3

บทที่ 3


ศรุตมาถึงบาร์ที่นัดรามิลกับธณริศไว้ แต่เขาไม่ได้ไปนั่งที่โต๊ะจอง กลับเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์แทน เพราะเพื่อนยังไม่มา จึงไม่อยากไปนั่งดื่มเงียบๆ คนเดียว มันน่าเบื่อเกินไป สู้มานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วดูบาร์เทนเดอร์ผสมค็อกเทลไปคุยไปยังดีกว่า
“ขอมาร์ตินี”
ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา นึกขึ้นได้ว่าต้องจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินใหม่ จึงพิมพ์ข้อความส่งให้เลขาฯ ส่วนตัวไปจัดการ รวมทั้งกำชับไปด้วยว่าให้เลขาฯ รอสแตนด์บายอยู่บนเกาะสมุย ระหว่างที่เขาต้องติดแหงกอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน ตามข้อตกลงของผู้เป็นปู่
พอส่งข้อความเสร็จเขาก็วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบาร์เทนเดอร์ที่กำลังติดพันทำเครื่องดื่มให้ลูกค้าก่อนหน้านี้อยู่ มันเป็นค็อกเทลสีสวยหวาน เขาจึงดูไปเพลินๆ แล้วก็ชวนคุยไปด้วย เพราะลีลาการผสมของบาร์เทนเดอร์ไม่เบาเลยทีเดียว
“แก้วนี้ชื่ออะไร”
“พิงก์เลดี้ครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบแล้วถามกลับ “เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกหรือครับ”
“คุณจำหน้าลูกค้าได้ทุกคนเลยเหรอ”
“ถ้าเป็นข้างล่างคงไม่ครับ แต่สำหรับบนนี้ วีไอพี ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำครับ ก็เลยจำหน้าได้เป็นส่วนใหญ่” บาร์เทนเดอร์ตอบขณะเอาเปลือกมะนาวกับเชอร์รีมาประดับ
ศรุตพยักหน้าเข้าใจแล้วนึกไปถึงเลขาฯ ของตัวเอง ที่ช่างเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ แต่ก็ถูกใจเขาเหมือนกัน เพราะข้างบนนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนข้างล่าง
หลังจากที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มนำแก้วค็อกเทลที่ทำเสร็จแล้วส่งให้พนักงานนำไปเสิร์ฟ เขาจึงชวนคุยต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกค็อกเทล เพราะลูกค้าบางคนก็ไม่ได้เจาะจงแบบเขา บอกแค่วันนี้อยากดื่มแบบนั้นแบบนี้ มีอะไรแนะนำก็มี หลังจากคุยกันไปสักพักจึงได้รู้ว่าบาร์เทนเดอร์ตรงหน้าชื่อปริม ทำงานที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว เป็นทั้งบาร์เทนเดอร์และหุ้นส่วนของผับนี้
ชายหนุ่มพูดคุยไปเรื่อยจนกระทั่งช่วงจังหวะหนึ่ง เขาเห็นจากหางตาว่ามีพนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องด้านหลังแต่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้บาร์เทนเดอร์เริ่มทำค็อกเทลแก้วต่อไปที่แค่เห็นเขาก็รู้โดยไม่ต้องถามเลยว่าเมนูนี้ชื่ออะไร เพราะตอนอยู่อเมริกาเคยลองและจำได้ว่า ซัดไปห้าชอตจนหลับเป็นตายข้ามวันเลย
“บี ฟิฟตีทู ตั้งแต่ตอนนี้ อืม...”
เขาพึมพำเบาๆ มุ่งความสนใจที่ค็อกเทลตรงหน้า จึงไม่ทันเห็นว่าพนักงานที่เขาเห็นจากทางหางตาคนนั้นกำลังมองมา แถมยังอ้าปากค้างเสียด้วย
‘นั่นมันเจ้าชายน้ำแข็ง คนที่ไอ้แสนบอกว่ารู้จักคุณปู่นี่หว่า!’
ปนิตาคิดพลางมองไปยังพี่ชาย พยายามหาทางออกให้เพื่อนที่ยังไม่ออกมาตรงเคาน์เตอร์ ถ้าออกมาแล้วเจอกับผู้ชายสุดหล่อนี่ละก็ งานเข้าแน่!
