5

บทที่ 5


เมื่อเห็นชัดๆ ว่าแม่สาวที่วิ่งพรวดพราดเข้ามา คือคนเดียวกับแม่สาวตัวดีที่ขโมยจูบเขาไปเมื่อวันก่อนศรุตก็ถึงกับนิ่วหน้า เพราะจากสรรพนามที่หล่อนเอ่ยเรียกสินธรเมื่อครู่นี้ แสดงว่าหล่อนต้องเป็นหลานของสินธร ซึ่งเขาจำได้ว่าปู่เคยบอกว่าสินธรมีหลานสาวอีกคนหนึ่งนอกจากภวิตาที่เขาเห็นอยู่บ่อยๆ แต่หลานสาวคนนั้นเป็นลูกของนภดลที่เกิดกับภรรยาน้อย จึงไม่ได้ออกงานสังคมหรือเป็นที่รู้จัก
แต่เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเขา ตอนนี้เขาแค่สงสัยว่าถ้าหล่อนเป็นหลานสาวของสินธรจริง ก็แสดงว่าที่บ่ายเบี่ยงหลอกเขาเรื่องบ้านอะไรนั่นก็ไม่เป็นความจริงด้วย!
“นี่หลานของคุณสินธรหรือครับ” เขาถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ นี่แสนรัก สิริภัทร์ ชื่อเล่นก็ชื่อแสนรัก แต่เวลาดื้อๆ ก็จะเหลือแค่เจ้าแสน บางทีก็แสนซน แสนดื้ออย่างที่คุณเห็นนี่แหละ แต่คุณศรุตคงยังไม่เคยเจอ เพราะแสนรักอยู่โรงเรียนประจำตลอด กลับมาบ้านเฉพาะเสาร์อาทิตย์กับปิดเทอม แต่บางอาทิตย์ก็ไม่ได้กลับ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ไปอยู่ที่คอนโดใกล้ๆ มหาวิทยาลัยอีก คุณก็เลยไม่น่าจะได้เจอกันสักที”
“งั้นเหรอครับ”
ศรุตรับคำพร้อมกับวางสีหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตาที่มองแสนรักนั้นทำให้หล่อนถึงกับสะดุ้งจนอยากหายตัวไปจากตรงนี้เสียให้ได้ เพราะมันบอกชัดเลยว่าเขาไม่ยอมปล่อยเรื่องวันก่อนให้กลายเป็นแค่เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป!
‘ซวยแล้วแสนรักเอ๋ย เขาเล่นงานเธอแน่ ทำไงดี ทำไงดี’
แสนรักคิดในใจแล้วจึงรีบหาทางออกให้ตัวเองด้วยการ...
“คุณปู่มีแขกอยู่ งั้นแสนรักขอตัวก่อนนะคะ จะได้เอาเจ้าฟูฟูกลับไปใส่กรงด้วย”
หล่อนว่าแล้วก็เตรียมหมุนกายหนี แต่กลับถูกผู้เป็นปู่รั้งไว้ก่อนจะได้เดินไปไหน
“เราน่ะอยู่คุยกับปู่ก่อน ส่วนเจ้ากระต่ายนั่น เดี๋ยวให้พนักงานเอาไปใส่กรงแทน”
สินธรสั่งแล้วก็มองซ้ายมองขวา พอดีกับมีพนักงานเดินมาพอดี จึงเรียกไว้และพยักหน้าให้หลานสาวส่งเจ้ากระต่ายให้อีกฝ่าย แล้วก็กำชับไปด้วยว่าอย่าปล่อยให้หลุดออกมาได้อีก
หลังจากพนักงานอุ้มกระต่ายตัวน้อยไปแล้ว แสนรักก็ได้แต่ทำหน้าจ๋อย จำต้องเดินเข้ามาในศาลาที่ผู้เป็นปู่นั่งอยู่กับแขก หน้าตาหล่อนยามนี้เหมือนเด็กที่กำลังจะถูกชำระความไม่มีผิด
“นี่คุณศรุต พศิตราภักดิ์ คนที่ปู่พูดให้ฟังบ่อยๆ เขาเป็นกรรมการผู้จัดการโรงแรมที่แสนรักจะไปฝึกงาน”
สินธรแนะนำแล้วก็รอให้แสนรักสวัสดีศรุตให้เรียบร้อยก่อนจะหันมาหาชายหนุ่ม
“เจ้าตัวเขารู้จักคุณศรุตดี เพราะผมพูดให้ฟังบ่อยๆ ตอนแรกคิดว่าคงได้เจอกันตอนแสนรักไปฝึกงานเลย แต่พอคิดว่ามีงานที่เกาะนี้ก่อน ก็เลยเรียกเจ้าตัวดีให้มาที่นี่ด้วย เผื่อจะได้รู้จักคุณตั้งแต่เนิ่นๆ”
“ผมรู้จากคุณปู่ว่าคุณสินธรมีหลานสามคน แต่ไม่คิดว่าหลานสาวคนเล็กจะเป็นแสนรักคนนี้”
“หืม แสนรักคนนี้? หมายความว่ายังไง”
สินธรสงสัย แต่แสนรักพยายามส่งสายตาและส่ายหน้า ไม่ให้เขาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นให้ปู่ฟัง แต่มีหรือที่เขาจะช่วย ในเมื่อหล่อนก่อวีรกรรมไว้มากมายนัก...ฮึ ฝันไปเถอะ!
