6

เรือนหอรอแต่งเมีย

6

เรือนหอรอแต่งเมีย

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เมฆาออกมานั่งรับลมหนาวเคล้าแสงแดดอ่อนๆ ที่ชานเรือนอีกเช่นเคย บนโต๊ะไม้ตัวหนามีกระดาษแข็งม้วนใหญ่กับแก้วกาแฟวางอยู่คู่กัน 

ร่างสูงเอนกายพิงเก้าอี้หวายด้วยความอิดโรย เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะมีเรื่องให้คิดหนักมากมาย จนต้องตัดสินใจลุกขึ้นมาทำบางอย่าง...

“คุณเมฆเรียกผมมาแต่เช้า มีอะไรเหรอครับ” ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาหา

“เปิดกระดาษดูซิ” เขาชี้ไปที่กระดาษม้วน” แล้วดูว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง”

แดนดินหยิบกระดาษแผ่นดังกล่าวมาคลี่กางออกดู สิ่งที่อยู่ในกระดาษเป็นภาพร่างแบบบ้าน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์ขนาดกะทัดรัดสวยงาม

“นี่มันแบบบ้านนี่ครับ”

“มันเป็นแบบร่างเรือนหอต่างหาก”

“หา!” แดนดินอุทานเสียงดังลั่น แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินจากปากเจ้านาย เขาจึงรีบทวนถามซ้ำอีกครั้ง

“เรือน...เรือนหอเหรอครับ! โธ่ นี่คุณเมฆจะแต่งงานกับคุณแก้วตาจริงๆ เหรอ”

“จะบ้าหรือไงเล่า! ฉันไม่ได้จะแต่งงานกับยายนั่นโว้ย ฉันไม่บ้าจี้ไปกับแม่ด้วยหรอก มีอย่างที่ไหน ให้ฉันแต่งงานกับยายนั่นเพื่อสะเดาะเคราะห์” 

“ถ้าอย่างนั้นคุณเมฆจะออกแบบเรือนหอไว้ทำไมล่ะครับ” 

“ก็เพื่อหาเมียแต่งเข้ามาอยู่น่ะสิ แม่จะได้เลิกบังคับให้ฉันแต่งงานกับยายปลิงนั่นเสียที” บุรุษหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ พูดน่ะง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ การหาเมียเป็นเรื่องยากสำหรับเมฆานัก

เพราะไม่ใช่ใครก็ได้...แต่ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการครบถ้วน คู่ควรจะมาประดับบารมีของเขาอย่างแท้จริง

“คุณนายไม่มีทางยอมให้คุณเมฆแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแน่ๆ ครับ คุณนายเชื่อหมอดูยิ่งกว่าอะไร อีกทั้งยังชอบคุณแก้วตาอยู่เป็นทุนด้วย” 

“ไม่ยอมก็แล้วแต่เขา เอาที่สบายใจ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคนอื่น ฉันอายุสามสิบสองแล้วนะไอ้ดิน ไม่ใช่เด็กๆ ที่ให้แม่มาบงการชีวิตฉันอีกต่อไป”

“ต้องแบบนี้สิครับเจ้านายผม!” ลูกน้องคนสนิทยกนิ้วโป้งชื่นชม “เอ่อ...ว่าแต่ คุณเมฆจะแต่งงานกับใครเหรอครับ”

“ฉันจะแต่งงานกับแม่ชี” ริมฝีปากหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาคู่ทรงเสน่ห์พราวระยับ

“คุณเมฆอย่าเล่นของสูง นรกจะกินกบาลเอาได้นะครับ” แดนดินกล่าวแบบพาซื่อ เพราะคิดว่าเป็นแม่ชีจริงหมายความตามคำพูดของเจ้านาย ก่อนจะโดนท่อนขาแข็งแรงวาดมากระทบกับบั้นเอวเข้าอย่างจัง 

“นรกบ้านป้าแกสิไอ้ดิน! กวนประสาทจริง ฉันแค่เปรียบเทียบ ไม่ได้หมายถึงแม่ชีจริงๆ สักหน่อย”