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวด้วยชุดพนักงานผู้ชายและใส่วิกผมสั้นอยู่ แต่ถ้าเคยเห็นหน้าตากันมาก่อน ร้อยทั้งร้อยก็น่าจะมีเอะใจสงสัยกันบ้าง ว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าให้เขาเจอแสนรักเลยจะดีกว่า!
ปนิตาคิดพลางหันหลังให้เคาน์เตอร์ที่ศรุตนั่งอยู่ แล้วแสร้งทำเป็นว่ากำลังหาขวดเครื่องดื่มชนิดหนึ่งบนชั้นวางเครื่องดื่ม แต่พอเข้าไปยืนด้านหลังพี่ชายได้ก็เอาหลังพิงคนเป็นพี่ แล้วส่งเสียงเรียกพอให้ได้ยินกันสองคน
“พี่ปริม เสร็จแก้วนี้แล้วออกไปคุยกันหน่อย”
ปริมได้ยินเสียงน้องสาว แต่ไม่ค่อยชัดนัก เพราะมีเสียงเพลงกลบอยู่ จึงเอียงหน้าไปหาเล็กน้อย
“ว่าอะไรนะ”
“ออกไปคุยกันหน่อย เลนล่างมีประเด็น!”
ปนิตาใช้โค้ดลับประจำกับพี่ชายเวลาที่ทั้งสองคนต้องการแอบพ่อกับแม่ทำอะไรสักอย่าง แต่ที่นี่ไม่มีพ่อกับแม่อยู่ ทำให้ปริมไม่เข้าใจว่าน้องสาวเป็นอะไร แต่พอจะหันหน้าไปถามตรงๆ แม่น้องตัวดีก็เอาข้อศอกกระทุ้งใส่เหมือนจะบอกว่าอย่าหันมา
ท่าทางของคนสองคนหลังเคาน์เตอร์ดูเหมือนจะคุยกันแบบแปลกๆ ทำให้ศรุตเริ่มสงสัย จะว่าเป็นคู่รักที่ทำงานไปแล้วแอบพรอดรักกันแบบเนียนๆ ก็ไม่ใช่ เพราะดูเหมือนกำลังซุบซิบกันอยู่มากกว่า
แล้วจะซุบซิบทำไม ไม่อยากให้เขารู้เหรอ แล้วไม่อยากให้รู้เรื่องอะไร ในเมื่อเขาเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก
ศรุตคิดแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบชำเลืองมองปฏิกิริยาทั้งสองคนเป็นระยะ แล้วอึดใจถัดมาพนักงานผู้ชายอีกคนก็เดินถือลังใส่แก้วออกมาจากด้านหลัง
“แก้วมาแล้วครับ”
แสนรักในคราบของหนุ่มน้อยผมสั้น ใส่ชุดพนักงานเรียบร้อยเดินออกมา แต่หล่อนยังไม่ทันได้มองลูกค้า มีแต่ปนิตาเท่านั้นที่หันขวับมามองเพื่อนสลับกับศรุตด้วยใบหน้าเหยเกสุดๆ เพราะศรุตหันไปมองแสนรักพอดีตอนที่หล่อนพูดว่าแก้วมาแล้ว
“ไม่ทันแล้ว...”