“ผมเคยเจอแสนรักมาก่อน เมื่อสามวันที่แล้ว แต่ไม่ได้เจอกันที่โรงแรม”
“อ้าว แล้วไปเจอกันที่ไหน”
ศรุตเหลือบมองหล่อนครั้งหนึ่ง เหมือนจะถามว่าจะให้เขาตอบที่ไหนดีระหว่างเรื่องข้างถนนกับเรื่องที่หล่อนปลอมตัวเป็นพนักงานแล้วไปทำงานที่ผับ ซึ่งเขามั่นใจว่าสินธรไม่รู้เรื่องนั้นแน่ๆ เพราะคนอย่างสินธรคงไม่มีทางปล่อยหลานสาวให้ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับแน่นอน
แสนรักอ่านแววตาของศรุตออก จึงพยายามส่งสายตาอ้อนวอนไม่ให้พูดเรื่องที่ผับ ลำพังเรื่องที่หล่อนวิ่งตามคนร้ายไป รับรองว่าแค่ปู่รู้ หล่อนก็หูชาแล้ว ขืนเขาบอกหมดทั้งสองเรื่อง มีหวังหล่อนได้โดนกักบริเวณ หรือไม่ก็โดนบังคับกลับไปอยู่ที่บ้าน โดนคุมประพฤติแน่นอน
แต่ศรุตไม่ยอมร่วมมือด้วย
“เจอกันที่ข้างถนนครับ”
สิ้นเสียงตอบของเขาหล่อนถึงกับทำหน้าง้ำและบ่นในใจ
‘จำไว้ให้ดีเลยไอ้แสนรัก อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนหล่อ มันจะโดนแบบนี้!’
ฝ่ายสินธรที่แม้จะได้ยินคำตอบแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนมันจะมีรายละเอียดอะไรที่ขาดหายไป จึงถามต่อ
“ข้างถนนเหรอ นี่ไปยังไงมายังไง คุณทำผมอยากรู้แล้วนะคุณศรุต”
“เรื่องมันยาว แต่ผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย พอดีว่าวันนั้น...”
ชายหนุ่มเกริ่นแล้วก็เล่าเหตุการณ์การเจอกันให้สินธรฟังทั้งหมด แม้แต่เรื่องที่แสนรักบอกให้เขาไปส่งที่บ้านหลังหนึ่งที่มันไม่ใช่บ้านของสินธร เขาก็บอกไปด้วย แต่ยังปรานีไม่เล่าเรื่องที่ผับหรือเรื่องที่หล่อนไปยืนอยู่หน้าอาบอบนวดให้ฟัง เพราะแค่นี้หล่อนก็ทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ดใส่เขาแล้ว
แล้วพอเขาเล่าจบ สินธรก็แทบจะความดันพุ่งปรี๊ด เพราะโกรธหลานสาวที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด แล้วก็โกรธที่หลานไม่บอกให้ท่านรู้เลยว่าเกิดเรื่องราวแบบนั้นขึ้น จนเผลอตวาดออกไป
“จริงเหรอแสนรัก!”
“จริงค่ะคุณปู่”
แสนรักตอบเสียงอ่อย คอตกหน้าจ๋อย แต่ก็ยังไม่วายค้อนใส่ศรุตที่เป็นต้นเหตุให้หล่อนต้องโดนดุ ทั้งที่ปิดปากเงียบก็ได้...ขี้ฟ้อง
‘คนใจดำ! จำไว้เลย อย่าให้ถึงทีแสนรักบ้างก็แล้วกัน!’