“เอ้า ถ้างั้นใครกันล่ะครับ” เขาเกาศีรษะแกรกๆ ด้วยความฉงน 

“คุณนางฟ้าคนสวยของแกไง” 

เมฆาเฉลย เท่านั้นแหละทำให้ลูกน้องคนสนิทถึงบางอ้อ และปล่อยหัวเราะก๊ากออกมาอย่างน่าหมั่นไส้

“ฮ่าๆๆ ไหนคุณเมฆบอกว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้สนใจยังไงล่ะครับ นี่อะไร เจอกันไม่กี่วัน จะไปแต่งงานกับเขาเสียแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ รู้สึกเขินระคนอับอายขายหน้า เพราะมากลับคำพูดของตัวเองเสียนี่

“ก็ฉันไม่เห็นใครเหมาะไปกว่าคุณนางฟ้าของแกแล้ว ในบรรดาผู้หญิงที่ฉันรู้จักก็น่ารำคาญเกินกว่าจะแต่งงานแต่งการมาเป็นแม่ของลูก”

“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับที่จะแต่งงาน” แดนดินแย้ง เพราะเจ้านายเพิ่งจะรู้จักม่านพระจันทร์ได้ไม่กี่วัน ควรศึกษาดูใจกันไปนานๆ ก่อน

“แต่ถ้าช้าไปกว่านี้ แม่ก็จับฉันแต่งงานกับยายปลิงแน่ ฉันถึงต้องรีบแต่งเมียเป็นตัวเป็นตน”

“แล้วคุณจันทร์เขาจะยอมแต่งงานกับคุณเมฆเหรอครับ เธอดูไม่ได้สนใจคุณเมฆเลยสักนิด แถมยังวางตัวนิ่งเฉย ถึงคุณเมฆจะอ่อยแล้วอ่อยอีก” 

แดนดินลากเสียงยาวล้อเลียน ใครว่าพ่อเลี้ยงเมฆาสุดโหดไม่มีสกิลเสือเพลย์บอย ผิดแล้ว เพราะเจ้านายของเขาอ่อยหญิงสาวตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงตอนอยู่ที่วัด อ่อยแบบที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวว่าถูกอ่อย

“แกรู้ได้ไงว่าเขาไม่สนใจ เรียบร้อยขนาดนั้น เขาไม่แสดงอาการหรอก ลึกๆ แล้วฉันว่าเขาก็ชอบฉันอยู่” 

เมฆามั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากที่สุด ถ้าตั้งใจโปรยใส่ใครแล้ว คนนั้นเป็นต้องหลง

“เชื่อเถอะครับ ยังไงเธอก็ไม่ยอมแต่งงานกับคุณเมฆแน่นอน เพราะผู้หญิงเขาคิดเยอะ การแต่งงานไม่ใช่การเล่นเกมนะครับ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็สิ้นเดือนแล้วด้วย ยังไงก็ไม่ทัน” 

“แล้วถ้าฉันทำให้มันเกมได้ล่ะ”

“หมายความว่าไงครับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันยุ่ง

“ไม่ต้องรู้หรอก ฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน แกไปเกณฑ์ลูกน้องที่ไซต์งานบ้านใต้มาพบฉันด่วน ฉันรีบ! จะสร้างเรือนหอรอแต่งเมีย”

 

อสรพิษสีดำขนาดมหึมาค่อยๆ เลื้อยคืบคลานเข้ามาใกล้ๆ มันชูคอแผ่แม่เบี้ย หมายจะฉกเข้าที่ร่างบางซึ่งพยายามวิ่งหนี แต่กลับก้าวขาไม่ออก

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” เธอตะโกนกรีดร้องสุดเสียงให้คนช่วย แต่มิทันไรเจ้างูร้ายก็เข้าโอบรัดพันตัวเธอเอาไว้แน่น ดิ้นรนอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด

หญิงสาวร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสาย ราวกับเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิต คิดว่าอย่างไรก็ไม่รอดแน่แล้ว

แต่ฉับพลัน เจ้างูร้ายก็คลายตัวออก ก่อนจะกลายเป็นหมอกควันหนาทึบเบื้องหน้า จากนั้นร่างสูงใหญ่ของบุรุษหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากหมอกควันนั้น 

เขาก็คือ...