แสนรักในคราบหนุ่มน้อยจำแลงพอเห็นศรุตเต็มตาก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตีเนียนด้วยการส่งยิ้มให้เหมือนกับพนักงานยิ้มให้ลูกค้า พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่ตอนนี้หัวใจลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เพราะตอนนี้เขาทำเพียงแค่มองโดยไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่ถามเหมือนอย่างที่ในละครชอบถาม เวลาตัวละครหนึ่งจดจำคนที่เคยเจอกันมาแล้วได้หรืออาจจะรู้สึกไม่แน่ใจ
‘เธอมาทำอะไรที่นี่’
หรือ
‘หน้าคุ้นๆ นะ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า’
แต่คำเหล่านี้ไม่ได้หลุดออกมาจากปากเขาเลยแม้แต่น้อย จนหล่อนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจำหล่อนได้หรือเปล่า หรือว่ากำลังสับสนว่าใช่หล่อนหรือไม่ใช่กันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน หล่อนก็ควรต้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แล้วก็ต้องไปแบบแนบเนียนเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย
แสนรักคิดแล้วก็เอาแก้วไปวาง ทำตัวตามปกติ มีแต่ปนิตาเท่านั้นที่ยังมองศรุตทีมองแสนรักที เริ่มคิดว่าหรือศรุตจะโง่แบบพระเอกในละครที่แค่นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใส่วิกผมสั้นนิดหน่อยก็จำไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ จึงทำเป็นเดินเนียนไปหาแสนรัก พออีกฝ่ายวางของเรียบร้อยและกำลังจะเดินกลับเข้าไปข้างหลัง ปนิตาก็รีบตามเข้าไปด้วย
พอเข้ามาในห้องได้ คนที่หายใจหายคอไม่คล่องก่อนหน้าเพื่อนก็ยิงคำถามยาวเหยียดใส่เลย
“ไอ้แสนรัก นั่นมันคุณเจ้าชายน้ำแข็งของแกนี่ เขาจำได้หรือเปล่าวะ จะเป็นเรื่องไหมวะเนี่ย”
“แกถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครล่ะ” แสนรักย้อนก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตอนฉันเงยหน้ามาเจอเขา หัวใจนี่หล่นไปกองแทบตาตุ่มเลย”
“แกน่ะแค่กองที่ตาตุ่ม ฉันนะหัวใจจะวายตายไปก่อนแกอีก” ปนิตาว่าแล้วถามต่อ “เอาไงต่อดี”
“เอาไง ก็คงต้องดูท่าทีกันไปก่อน เขาอาจจะจำฉันไม่ได้ก็ได้” หล่อนพยายามใจเย็นและบอกให้เพื่อนใจเย็นด้วย “แกจำได้ไหม ตอนที่เขาไปส่งฉันที่บ้านแก แล้วคิดว่าแกเป็นพี่สาว เขายังฟ้องเสียขนาดนั้น ถ้าเห็นฉันที่นี่แล้วจำได้ เขาน่าจะฉะฉันแล้ว ไม่นิ่งอยู่อย่างนั้นหรอก”
“ก็จริง แต่ถ้าเขารอเวลาเล่นงานแกหลังเลิกงานหรือรอไปเล่นงานตอนแกไปทำงานกับเขาล่ะ”
“ถึงตอนนั้นฉันก็ยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียว ว่าฉันไม่เคยมาที่นี่ก็สิ้นเรื่อง”
“งั้นแกจะอยู่ทำงานต่อใช่ไหม”
“อืม คงต้องอยู่ต่อ ขืนจู่ๆ หายไป เขาก็ต้องสงสัยอีกว่าใช่ฉันแน่ รอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน”
ปนิตาพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นสองสาวในคราบหนุ่มน้อยก็กลับไปทำงานต่อ โดยแสนรักก็ทำหน้าที่ตามปกติ คอยยกเครื่องดื่มและกับแกล้มไปเสิร์ฟลูกค้า ส่วนศรุตนั้นลุกจากเคาน์เตอร์บาร์กลับไปนั่งที่ชุดโซฟาที่จองไว้ เพราะเพื่อนที่นัดกันไว้มาแล้ว