คนโดนตลบหลังต่อว่าเขาในใจแล้วค้อนขวับใส่เล็กน้อย แต่ผู้เป็นปู่กลับดุมาอีก
“ไม่ต้องไปค้อนใส่คุณศรุตเลย นี่ดีนะที่คุณศรุตเขาประสบเหตุด้วย ถ้าไม่ใช่คุณศรุต ป่านนี้ปู่ก็ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเราไปทำวีรกรรมอะไรเอาไว้ มันน่าจริงๆ เชียว”
“ขอโทษค่ะ”
“ความผิดนี้ต้องโดนทำโทษ” สินธรว่าเสียงกรุ่นโกรธ แล้วหันไปหาศรุตเหมือนขอความเห็นกึ่งชวนคุยไปด้วย “คุณศรุตว่าจะลงโทษยังไงดี”
ศรุตยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับท่าทางจ๋อยๆ ของหล่อน ได้คำตอบในทันทีว่าเวลาหล่อนห่างหูห่างตาผู้ใหญ่จะทำตัวเป็นแม่ตัวดีแสนซนแสนยุ่งอย่างที่สินธรพูด แต่พออยู่กับผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นกระต่ายน้อยแบบนี้นี่เอง
“ผมว่าแค่ตักเตือนก็พอ ยังไงเจ้าตัวก็คงรู้แล้วว่าทำผิดที่ทำเรื่องอันตรายและไม่บอกผู้หลักผู้ใหญ่ให้ทราบ ต่อจากนี้ไปก็อาจจะระวังตัวและรู้จักคิดมากขึ้นเอง”
เขาตอบสินธรไปราวกับว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตาต่อเด็กที่ทำผิด แต่ความจริงแล้วเขาแค่คิดว่าการทำโทษเป็นสิทธิ์ของครอบครัว เป็นเรื่องภายในที่คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่ง
สินธรพยักหน้ารับ แล้วจึงหันไปบ่นใส่หลานสาวอีกเล็กน้อยก่อนจะบอกให้หล่อนไปได้ แต่ก็ยังไม่วายกำชับรั้งท้ายอีกนิดว่า
“ทำตัวให้เรียบร้อย แล้วอย่าไปวิ่งไล่จับกระต่ายอีก อย่าให้เขาว่าเอาได้ว่าหลานสาวของปู่ซนเหมือนกระต่ายที่วิ่งไล่จับอยู่ เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
แสนรักรับคำแล้วก็ได้แต่เดินหน้าจ๋อยจากไป แต่ในใจนั้นหมายหัวศรุตไปแล้วเรียบร้อยเรื่องที่เขาทำให้หล่อนต้องโดนดุในวันนี้ ฝ่ายศรุตก็ได้แต่มองหล่อนเดินจากไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก แต่พอหันมาหาสินธรก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาพอดี จึงปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยตามเดิม แต่สินธรทันเห็นรอยยิ้มนั้นอยู่ดี จึงคิดว่าชายหนุ่มคงเกิดความรู้สึกเอ็นดูแสนรักอยู่เหมือนกัน
“ผมขอโทษแทนเจ้าแสนรักด้วยนะคุณศรุต เจ้าแสนรักยังเด็ก ถึงจะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ บางครั้งก็ซนไปบ้างคิดน้อยไปบ้าง อย่าถือสาเลยนะ”
“ผมไม่ถือ”
ศรุตยืนยันให้สินธรสบายใจ สินธรจึงได้ทีพูดเรื่องหลานสาวคนนี้ให้ฟัง
“แสนรักเป็นเด็กดี มีน้ำใจ เข้มแข็ง แล้วก็อดทน ถ้าเทียบกับหลานอีกสองคนแล้ว ผมพูดได้เต็มปากเลยถ้าจะต้องฝากผีฝากไข้ในยามแก่ ก็คงมีแต่แสนรักนี่แหละที่พึ่งพาได้มากที่สุด ถึงแม้เจ้าตัวจะคิดว่าตัวเองไม่ค่อยได้เรื่องก็เถอะ”
แต่ศรุตกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