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าร้องกึกก้องกัมปนาท ทำให้ม่านพระจันทร์สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นจากนิทรา ตามด้วยเสียงหยาดฝนตกกระทบพื้นที่ด้านนอก หญิงสาวเด้งตัวลุกขึ้นแล้วเปิดโคมไฟหัวเตียงให้สว่าง นึกทบทวนความฝันอันสุดสะพรึง หัวใจดวงน้อยก็เต้นบีบจังหวะรุนแรง

เคยได้ยินมาจากผู้ใหญ่ว่า หากฝันเห็นงูรัด แสดงว่ากำลังจะได้พบเจอกับเนื้อคู่ ซึ่งงูในความฝันของเธอช่างแปลกประหลาด เพราะมันได้กลายร่างเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่เธอไม่เห็นเสียด้วยสิว่าเขาคือใคร

“เฮ้อ...” ร่างบางผ่อนลมหายใจด้วยรู้สึกเหนื่อยล้า เปิดดูโทรศัพท์มือถือที่บอกเวลาตีสามอีกเช่นเคย

สามวันมาแล้วที่ม่านพระจันทร์ไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่ม หลังกลับจากวัดในวันนั้น เธอก็ฝันเห็นแต่เจ้างูตัวเดิมและสะดุ้งตื่นขึ้นในเวลาเดิมซ้ำๆ เพราะเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้อง

หรือความจริงแล้ว มันคือนิมิตอะไรบางอย่างจากคำอธิษฐานของเธอในโบสถ์วันนั้น...? 

ใจม่านพระจันทร์นึกกระหวัดไปถึงเมฆา บุรุษหนุ่มบ้านไร่ผู้น่าเกรงขามซึ่งปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่เธอปักธูปเสร็จได้ไม่นาน 

มันจะไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ หากเขาไม่ใช่คนที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้พบเจอกัน

‘หลวงพ่อเจ้าขา ลูกขอเถอะเจ้าค่ะ อย่าให้เป็นเขาเลย’ 

จิตใต้สำนึกร้องขอ ใบหน้างามร้อนผะผ่าว หลับตาสั่นศีรษะแรงๆ ราวกับการทำแบบนี้จะกำจัดความคิดบ้าๆ ของตัวเองออกไปได้ 

เมื่อไม่สามารถข่มตานอนหลับต่อ ม่านพระจันทร์ก็ลุกไปเปิดไฟให้สว่างทั่วทั้งห้องนอนกว้าง เปิดเพลงคลาสสิกนุ่มนวลสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ก่อนจะนำหนังสือมาอ่านเพื่อไม่ให้จิตคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ และรอคอยเวลาให้ตัวเองง่วงนอนอีกครั้ง

 

คนงานก่อสร้างจำนวนมากกำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมการก่อสร้างเรือนไทยประยุกต์ ซึ่งต้องอาศัยช่างฝีมือและช่างแกะสลักทำงานควบคู่กันไปด้วยเพื่อความประณีตงดงาม 

พื้นที่ที่ใช้สร้างเป็นลานโล่งกว้างท้ายไร่ มีลำธารน้ำไหลตัดผ่าน ทั้งยังมีต้นจามจุรีใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาคอยให้ร่มเงา หากมองจากบริเวณนั้นก็สามารถเห็นทิวทัศน์ภูเขาสีเขียวขจีล้อมรอบ ที่สำคัญยังปลีกวิเวกเงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ เนื่องจากแคมป์คนงานและบ้านใหญ่อยู่ห่างจากที่นี่มากพอสมควร

‘ฉันอยากอยู่เงียบๆ กับเมียกันสองคน’

นี่เป็นคำตอบจากพ่อเลี้ยงหนุ่ม เมื่อคนงานก่อสร้างถามถึงสาเหตุ ว่าทำไมต้องสร้างบ้านใหม่แยกจากบ้านเดิมซึ่งหรูหราโอ่อ่าสะดวกสบายดีอยู่แล้ว

“เอ้าพวกเรา เร่งมือกันหน่อย นายเมฆต้องการให้เสร็จภายในเดือนหน้า บอกให้ไอ้ทิวาไปขับรถขนไม้ขึ้นมาเลย” 