แสนรักเห็นเขาคุยอยู่กับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน จนกระทั่งคนที่เพิ่งมาใหม่สั่งเครื่องดื่มและหล่อนต้องนำไปเสิร์ฟ เจ้าตัวจึงเสี่ยงตายไปเสิร์ฟให้โดยไม่ได้วานพนักงานอีกคนทำแทน เพราะอยากดูปฏิกิริยาของศรุต ว่าตกลงแล้วเขาจำหล่อนได้จริงๆ หรือว่าจำไม่ได้กันแน่
“แมนฮัตตันครับ”
หนุ่มน้อยจอมปลอมบอกแล้วจึงวางแก้วลงบนโต๊ะ ในขณะที่ศรุตหันมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากชวนเพื่อนคุยแล้วถามถึงใครอีกคน ที่ทำให้แสนรักรู้ว่าโต๊ะนี้จะมีแขกตามมาอีกคน
“ว่าแต่ไอ้หมียักษ์ออกมาหรือยังเนี่ย”
“ยังไม่รู้เลย เมื่อกี้โทร. ไปมันก็ไม่รับสาย” รามิลตอบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูครั้งหนึ่ง เกรงว่าเพื่อนอาจโทร. กลับมาแล้วตนเองไม่ได้ยิน แต่สถานะการแจ้งเตือนก็ยังคงว่าเปล่าเช่นเดิม “นี่มันก็ยังโทร. กลับมาเลย สงสัยขับรถอยู่”
แสนรักได้ยินคำตอบนั้นหลังจากเสิร์ฟเครื่องดื่มเรียบร้อย แต่อยากดูปฏิกิริยาของศรุตต่อ จึงถามคนที่นั่งอยู่กับเขาเป็นการถ่วงเวลา
“รับกับแกล้มอะไรเพิ่มไหมครับ”
“ยังก่อนน้อง เดี๋ยวมีมาเพิ่มอีกคน ครบแล้วค่อยสั่งทีเดียว”
รามิลตอบแต่กลายเป็นการให้ข้อมูลต่อแสนรักไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แสนรักจึงเล่นบทพนักงานต่อด้วยการแนะนำด้วยความใส่ใจ
“ถ้าต้องการสั่งเครื่องดื่มหรือกับแกล้มเพิ่ม เรียกพนักงานได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
หญิงสาวในคราบหนุ่มน้อยบอก แล้วจึงค้อมกายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมา แต่ก่อนออกมาก็อดเหลือบมองศรุตอีกเล็กน้อยไม่ได้ เขาไม่ได้หันมามองหล่อน ดูจะไม่สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วพอหล่อนก้าวออกมาได้สองก้าว เขาก็ชวนเพื่อนคุยต่อ ราวกับว่าไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าหล่อนเป็นใคร
‘แบบนี้วางใจได้หรือเปล่าเนี่ย’
หล่อนคิด-Itเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์บาร์ แต่แอบหันไปมองศรุตกับเพื่อนของเขาอีกครั้ง เห็นสองหนุ่มยังนั่งคุยนั่งดื่มกันไปตามปกติ และเพราะที่นั่งของพวกเขาอยู่ตรงระเบียงที่มองลงไปชั้นล่างได้ บางครั้งก็เห็นสองหนุ่มมองลงไปบ้างเหมือนดื่มด่ำกับบรรยากาศตามปกติ
จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่ คนที่นั่งอยู่กับศรุตก็เดินไปทางห้องน้ำ แต่ครู่เดียวก็เดินออกมาและลงไปข้างล่าง แสนรักจึงคิดว่าห้องน้ำข้างบนอาจจะไม่ว่าง เขาจึงลงไปใช้ข้างล่าง ส่วนศรุตก็ยังนั่งดื่มด่ำอยู่ที่เดิม แต่แวบหนึ่งตอนที่เขาหันมาทางเคาน์เตอร์บาร์ ไม่รู้ว่าหล่อนคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนเห็นเขายิ้มมุมปาก ทำเอาหล่อนเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ จากที่ตอนแรกเห็นเขาเฉยมาตลอด
‘เอาไงดีแสนรัก แกควรชิ่งตอนนี้หรือรอดูสถานการณ์ต่อดี’
ฝ่ายศรุตที่จงใจหันมายิ้มให้ เพราะรู้ว่าแสนรักคอยมองเขาอยู่แล้ว และเขาก็ไม่โง่พอถึงขั้นแยกหล่อนไม่ออก ถึงจะแต่งตัวเป็นผู้ชาย ใส่วิกผม แต่ปฏิกิริยาแรกของหล่อนที่ชะงักตอนเห็นหน้าเขานั่นแหละมันตอบทุกคำถามที่สงสัยได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าหล่อนไม่ใช่แสนรัก เป็นแค่ไอ้หนุ่มน้อยหน้าเหมือน ไม่มีทางที่จะมีปฏิกิริยาอย่างนั้นแน่
“เดี๋ยวรู้กันแสนรัก!”
