บทที่ 5

5

อลิซคนนั้น

 

ดลธีไล่สายตาอ่านผังรายการวาไรตีที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังพลางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นว่ากรรมการคนใหม่ของรายการ The Idol วัยรุ่นวัยฝัน ซีซันสอง กลายเป็นใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ในแผนงานมาก่อน

คิมหันต์ พฤกษดำรง

ทำไมจู่ๆ ลูกพี่ลูกน้องของเขาถึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในเมนเทอร์ประจำรายการไปได้

The Idol วัยรุ่นวัยฝัน เป็นรายการเซอร์ไววัลค้นหาไอดอลหญิงหน้าใหม่ที่ซื้อลิขสิทธิ์รายการมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งหลังจากที่มีการออนแอร์ในซีซันแรก รายการนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายทันที เพราะประเทศไทยไม่เคยมีรายการแนวนี้มาก่อน

ธีมหลักของรายการคือการออดิชันวัยรุ่นหญิงจากทั่วประเทศ ทั้งที่มีสังกัดและเป็นเด็กฝึกอิสระให้มารวมตัวอยู่ในค่ายเพื่อฝึกร้อง เต้น แรป และแสดงความสามารถต่างๆ บนเวที โดยจะมีการโหวตให้คะแนนโดยผู้ชมและคัดคนที่ได้คะแนนโหวตน้อยออกเป็นรอบๆ ผู้แข่งขันที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดตามลำดับที่กำหนดจะได้เดบิวต์เป็นศิลปินกลุ่ม

การที่ผู้ชมมีส่วนร่วมในการตัดสินผลการแข่งขันนี่เอง จึงทำให้รายการนี้เป็นที่นิยม นอกจากนี้ก็ยังทำให้วงเกิร์ลกรุ๊ปที่ได้เดบิวต์ในซีซันแรกกลายเป็นวงที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะทุกคนล้วนมีฐานแฟนคลับอยู่แล้วตั้งแต่อยู่ในรายการ ซึ่งในซีซันที่สองนี้ พายัพก็มอบหมายให้อิษยาเป็นผู้ดำเนินการผลิตแทนเขาที่เคยรับหน้าที่นี้แล้วสมัยทำซีซันหนึ่ง

การคัดเลือกในรอบแรกจะประเมินความสามารถจากคลิปวิดีโอที่ผู้สมัครส่งเข้ามา คนที่ผ่านเข้ารอบจะถูกเรียกมาออดิชันที่หน้ากล้องโดยมีคณะกรรมการคอยให้คะแนน หลังจากนั้นเด็กฝึกที่ได้รับคัดเลือกทั้งห้าสิบคนจะได้เข้ามาอยู่รวมกันในค่ายเพื่อฝึกซ้อมการแสดงในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เด็กสาวที่ผ่านเข้ารอบแล้ว และกำลังจะเปิดกล้องถ่ายทำตอนหลักของรายการในสัปดาห์หน้า

ทว่าสิ่งที่ดลธีไม่เข้าใจคือ ทำไมจู่ๆ คิมหันต์ถึงได้รับคัดเลือกให้มาเป็นเมนเทอร์ประจำรายการแทนที่ธัชยะ ศิลปินมากความสามารถที่เคยเป็นเมนเทอร์ในซีซันก่อนไปเสียได้

ผู้บริหารหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตั้งใจจะโทร. ไปสอบถามหัวหน้าทีมโพรดิวเซอร์ของรายการกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทว่าจู่ๆ ก็มีเบอร์แปลกโทร. ซ้อนเข้ามาเสียก่อน

“สวัสดีครับ”

“ใจคอคุณจะผิดนัดอีกกี่ครั้งคะ!”

ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างระอาเมื่อได้ยินเสียงของคนปลายสาย พอลดโทรศัพท์ลงมาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของนีรชาจริงๆ เขาไม่ได้บันทึกเบอร์โทร. ของอีกฝ่ายไว้ เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่มีธุระอะไรที่จะต้องติดต่อกับเธอ

“ถ้าคุณจะมาสายก็ควรจะบอกนีน่าก่อนสิคะ รู้ไหมว่าเวลาแต่ละนาทีของนีน่ามีค่าแค่ไหน นัดไม่เป็นนัดเลยนะ!”

การรัวประโยคด่าไม่ยั้งของอีกฝ่ายทำให้ดลธีต้องพยายามข่มความเบื่อหน่ายไว้ภายใน แล้วถามกลับเสียงเรียบ

“นัดอะไรครับ”

“ก็คุณนัดนีน่าดินเนอร์ไม่ใช่หรือไงคะ! นีน่ามารอที่ร้านเกือบชั่วโมงแล้วนะ ทำไมคุณถึงยังไม่มาอีก”

“ผมไปนัดกับคุณตอนไหนครับ”

“คุณดล!”

ผู้บริหารหนุ่มเม้มริมฝีปากอย่างระงับอารมณ์ ดูท่าปู่ของเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้โดยที่ไม่ถามความเห็นก่อนอีกแล้ว พอเหลือบไปดูการแจ้งเตือนตารางงานที่เลขาฯ ส่งมาให้ทางอีเมล ก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้ตัวเองมีนัดกับนีรชาจริงๆ

“ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณทานเสร็จแล้ว ผมจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้เอง แล้วก็จะให้คนขับรถไปส่งคุณที่บ้านด้วย”

“แบบนี้อีกแล้วนะคะคุณดล! นี่คุณเห็นนีน่าเป็นตัวอะไร นีน่าจะไม่...”