“ผมกลับคิดว่า บางครั้งคนที่ถูกมองว่าไม่ได้เรื่อง ก็ยังได้เรื่องอย่างที่ใครไม่คาดคิด ตัวอย่างก็อย่างที่แสนรักวิ่งตามคนร้ายไป เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ใจกล้ามาก ถึงจะดูเหมือนทำอะไรไม่ยั้งคิด แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่รักในความถูกต้องและไม่ยอมให้อะไรที่ไม่ถูกต้องผ่านไปได้ เป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความคิดดีครับ”
“คุณเห็นเป็นอย่างนั้นเหรอ”
ศรุตพยักหน้ารับ สินธรจึงสบโอกาสที่ศรุตมองแสนรักในแง่ดี โยนหินถามทางถามเสียเลย
“หลายปีก่อนหน้านี้ ผมเคยคุยกับคุณมงคล ก็ตามประสาคนแก่วัยไม้ใกล้ฝั่ง ย่อมต้องอยากเห็นหน้าเหลนเป็นธรรมดา ผมเคยบอกกับคุณมงคลว่าถ้าอนาคตหลานของพวกเรายังไม่มีใคร ก็อยากให้พวกเราได้เกี่ยวดองกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลานๆ ว่าจะรักใคร่ชอบพอกันหรือเปล่า ไม่มีการบังคับคลุมถุงชน เป็นการพูดเปรยกันไว้แบบปากเปล่า ซึ่งคุณมงคลก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“แปลว่าคุณสินธรอยากได้ผมเป็นหลานเขย?” เขาถามตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะว่ายังไง”
“ผมไม่ว่ายังไง แค่คิดว่ามันแปลกมากกว่า ในเมื่อผมเคยเจอกับภวิตา หลานสาวอีกคนของคุณมาก่อน แต่ทำไมคุณถึงไม่เคยพูดเรื่องทาบทามหมั้นหมายนี้เลย แต่พอผมได้เจอกับแสนรัก คุณกลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา”
“เพราะผมเพิ่งคิดได้ว่า บางที...คุณกับแสนรัก อาจจะมีโชคชะตาเดียวกันก็เป็นไปได้”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“เอาเป็นว่าตอนนี้ถ้าคุณยังไม่สนใจแสนรัก ก็อย่าเพิ่งสนใจเหตุผลนี้เลย แต่ถ้าคุณสนใจแสนรักเมื่อไหร่ ผมถึงจะบอกเหตุผลที่ว่านี้ให้คุณรู้”
สินธรตัดบทไม่ยอมบอกก่อนจะขอตัวไปพักผ่อนตามประสาคนแก่ เพราะคิดว่าคนอย่างศรุตคงไม่คิดจะชอบพอหลานสาวง่ายๆ นอกจากมีอะไรที่น่าสนใจจริงๆ ดังนั้นการโยนหมากให้อยากรู้ อาจจะดีกว่านำเสนอใส่พานไปตรงๆ
แม้จะยังไม่เข้าใจแต่ศรุตก็ไม่คิดจะถามต่อ เขาจึงกลับไปที่บ้านพักเช่นเดียวกัน เพราะข้างนอกอากาศค่อนข้างร้อน เขาอยู่ในบ้านพักจนกระทั่งถึงช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้จะตก แล้วจึงออกมาเดินเล่นรับลมทะเลอีกครั้งหนึ่ง ในใจรู้สึกว่าตนเองใช้ชีวิตไร้สาระมากเมื่ออยู่บนเกาะแห่งนี้
ทั้งที่ปกติเขาจะหายใจเข้าออกเป็นงาน แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่กลับรู้สึกมันว่างเปล่า จนเขาเริ่มเบื่อและอยากกลับบ้าน ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งมาได้แค่วันเดียว ขืนกลับไปก็ต้องไปนั่งทำหน้าเมื่อยกับผู้เป็นปู่อีก ก็คงมีแต่จะต้องอดทนทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ให้สำเร็จ ปู่จะได้ไม่ต้องขยันถามหาเรื่องหลานสะใภ้อีก