ศรุตพึมพำพลางยกแก้วมาร์ตินีขึ้นจิบ สีหน้าของเขาเรียบเฉยแต่ดวงตากลับวาวขึ้นเหมือนหมาป่าที่กำลังสนุกกับการทำให้เหยื่อปั่นป่วน
หลังจากรามิกลับมาที่โต๊ะ สองหนุ่มก็นั่งคุยกันอีกครู่ใหญ่ แต่ช่วงหนึ่งศรุตเห็นเพื่อนมองลงไปข้างล่างอย่างสนใจ เขาจึงมองตามสายตาของเพื่อน ก็เห็นว่ากำลังมองแม่สาวคนหนึ่ง เขาเพิ่งสังเกตว่าผมของหล่อนเป็นสีน้ำตาลอ่อนที่ค่อยๆ ไล่ลงมาเป็นโทนชมพูในช่วงปลาย ยิ่งเจ้าตัวมัดจุกครึ่งหัว...ส่วนที่เป็นสีชมพูจึงปรากฏให้เห็นเด่นหรา นอกจากนี้สาวเจ้ายังสวมเชิ้ตสีขาวเปิดไหล่ที่แม้จะไม่รัดรูปนัก ทว่าการผูกชายเสื้อไว้เหนือสะดือก็เผยให้เห็นเอวคอด รับกันกับบั้นท้ายกลมกลึงภายใต้กางเกงยีนสั้นเสมอหู
‘ท่าทางจะเฮี้ยวไม่เบา...’
ว่าแต่เดี๋ยวนี้รามิลรสนิยมเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ เมื่อก่อนไม่เห็นชอบสาวแซ่บๆ ขนาดนี้ สงสัยเบื่อความจำเจ แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตายังดูเด็ก แอบมาเที่ยวแล้วโกงอายุหรือเปล่าก็ไม่รู้
“นี่แกเปลี่ยนแนวแล้วเหรอไอ้มิล”
ศรุตเอ่ยแซว เวลาอยู่กับเพื่อนเขาจะผ่อนคลายและเป็นกันเอง ไม่วางตัวเป็นรูปปั้นน้ำแข็งเหมือนอยู่กับคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนิ่งและขี้เล่นน้อยกว่าเพื่อนอีกสองคนมาก
“เปลี่ยนแนวอะไรวะ”
รามิลหันมาตอบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่มีหรือที่ศรุตจะปล่อยเรื่องสนุกแบบนี้ไปได้ เขาไม่ใช่คนชอบเย้าแหย่ใคร แต่ถ้าใครเปิดช่องโหว่ให้เขาล้วงความลับได้ เขาก็ไม่พลาดที่จะแกล้งเหมือนกัน
“ก็แม่เหยื่อสาวหัวไฮไลต์ชมพูนั่นไง ฉันเห็นแกมองอยู่นะไอ้เสือ”
“ฉันต่างหากที่เป็นเหยื่อเขา”
“โอ้ว...พลาดแล้ว”
ศรุตทำเป็นร้องตกใจแล้วหลุดหัวเราะเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะขำรามิลหรือขำผู้หญิงที่คิดว่ารามิลเป็นเหยื่อดี เพราะสมัยเรียน รามิลขึ้นชื่อว่าเสือซุ่ม เห็นนิ่งๆ ท่าทางเหมือนสุภาพบุรุษ แต่เขี้ยวเล็บไม่ธรรมดา จนสาวๆ หลายคนคิดว่าเป็น
ผู้ชายที่เข้าหาง่ายและไม่มีพิษภัย แต่เขาคนหนึ่งแหละที่ขอค้าน เพราะรามิลไม่ได้เป็นลูกแมวให้เกาคาง แต่เป็นเสือซุ่มขนานแท้
“น่าสงสารเด็กน้อย ริจะเป็นแม่เสือ ไม่เช็กประวัติเหยื่อให้ดีเสียก่อน”
ชายหนุ่มพึมพำขณะมองลงไปยังแม่เสือที่ยังไม่รู้ชะตากรรมขำไม่ออก แล้วก็ไม่รู้ว่าควรสงสารดีหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงชะตากรรมขำไม่ออกแล้วละก็ คืนนี้ก็จะมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ที่จะถูกเขาเล่นงานแบบขำไม่ออก แล้วป่านนี้ก็คงยังไม่รู้ตัวด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหมาป่าออกล่าเหยื่อ!
