์ไปฉีดวัคซีน คุณหมอกลางเลยพาคุณเข็มไปตรวจพร้อมกันวันนี้ทีเดียว”
“อ้าว แล้วใบบุญกับน้ำบุศย์ล่ะครับอยู่ไหน หรือไปเล่นบ้านพี่ชิน”
“คุณหนูเรียนพิเศษอยู่ในห้องดนตรีค่ะ” นมพิศอมยิ้มอย่างรู้เท่าทันอาการถอนหายใจยาวของเจ้านาย “ครูสอนพิเศษคนนี้คุณใบบัวเธอรู้จักดี เลยกล้าฝากคุณหนูทั้งสองเอาไว้”
“น้องบัวนี่ยังไงกัน คงต้องคุยกันหน่อยแล้ว” คุณเล็กบ่น เรื่องความปลอดภัยของทายาทเป็นสิ่งที่สี่เสือออกข้อปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัด แต่นี่อะไร ทำไมทุกคนถึงกล้าทิ้งเจ้าเสือน้อยกับน้ำบุศย์ไว้กับครูสอนพิเศษตามลำพัง
“ผมไปดูเด็กๆ ก่อนดีกว่า” เอ่ยจบก็สาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของนมพิศ แวว และวันมองตาม
“คุณเล็กเธอรักของเธอจริงๆ นะคะ เรื่องหลานไม่ได้เลย” แววอมยิ้ม
“เรื่องรักพี่รักน้องรักครอบครัวไม่มีใครเกิน” นมพิศตอบในขณะที่รินน้ำส้มที่เพิ่งคั้นเสร็จใส่ขวด
“อยากเห็นคุณเล็กมีครอบครัวจังเลยค่ะนม เห็นในข่าวซุบซิบลงว่าเมื่อคืนคุณเล็กไปกินข้าวกับนางแบบชื่อดังมาด้วยนะคะ สวยมาก” วันเล่าข่าวที่ตนอ่านเจอในโซเชียลเน็ตเวิร์กให้ทุกคนได้รับฟัง
นมพิศอมยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “คนสวยๆ แบบนั้นเอาคุณเล็กไม่อยู่หรอก”
เหม่อมองดูสายน้ำวน
เหม่อมองสายชลช่างไหลริน
เหม่อมองดูนกผกผินบินลับไป
ยามเหงาเราถอนใจ
บินไป ไม่กลับมา...
เสียงบรรเลงเปียโนเคล้าคลอกับเสียงขับร้องแว่วหวาน ชวนให้คนอารมณ์ร้อนชะลอฝีเท้าหยุดอยู่ตรงขอบประตู มือหนาเลื่อนบานประตูออกเล็กน้อย แล้วลอบมองบรรยากาศภายในห้องเรียนอยู่เงียบๆ
เปล่าเปลี่ยวจริงหนอหัวใจ
อยากจะรักใครเศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลังอ่อนล้าและหลงทาง
เจ็บนั้นยังเจ็บมิจาง อ้างว้างดั่งสายชล2
“นี่น้องบัวจ้างทีวีจอแบนมาสอนพิเศษเด็กๆ หรือไง สับสนไปหมดไหนหน้าไหนหลัง” กฤตพจน์หัวเราะลั่นกับความคิดของตัวเองอย่างลืมตัว และนั่นก็ดังพอที่จะทำให้บทเพลงแว่วหวานและเสียงบรรเลงเปียโนอันไพเราะเป็นอันต้องหยุดลง
“อาเล็กขา/อาเล็กค้าบ” เด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรและเด็กชายบุญรักษาร้องเรียก แล้วพร้อมใจกันลุกขึ้น วิ่งไปจูงมือผู้เป็นอาเข้ามานั่งในห้อง
“คุณครูน้าตามร้องเพลงเก่งๆ ค่า” หนูน้อยน้ำบุศย์เอ่ยกับผู้เป็นอา
“คุณครูน้าตามสวยด้วยครับ บุญชอบ” เจ้าเสือน้อยว่า พลางกระโจนเข้าไปเกาะขาคุณครูคนสวยเอาไว้
คุณครูน้าตามของเด็กๆ อมยิ้ม แล้วก้มลงลูบผมเด็กชายตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
“เสือน้อยเอ๊ย อาอุตส่าห์ถ่ายทอดวิชาให้ตั้งเยอะ ยังแยกคำจำกัดความสวยไม่สวยผิดอีก” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองเสียงอุบอิบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าเปียโน
“เห็นนมพิศบอกว่าคุณคือครูสอนดนตรีของเด็กๆ” กฤตพจน์ถามเสียงเข้ม ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้ตนโชว์พลังกับผู้หญิงคนนี้ เพราะด้วยนิสัยปกติแล้วเสือเล็กนั้นถนัดเรื่องหยอดคำหวานมากกว่า ทว่าหญิงสาวผู้นี้คือคนแรกที่เขากล้าวางอำนาจได้อย่างมั่นใจ
“ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นครูของเด็กๆ” หญิงสาวค้อมศีรษะลงเล็กน้อยขณะตอบ
“อายุเท่าไหร่กันเชียว เรียนจบหรือยัง มีประสบการณ์แค่ไหนน้องบัวถึงกล้าจ้างมาสอน” เสือหมายเลขสี่ยังคงโชว์พลังอย่างมาดมั่น
หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง แตะแขนเจ้าเสือน้อยให้ขยับตัว ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบเอกสารในกระเป๋าสะพายมายื่นให้ชายแปลกหน้าที่เข้ามารบกวนเวลาสอนของเธอดู
“ดิฉันมาติกา จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากอังกฤษ ดูเอกสารประกอบได้นะคะ”
จากทีวีจอแบนที่นั่งเรียบร้อยอยู่หน้าเปียโนเมื่อครู่ แต่เมื่อมายืนอกผายไหล่ผึ่งอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ เสือร้ายคงต้องขอถอนคำพูด
นี่มันจอนูนชัดๆ กฤตพจน์ลอบมองส่วนเว้าส่วนโค้งไม่วางตา ใจนึกอยากจะลองทดสอบดูสักครั้งว่าระบบจอนูนเช่นนี้หากได้สัมผัส แรงยืดหยุ่นจะต้านทานพลังฝ่ามือไร้เทียมทานของตนได้สักเพียงใด
“คุณ!” มาติการ้องเสียงหลง
กฤตพจน์สะบัดใบหน้าไปมาอย่างไม่แรงนักเพื่อเรียกสติให้กลับคืน
“อะ...อะไร เรียกเสียงดังเชียว” เสือหมายเลขสี่แสร้งทำน้ำเสียงกึ่งหงุดหงิดใจ ก็จะไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเธอเล่นมาปลุกให้ออกจากจินตนาการอันสุขสมจนแทบกระอักเลือดเช่นนี้
“เลือด...คุณเลือดกำเดาไหล” หญิงสาวตอบกลับหน้าตาตื่น
กฤตพจน์ยกมือขวาขึ้นแตะของเหลวที่เอ่ออยู่บริเวณจมูกอย่างช้าๆ และเมื่อเลื่อนปลายนิ้วขึ้นมาพิสูจน์ เจ้าน้ำสีแดงเหนียวๆ นั่นก็ทำให้จอมยุทธ์พลังฝ่ามือไร้เทียมทานแทบหงายหลัง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเสือร้ายกันแน่ เจอสาวสวยหยาดเยิ้มในชุดเดรสเปิดไหล่ผ่าข้าง ปากสีแดงสดกลับไปนั่งหาวใส่เธออย่างไร้มารยาท ทว่ากับคุณครูสาวจอนูนในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาเช่นนี้กลับตื่นเต้นจนเลือดกำเดาไหล โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ชายหนุ่มใช้มือขวาปาดน้ำสีแดงออกจากจมูกอีกรอบ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินดุ่มออกไประงับสติอารมณ์ด้านนอกห้อง
“ประหลาด” มาติกาส่ายหน้า ก่อนที่จะปรับอารมณ์แล้วหันมาเจรจากับนักเรียนของตนที่กำลังมองตามหลังชายประหลาดจนสุดสายตา
“เอาละเด็กๆ ไหนใครลองบอกครูหน่อยสิคะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน”
“คุณอาเล็กค่า”
“คุณอาของบุญกับน้ำบุศย์ค้าบ”
หนูน้อยตอบคำถาม มาติกาพยักหน้ารับทราบ ก่อนที่จะเข้ามาสอนเด็กๆ ที่นี่เธอเองก็หาข้อมูลมาพอสมควร ดังนั้นจึงเดาได้ไม่ยากว่าชายประหลาดที่เธอเพิ่งเจอ น่าจะเป็นเสือตัวสุดท้ายของบ้านโภคินอภิวัฒน์ สุดยอดผู้บริหารที่สาวๆ โหวตให้เป็นนักธุรกิจในดวงใจ เห็นทีคืนนี้เธอคงต้องกลับไปหาข้อมูลใหม่เสียแล้วว่าหลักเกณฑ์ในการโหวตมีอะไรบ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานจนตามกระแสนิยมชายในฝันของสาวไทยไม่ทัน
“เรามาเรียนกันต่อดีกว่านะคะ มาค่ะ มานั่งบนเก้าอี้ทั้งสองคนเลย” มาติกาช่วยอุ้มเด็กๆ ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้แล้วเริ่มสอนเรื่องตัวโน้ตต่างๆ