ทว่า ระหว่างที่เขากำลังเดินเล่นนั้นเองก็เห็นหลังแสนรักไวๆ เขาคิดจะเรียกหล่อน เพื่อจะได้ชำระความกันเรื่องโกหก แต่หล่อนไม่เห็นเขาและเหมือนจะรีบอยู่ ทำให้เขาต้องแอบตามไปห่างๆ เพราะสงสัยว่าหล่อนจะรีบไปไหนกันแน่
ฝ่ายแสนรักที่ไม่รู้ว่าถูกศรุตตามมาก็เดินกึ่งกระโดดทำตัวรื่นเริงสุดๆ เพราะเป้าหมายที่เจ้าตัวกำลังไปคือห้องครัวนอกของรีสอร์ต อันเป็นแหล่งสุมหัวของเหล่าพนักงานห้องอาหารและพนักงานอื่นๆ รวมถึงเป็นครัวที่พนักงานจะทำอาหารกินกันด้วย
หล่อนชอบมาขลุกอยู่กับพวกแม่บ้าน แม่ครัว และพวกพนักงาน เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรเจ้าตัวโดนพิมพ์นรีผู้เป็นแม่เลี้ยงสั่งไม่ให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วย ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่นี่ เพราะแม่เลี้ยงไม่ชอบแสนรักและเคยพูดไว้หลังจากที่พ่อจากไปว่า
‘ต่างคนต่างอยู่ ทางที่ดีก็ช่วยอยู่ให้เหมือนไม่มีตัวตนในบ้านเลยจะดีที่สุด’
สินธรเองแม้จะไม่ชอบใจที่แม่เลี้ยงต้องการเช่นนี้ แต่เพราะลูกชายของตนทำผิดที่มีผู้หญิงอื่นจนเกิดแสนรักขึ้นมา จึงพูดอะไรได้ไม่เต็มปาก จะโอ๋แสนรักหรือเข้าข้างให้ท้ายก็ไม่ได้ จึงได้แต่บอกให้หล่อนยอมๆ ไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แล้วก็เพื่อให้บ้านสงบสุข แล้วก็เพราะแบบนี้แหละ สินธรจึงให้แสนรักไปอยู่โรงเรียนประจำ เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้าแม่เลี้ยงบ่อยๆ
“ป้าเพี้ยนจ๋า เย็นนี้มีอะไรกินบ้าง แสนรักฮิ้วหิว”
“มี เอ่อ...” แม่บ้านกำลังจะตอบ แต่พอเห็นคนที่เดินตามหลังแสนรักมาก็ชะงัก “คุณแสนรักพาแขกเข้ามาทำไมคะ!”
“แขก? เปล่านะแสนรักไม่ได้...” หล่อนปฏิเสธพลางหันไปมองข้างหลัง แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นศรุต รู้แล้วว่าแขกที่ป้าเพี้ยนบอกคือใคร “คุณศรุต! มาทำอะไรที่นี่”
“ตามเธอมา”
เขาตอบตามตรง แต่เล่นเอาแสนรักถึงกับคิ้วกระตุก
“แล้วตามมาทำไมคะ”
“นี่ก็จะมื้อเย็นแล้ว อยากรู้ว่ามีอะไรกินบ้าง”
“อ๋อ ที่แท้ก็หิว” หล่อนสรุปยิ้มๆ เมื่อรู้ว่าคนหล่อเกิดหิวเลยมากวนอารมณ์ใส่นี่เอง
ศรุตไม่สนใจรอยยิ้มยั่วแหย่ของหล่อน เขายังคงตีหน้าเฉยสนิทและอยากรู้ว่าหล่อนจะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้
“แล้วลูกค้าหิว ผิดด้วยเหรอ”
“ไม่ผิดค่ะ แต่ถ้าหิวก็ไปที่ห้องอาหารหรือไม่ก็เรียกรูมเซอร์วิสสิคะ ไม่เห็นต้องมาถึงที่นี่เลย”
แสนรักว่าแล้วค้อนใส่เล็กน้อยแอบไล่ทางอ้อม แต่ศรุตยังยืนเฉยไม่ยอมไปไหน หล่อนเห็นท่าไม่ดีเพราะจะให้เขาอยู่ตรงนี้ต่อก็คงไม่เหมาะ เพราะเขาเป็นแขกวีไอพีของคุณปู่ แถมยังอ้างว่าหิว ที่แค่ฟังก็รู้ว่าเป็นข้ออ้างลอยๆ เพื่อทดสอบหล่อน
งั้นก็ได้! อยากได้เดี๋ยวจัดให้!