สองหนุ่มนั่งคุยนั่งดื่มกันต่อไป โดยตลอดเวลารามิลก็คอยมองผู้หญิงคนนั้นอยู่บ่อยๆ บางครั้งมองไปก็ยิ้มไปด้วย จนศรุตรู้สึกว่าคราวนี้รามิลมาแปลกกว่าทุกที เหมือนจะสนใจผู้หญิงคนนี้มากกว่าคนอื่นๆ ที่ผ่านมา จนกระทั่งดูเหมือนว่าแม่สาวแซ่บคนนั้นจะมีปัญหาที่จัดการไม่ได้ รามิลซึ่งมองอยู่ครู่ใหญ่มากแล้วจึงตัดสินใจหันมาบอกเพื่อน
“เดี๋ยวมา”
ศรุตไม่ต้องถามให้เหนื่อยเลยว่าอีกฝ่ายจะไปไหน เขายกแก้วมาร์ตินีขึ้นจิบขณะมองลงไปที่แม่สาวแซ่บคนนั้น แล้วไม่นานนักก็เห็นเพื่อนเดินเข้าไปกลางวง แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน ก่อนที่นาทีถัดมารามิลจะถูกผู้หญิงคนนั้นดึงออกไปจากตรงนั้นด้วยกัน
ชายหนุ่มรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะคิดว่าอีกเดี๋ยวรามิลคงพาเจ้าหล่อนคนนั้นขึ้นมาข้างบนนี้ แต่ที่ไหนได้อีกฝ่ายกลับโทรศัพท์มาแทน
“ว่าไงพ่อเสือ”
“ขอโทษทีว่ะ ฉันคงไม่กลับเข้าไป ต้องไปจัดการอะไรหน่อย”
เขาถึงกับแอบถอนหายใจเบาๆ รู้เลยว่าเรื่องที่จะไปจัดการคืออะไร ก็เล่นลากกันออกไปแบบนั้น แล้วระดับไอ้เสือซุ่มมีหรือจะปล่อยเหยื่อไปง่ายๆ อย่างน้อยแม่เหยื่อสาวนั่นคงต้องเป็นมื้อค่ำเนื้อหวานในคืนนี้แน่ๆ
“ตามสบาย” เขายอมให้แต่ก็ออกอาการเซ็งเล็กน้อย จึงได้แต่แหย่ทิ้งท้าย “ออกจากนี่ไปสองร้อยเมตรมีร้านสะดวกซื้ออยู่ ถ้าไม่ได้เตรียมมา ก็แวะซื้อถุงยางเสียด้วยล่ะ ถุงยางจากสาวของแปลก มันไม่น่าไว้ใจ”
“ไอ้บ้า” รามิลพูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป ปล่อยให้ศรุตนั่งเซ็งอยู่คนเดียว
เขานั่งทำหน้าเซ็งๆ ที่โดนเพื่อนทิ้งอยู่สักพัก สายตาก็เหลือบไปเห็นแสนรักในคราบหนุ่มน้อยที่เพิ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มเสร็จบุ้ยใบ้บอกพนักงานที่เคาน์เตอร์ ทำมือเหมือนขอไปห้องน้ำ เท่านั้นแหละศรุตก็ตัดสินใจหาเรื่องแก้เซ็งได้ทันที!
ชายหนุ่มลุกจากโซฟาหลังจากเห็นแสนรักเดินเลี้ยวเข้าไปตรงทางเข้าห้องน้ำได้เล็กน้อย เขาเดินไปตรงนั้นและยืนรออยู่ตรงโถงทางเดินหน้าห้องน้ำ ที่แบ่งโซนไว้สำหรับห้องน้ำของลูกค้าและห้องน้ำของพนักงาน
‘หมดเวลาจอมปลอมของเธอแล้วแสนรัก’
เขายืนรออยู่ตรงนั้นจนกระทั่งแสนรักออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งหล่อนก็พลาดที่เข้าห้องน้ำหญิงเพราะพนักงานที่นี่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหล่อนเป็นผู้หญิง และเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาตรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้า เลยไม่ทันได้มองว่ามีคนยืนดักรออยู่ มาชะงักและได้เงยหน้าขึ้นมองก็ตอนที่จู่ๆ ก็มีคนมายืนขวางทางข้างหน้านั่นแหละ
‘คุณศรุต!’