“หรือนี่จะเป็นอาการเบื้องต้นของวัยทอง” ชายหนุ่มเอ่ยกับตนเองผ่านหน้ากระจกเงาภายในห้องน้ำ “ไม่สิ เพิ่งจะสามสิบสองย่างสามสิบสามเอง ไม่น่าจะเข้าวัยทองเร็วขนาดนั้น” บ่นพลางวักน้ำขึ้นมาชะล้างใบหน้าหล่ออีกรอบ “หรือว่าเราเปลี่ยนรสนิยมมาชอบของแปลก เฮ้ย ไม่นะ วันก่อนยังแอบคิดถึงณัชชาอยู่เลย”
เสือหมายเลขสี่ตบหน้าผากตนเองแรงๆ หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับใบหน้าจนแห้งสนิท แล้วจึงเดินกลับออกไปยังห้องดนตรีอีกรอบ
เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากคุณครูและลูกศิษย์ตัวน้อยได้อีกครั้ง มาติกาลอบถอนหายใจยาว ความวุ่นวายกำลังมาเยือนอีกแล้ว
“อาเล็กไม่สบายหรือคะ” เด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรที่นั่งติดกับคุณครูกดตัวโน้ตบนแป้นเปียโนก่อนถาม
“อาเล็กเครียดเรื่องงานนิดหน่อยครับ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” กฤตพจน์อมยิ้ม เดินเข้าไปเบียดแนบชิดแล้วก้มลงกดปลายจมูกลงบนแก้มยุ้ยของหลานสาว และด้วยการกระทำอันเป็นธรรมชาติของตนกับเจ้าตัวเล็กนั่นเอง จึงทำให้ปลายจมูกโด่งเข้าใกล้จอนูนอันทรงพลังในระยะไม่เกินหนึ่งฝ่ามือไปโดยปริยาย ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ นิยามความสวยที่เคยมีมลายสิ้น
นี่มรดกจากมารดาหรือหมอให้มากันแน่ อีกหนึ่งคำถามประหลาดผุดขึ้นในสมองด้วยความอยากรู้ ชายหนุ่มจำต้องผละตัวถอยออกมาตั้งหลัก ก่อนที่เจ้าน้ำสีแดงจะทรยศไหลออกมาประจานความคิดของตนอีกรอบ
“อาเล็กเล่นเปียโนด้วยกันไหมครับ” เด็กชายบุญรักษาเอ่ยชวน
“ครับเสือน้อย อาเล็กขอเล่นด้วยคนนะครับ” ตอบหลานชาย แต่ปรายตามองคุณครูสาวพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างเป็นต่อ
มาติกากลอกตามองเพดาน เธอเพิ่งจะยี่สิบสามเองนะ อีกตั้งสองปีกว่าจะเบญจเพส นี่เธอต้องมารับมือกับคนประหลาดตั้งแต่กลับมาถึงเมืองไทยได้ไม่ถึงสัปดาห์เลยหรือนี่ จะถอนตัวไม่รับงานนี้ก็ไม่ได้แล้ว เพราะนายจ้างที่ทาบทามเธอมาทำงานที่นี่คือบัวบูชา คนที่เธอรักและเคารพประดุจพี่สาวแท้ๆ ผู้ที่คอยหยิบยื่นความช่วยเหลือตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ดึกสงัดภายในห้องนอนของสองทายาทตัวน้อย เด็กชายบุญรักษาและเด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรกำลังนั่งมองคุณอาของตนนอนอมยิ้มน้ำลายไหล ทั้งยังละเมอเอียงศีรษะไปมาคล้ายกำลังคลอเคลียอะไรบางอย่างอยู่ในฝัน
“อาเล็กเป็นอะไรคะพี่ใบบุญ” หนูน้อยน้ำบุศย์ถามพี่ชาย
“คุณอาบอกว่าช่วงนี้ทำงานหนัก” เจ้าเสือน้อยตอบน้องสาวตามที่ผู้เป็นอาเคยบอกไว้เมื่อกลางวัน
“น้ำบุศย์สงสารคุณอา” เด็กหญิงตัวน้อยทอดน้ำเสียง ก่อนที่สองพี่น้องจะช่วยกันดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของคนทำงานหนักจนมิดคอ แล้วจึงแยกย้ายกันไปนอน
ในห้วงแห่งความฝันอันแสนหวาน เสือร้ายกำลังเพลิดเพลินกับการซุกซบใบหน้าครึ้มไปด้วยไรหนวดลงบนบอลลูนยักษ์นุ่มนิ่มสองลูก และยิ่งขยับใบหน้าแรงเท่าไร แรงยืดหยุ่นของบอลลูนก็ยิ่งกระชับให้ลุ่มหลงมากขึ้นเท่านั้น นับว่านี่คือฝันหวานที่สุดในรอบสามสิบกว่าปีของเสือหมายเลขสี่เลยทีเดียว
ความคิดเห็น |
---|