‘นายแหวน’ หัวหน้าคนงานก่อสร้างตะโกนสั่งงานลูกน้องที่ไม่มีท่าทีกระตือรือร้น อืดอาดเชื่องช้าราวกับไม่เกรงกลัวบทลงโทษจากเจ้านาย หากทำงานไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด

“ปกตินายเขาจะมาคุมงานเองไม่ใช่เหรอพี่แหวน” คนงานชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

“เขาเข้ากรุงเทพฯ ไปกับไอ้ดินตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว ก็เลยให้ข้ามาคุมงานพวกเอ็งนี่แหละ” บุรุษวัยกลางคนอธิบาย

“ช่วงนี้นายเข้ากรุงเทพฯ บ่อยเนอะพี่ ปกตินายไม่ชอบไปเพราะมันวุ่นวาย” ลูกน้องคนเดิมตั้งท่าสงสัยต่อ

“เอ้า! ก็แฟนนายอยู่กรุงเทพฯ นายเขาก็ไปหาแฟนสิวะ แถมจะแต่งงานแต่งการเร็วๆ นี้แล้วด้วย ไม่งั้นไม่เร่งสร้างเรือนหอขนาดนี้หรอก” เพื่อนข้างๆ ตอบแทนแล้วเสร็จสรรพ

“เออ อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่เลย เรื่องของเจ้านาย รีบๆ ไปทำงานเถอะ นี่ยังไม่ได้ลงเสาสักต้น” 

นายแหวนว่าพลางบุ้ยปาก ไล่ไอ้เจ้าตัวขี้สงสัยเรื่องเจ้านายทั้งหลายให้แยกย้ายกันไปทำงาน ทว่าพอไอ้พวกนั้นไปพ้นไม่ทันไร ยายคนขี้สงสัยคนใหม่ก็โผล่หน้ามา 

“ไอ้แหวน นี่เอ็งเกณฑ์คนงานมาสร้างอะไรกันที่ท้ายไร่น่ะ ข้าเห็นรถกระบะแบกไม้มาเต็มคันวิ่งขึ้นวิ่งลงให้วุ่นเลย”

ร่วงท้วมๆ ของนางเฟื้องเดินกางร่มกันแดดเข้ามา หันมองรอบๆ ทั่วบริเวณด้วยนิสัยสอดรู้เพื่อเตรียมเอากลับไปรายงานคุณนายเอื้องกลิ่น

“เอ็งจะรู้ไปทำไมนังเฟื้อง” ชายวัยกลางคนสื่อความเป็นนัยลึกๆ ว่า ‘เสือก’

“คุณนายท่านให้มาถาม มีปัญหาอะไรไหม” นางเท้าเอวโต้ตอบ ถือว่าตนเป็นใหญ่เพราะสนิทกับเจ้านาย จึงวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่เพื่อนคนงานในไร่ด้วยกันโดยไม่นึกเกรงกลัว

“นายเมฆให้คนงานมาสร้างเรือนที่นี่” 

“เรือน เรือนใคร”

“ข้าไม่รู้ ถ้าเอ็งอยากรู้ ก็ไปถามเอาเองโน่นสิ” 

เขาไม่ตอบว่า ‘สร้างเรือนหอ’ เนื่องจากเมฆาได้สั่งกำชับไว้ก่อนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ว่า หากคุณนายหรือคนในบ้านใหญ่มาถาม ก็ไม่ต้องบอกความจริง เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ นอกจากคนงานและลูกน้องคนสนิทเท่านั้น

“ชิ ข้ารอคุณเมฆกลับมาก่อนก็ได้วะ ไม่ง้อเอ็งหรอก” 

นางเฟื้องเชิดหน้า สะบัดก้นเดินดุ่มๆ กลับออกไปอย่างโกรธๆ เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองพอใจ คิดว่าอย่างไรเสียก็ต้องไปรายงานคุณนายให้ได้ ตั้งแต่เรื่องเมื่อวานซืนที่ไอ้ลูกชายตัวดีหลุดปากออกมาว่าเมฆาไปถูกตาต้องใจสาวชาวกรุงเข้า

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น