“ป้าเพี้ยน ให้คนไปขอเมนูอาหารจากห้องอาหารมาให้หน่อย ตอนนี้เลยนะคะ”
หล่อนหันไปบอกแม่บ้าน แต่กลับทำให้แม่บ้านงง
“คุณแสนรักจะทำอะไรคะ”
“ก็ลูกค้าบอกว่าหิว แล้วบุกเข้ามาถึงในครัวขนาดนี้ ก็ต้องให้ลูกค้าสั่งอาหารแหละค่ะ ส่วนเรื่องจัดเสิร์ฟก็ให้รูมเซอร์วิสไปจัดการต่อเอง”
ศรุตที่ได้ยินทุกคำพูดถึงกับยิ้มในใจ แต่สีหน้าที่แสดงออกยังคงเรียบเฉย เขารู้สึกว่าหล่อนตัดสินใจได้ดีในส่วนหนึ่ง เพราะอย่างน้อยถ้าลูกค้าบอกว่าหิว ก็ไม่มีสิทธิ์ไปสงสัยว่าจริงหรือไม่ แล้วคนหิวก็ต้องการสั่งอาหาร ไม่ว่าจะเดินเข้ามาทางหน้าร้านหรือห้องครัว ถ้าได้สั่งอาหารแล้วก็แปลว่ารับรองว่าลูกค้าจะได้กินอาหารที่สั่งไปอย่างแน่นอน ถึงมันจะผิดขั้นตอนของพนักงานไปบ้างก็ตาม
ป้าเพี้ยนจึงรีบไปขอเมนูอาหารมาจากพนักงานในห้องอาหาร แล้วจึงเดินกลับมาส่งเล่มเมนูอาหารให้แก่แขกพิเศษ เขาทำเพียงแค่ยิ้มขอบคุณ แต่แทนที่จะรับไปดูเพื่อเลือกเมนูอาหาร เขากลับหันไปถามแสนรักแทน
“รีสอร์ตใหญ่ขนาดนี้น่าจะมีเมนูแนะนำไม่ใช่เหรอ แนะนำให้หน่อยได้ไหม”
แสนรักชักเดือดปุดๆ ที่เขาทดสอบหล่อนไม่เลิก ซึ่งหล่อนจะไปรู้ได้อย่างไรว่าห้องอาหารของรีสอร์ตมีเมนูแนะนำอะไรบ้าง ในเมื่อหล่อนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารใดๆ เลย แต่จะให้ยอมรับออกไปตรงๆ ก็กลัวจะเสียหน้า จึงนึกถึงเมนูอาหารที่เคยเห็นในโปรแกรมท่องเที่ยวพากิน
“ได้ค่ะ” หล่อนยิ้มหวานปานจะแยกเขี้ยวใส่ “เมนูแนะนำของทางเรามีผัดเผ็ดเห็ดหลุบ ยำสาหร่ายข้อ หมูโค ยำหอยเจาะ ปลาอินทรีทอดน้ำปลา ส่วนของหวานแนะนำเป็นไอศกรีมมะพร้าวกับลอดช่องน้ำกะทิค่ะ”
“ที่พูดมาทั้งหมดนั่น จำได้หรือเปล่าว่าพูดอะไรไปบ้าง”
“ได้สิคะ”
“ดี! ถ้าอย่างนั้นจัดมาให้ครบด้วย ห้ามขาดห้ามเกิน ห้ามเปลี่ยนเมนูให้ลูกค้าโดยพลการ ฉันจะกลับไปรอที่บ้านพัก ขอบคุณมากสำหรับการบริการที่ประทับใจ”
แสนรักอ้าปากค้าง เพราะพูดไปแล้วยังไม่รู้เลยว่ามันมีวัตถุดิบให้ทำหรือเปล่า แล้วพอมาโดนเขาดักทางว่าห้ามเปลี่ยนเมนูลูกค้าด้วยอีก หล่อนถึงกับหน้าเบ้จนอยากจะกรี๊ดออกมานัก
‘โอ๊ย! คนหล่อทำไมร้ายขนาดนี้!’