แสนรักอุทานในใจ ยืนตัวแข็งพูดอะไรไม่ออกไปอึดใจใหญ่ แต่พอตั้งสติได้หล่อนก็ฝืนส่งยิ้มให้เขา เพราะยังอยู่ในคราบของพนักงาน แต่ศรุตไม่ยอมให้หล่อนตีเนียนไปได้ง่ายๆ
“เธอคิดว่าฉันจำไม่ได้เหรอ”
“จำอะไรครับ”
หล่อนทำไขสือ ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ศรุตจึงเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อหล่อนตรงๆ
“แสนรัก”
เจ้าของชื่อทำตาปริบๆ แล้วแสร้งตีมึนต่อไปด้ว้ยการเปลี่ยนการเรียกชื่อของเขาให้กลายเป็นความหมาย ทำเป็นเข้าใจว่าเขาเกิดสนใจพนักงานคนหนึ่งขึ้นมา แต่พนักงานคนที่ว่านี้ไม่สามารถตอบรับน้ำใจของเขาได้
“ขอโทษด้วยครับคุณลูกค้า ผมไม่มีรสนิยมเพศเดียวกันครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
แสนรักบอกแล้วทำท่าจะแยกตัวไปดื้อๆ แต่ศรุตยังก้าวเข้ามาขวางไว้ ท่าทางเขาบอกชัดว่าไม่ให้หล่อนไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะเคลียร์กับเขาเรียบร้อยแล้ว
“ถอยเถอะครับคุณลูกค้า ผมต้องไปทำงานต่อครับ”
หล่อนพยายามทำใจดีสู้ แล้วก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดมาดลใจให้ตัวช่วยพิเศษคนนี้โผล่มา เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงทักทายศรุตดังขึ้นด้านหลัง
“อ้าว นั่นใช่คุณศรุตหรือเปล่าครับ”
ศรุตหันมองตามเสียงเรียกขาน แล้วก็เห็นผู้ชายพุงพลุ้ยคนหนึ่งเดินมาทางนี้พอดี เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของธุรกิจส่งออกไม้แปรรูปยักษ์ใหญ่ แล้วก็เป็นลูกค้าคนสำคัญ เพราะน้องสาวของลูกค้าคนนี้เพิ่งจัดงานแต่งงานใหญ่โตที่โรงแรมของเขาไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง
“คุณประพาส”
“ใช่คุณจริงๆ ด้วย มายังไงไปยังไงครับเนี่ย มาเที่ยวหรือครับ”
เจ้าของชื่อประพาสถามต่อ แสนรักจึงสบโอกาสช่วงที่ศรุตเผลอ รีบเผ่นแน่บไป ชนิดที่ศรุตเองก็ยังคว้าตัวไว้ไม่ทันและไม่สามารถรั้งหล่อนไว้ได้ด้วย เพราะจะเสียมารยาทกับคนที่เข้ามาทัก
เขาจึงได้แต่ตั้งเป้าไว้ในใจว่า ถ้าหล่อนมาทำงานในฐานะนักศึกษาฝึกงานเมื่อไหร่ เขาจะซักให้ขาวแล้วก็จะให้ฝ่ายบุคคลหักคะแนนพฤติกรรมของหล่อนสิบคะแนน โทษฐานที่กล้าวิ่งหนีเขาวันนี้!
ทางด้านแสนรักที่หลุดจากศรุตมาได้แล้ว ก็รีบกลับไปที่ห้องพักพนักงาน ใช้โทรศัพท์มือถือโทร. หาเพื่อนเพื่อขอกลับก่อน เพราะคิดว่าถ้าอยู่ต่อ ศรุตต้องมารอดักตอนเลิกงานแน่ ปนิตาเข้าใจ แล้วจึงรบกวนให้พนักงานคนหนึ่งไปส่งแสนรักที่สถานีรถไฟฟ้า ส่วนตัวเองก็ตีมึนบอกพี่ชายว่า พอดีที่บ้านแสนรักมีธุระ เลยต้องขอกลับไปก่อน โดยวันนี้แสนรักจะได้รับค่าจ้างเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ฝ่ายศรุตทักทายกับประพาสอยู่ครู่หนึ่งก็ผละกลับมาที่โต๊ะ ไล่เลี่ยกับธณริศ เพื่อนอีกคนที่นัดกันไว้มาถึงพอดี แต่เจ้าตัวดันพกความหงุดหงิดตัดหมัดมาด้วย เพราะไปโดนผู้หญิงคนหนึ่งลูบคม ถึงขั้นอารมณ์เสียหัวฟัดหัวเหวี่ยงสไตล์หมีขี้โมโหเลยทีเดียว แม้จะผ่านไปสองชั่วโมงกว่าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ แต่ศรุตก็ยังคงไม่อาจสลัดเรื่องของแสนรักออกไปได้
ถ้าเจอกันอีกครั้งหน้าจะซักให้ขาวเลยทีเดียว!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น