การบุกเข้ามาถึงครัวของศรุตไม่ใช่เรื่องปกติที่แขกที่มาพักจะทำกัน เรื่องรู้ถึงหูภูวนัย ภวิตา และพิมพ์นรี รวมถึงสินธรด้วย แสนรักจึงโดนเรียกไปสอบถามและโดนเล่นงานชุดใหญ่ เนื่องจากสั่งให้พนักงานเอาเมนูมาให้ศรุตเอง ทั้งที่หล่อนไม่มีอำนาจสั่งการในรีสอร์ตแห่งนี้
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเธอไม่มีสิทธิ์สั่งพนักงานของฉัน กล้าดียังไงมาวางตัวเป็นเจ้านายของที่นี่ แค่คุณปู่ให้มาด้วย อย่าลำพองให้มากนัก!” พิมพ์นรีกล่าวอย่างโมโหก่อนจะหันไปทางสินธร “คุณพ่อคะ คราวนี้ยายแสนรักไม่ทำตาม
ข้อตกลงที่เคยตกลงกันไว้ พิมพ์ถือว่ายายแสนรักผิด พิมพ์จะลงโทษแสนรัก คุณพ่อห้ามเข้าข้างยายแสนรักด้วย เพราะนี่เป็นข้อตกลงที่พวกเรารู้กันดีตั้งแต่แรกแล้ว”
สินธรหนักใจ แม้จะอยากช่วยหลานสาว แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าท่านเกรงใจสะใภ้ แต่เพราะพิมพ์นรีเองก็ปฏิบัติตามข้อตกลงมาตลอด ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับแสนรัก ไม่สนใจและไม่สุงสิงหรือก้าวก่ายการมีตัวตนของแสนรัก แต่แสนรักกลับทำผิดกฎข้อตกลงก่อน จึงต้องยอมให้พิมพ์นรีตัดสินเอง
“จะลงโทษกันก็ได้ แต่อย่าลงไม้ลงมือกันก็พอ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พิมพ์ไม่ลดตัวลงไปตบตียายเด็กนี่หรอกค่ะ” พิมพ์นรีกล่าวพลางตวัดสายตาเหยียดใส่แสนรักก่อนจะสั่ง “เดี๋ยวถ้าห้องอาหารเตรียมอาหารเสร็จแล้ว เธอต้องเอาอาหารไปเสิร์ฟให้คุณศรุตแทนรูมเซอร์วิส แล้วขอโทษเขาเสียด้วยที่ทำปากดีกับเขาต่อหน้าพนักงาน เสร็จแล้วก็ยืนสำนึกผิดอยู่หน้าบ้านเขาหนึ่งชั่วโมง จะได้อายและหลาบจำ!”
แสนรักพยักหน้ารับด้วยสีหน้าละเหี่ยใจสุดๆ ยิ่งทำให้พิมพ์นรีหงุดหงิด เพราะเจ้าตัวเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างและถือตัวมาก รวมทั้งมองว่าแสนรักเป็นเด็ก ไม่ควรทำกิริยาอย่างนี้กับผู้ใหญ่
“เวลาผู้ใหญ่พูดด้วย ให้พยักหน้ารับเหรอ ไร้มารยาทสิ้นดี!”
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษแล้วเข้าใจที่พูดหรือเปล่า!”
“เข้าใจค่ะ”
แสนรักยอมอ่อนข้อเพื่อให้เรื่องมันจบๆ เพราะไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นาน หล่อนไม่ชอบเวลาพิมพ์นรีกับลูกๆ อยู่ด้วยกัน พวกเขามองหล่อนเหมือนเป็นกิ้งกือไส้เดือน ดูแคลน และเหยียดหยาม
“ไปจัดการตามที่สั่งให้เรียบร้อย แล้วก็ไม่ต้องเสนอหน้าไปยุ่งกับแขกคนอื่นอีกล่ะ”
“ค่ะ”
หญิงสาวได้แต่รับคำก่อนจะเดินออกมาจากห้องที่ถูกชำระความ ก่อนจะไปที่ห้องครัวเพื่อรอรับอาหารไปเสิร์ฟให้ศรุตที่บ้านพักตามที่เขาสั่งไว้ หล่อนรอไม่นานอาหารทุกอย่างก็เรียบร้อย เพราะเชฟห้องครัวเริ่มทำอาหารไปแล้วตั้งแต่ตอนที่หล่อนถูกดุอยู่
ซึ่งก็เป็นโชคดีที่เมนูที่หล่อนพ่นมาทั้งหมดมีวัตถุดิบอยู่ในห้องครัวอยู่แล้ว เพราะเป็นวัตถุดิบพื้นเมืองของแถบนี้ แต่เพราะอาหารที่ศรุตสั่งไว้ไม่ได้มีอย่างเดียว แสนรักจึงต้องเดินไปเดินมาหลายรอบ เพราะพิมพ์นรีสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้พนักงานคนใดช่วยยกไปเสิร์ฟ ให้แสนรักทำคนเดียวทั้งหมด!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น