“ผมต้องทำงานต่อ แค่นี้นะครับ”

พูดจบก็ตัดสายทิ้งโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะทำให้เขาชะงักมือที่กำลังจะหยิบเอกสารขึ้นมาเซ็น แล้วตะโกนตอบอนุญาตให้คนข้างนอกเข้ามาได้

“ทำไมบอสยังอยู่ที่นี่อีกล่ะครับ ไม่ไปทานข้าวกับคุณนีน่าเหรอ” พฤกษ์แซวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนก่อนจะเดินมาหยุดหน้าโต๊ะของรองประธานหนุ่ม

ดลธีตวัดสายตามองคนเป็นเลขาฯ อย่างขุ่นเคือง อาจเป็นเพราะวันนี้เขามัวแต่ประชุมทั้งวัน ก็เลยไม่ได้สังเกตว่าตัวเองมีนัดกับนีรชา แต่ต่อให้ไม่ยุ่งกับงาน เขาก็ไม่ยอมไปดินเนอร์กับนักแสดงสาวสองต่อสองอยู่ดี

“ไปทำไม ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“ทำไมบอสใจร้ายกับเธอนักล่ะครับ ผมว่าเธอเหมาะกับคุณออกนะ”

เป็นประโยคที่ทำให้ผู้บริหารหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตอบเสียงห้วน

“มัวแต่พูดเรื่องไร้สาระอยู่ได้ ไม่กลับบ้านกลับช่องหรือไง”

พฤกษ์หัวเราะร่วนให้แก่สีหน้าหงุดหงิดของเจ้านาย ก่อนจะวางแท็บเล็ตลงเบื้องหน้าอีกฝ่าย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง

“ข้อมูลที่บอสต้องการครับ”

ดลธีลดสายตาลงมองแท็บเล็ตด้วยแววตาที่เปล่งประกายอยู่ชั่วครู่ก่อนจะไล่เลขาฯ หนุ่มให้กลับบ้าน พอประตูปิดลงแล้ว ชายหนุ่มก็หยิบแท็บเล็ตที่ว่าขึ้นมาเปิดดูรายชื่อแขกวีไอพีที่เข้าร่วมงานเลี้ยงของห้างสรรพสินค้าดิเอ็มเมอรัลที่ตนเองไปร่วมงานเมื่อหลายคืนก่อน

ดวงตาสีเข้มที่มักเย็นชาอยู่เสมอไหววูบยามนึกถึงใครบางคนที่ได้พบกันในงานเลี้ยง แม้เสี้ยวหนึ่งของใบหน้านวลจะซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแฟนซี แต่เรือนร่างสะโอดสะองและกลิ่นกายหอมเย้ายวนของเธอคือสิ่งที่สะกดให้เขาก้าวเข้าไปหาเธอ 

หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองเหมือนอลิซคนนั้น

‘อลิซเป็นตัวละครที่ฉันชอบค่ะ เธอคือเด็กที่เรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พยายามตามหาเส้นทางของตัวเอง รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง แม้จะต้องหลงอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ที่ไม่รู้ว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่ก็ตาม...’

ขนาดมีหน้ากากปกปิดใบหน้าส่วนบน แต่ริมฝีปากจิ้มลิ้มยามที่แตะลงไปบนขอบแก้วก็ยังชวนให้หลงใหลจนนึกอยากรู้ว่า ถ้าได้ลองชิมค็อกเทลจากปากของเธอจริงๆ จะหวานจับใจขนาดไหน

‘บางครั้งเราโกหกเพื่อปกป้องคนอื่น บิดเบือนเพื่อไม่ให้ใครเดือดร้อน ปกปิดตัวตนเพื่อพิสูจน์ความจริงบางอย่าง สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และยอมรับผลของการกระทำนั้นให้ได้...’

พอได้พูดคุยกัน ดลธีรู้สึกว่าเธอมีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจ ทัศนคติของหญิงสาวแตกต่างจากผู้หญิงหลายคนที่เคยพบ แม้แต่กิริยาท่าทางก็ดูนุ่มนวลน่าค้นหา จนสุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจชวนเธอกลับมาดื่มต่อที่บ้าน

แล้วยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้านวลชัดๆ หัวใจที่มักด้านชาอยู่เสมอก็เหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ

สวย...

เธอสวยกว่าที่เขาจินตนาการไว้

แม้จะพบผู้หญิงมามากมาย แต่ดลธีไม่เคยเจอใครที่สวยตราตรึงใจได้เท่าอลิซน้อยคนนั้นเลย

‘รู้ไหมคะว่าดอกไม้แต่ละชนิดล้วนมีความหมายในตัวเอง...’

‘แล้วคุณคิดว่าผมเหมือนดอกไม้อะไรเหรอ...’

‘คุณเหมือนโพรเทีย...’

‘โพรเทีย?’

‘ความหมายของดอกโพรเทียคือความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร แม้จะอยู่รายล้อมด้วยผู้คนมากมาย แต่สายตาของฉันก็มองเห็นแค่คุณ...’

เขาก็เหมือนกัน...

สายตาของเขาก็มองเห็นแค่เธอเท่านั้น...

ชายหนุ่มไม่ลังเลเลยที่จะแนบกลีบปากลงไปบนเรียวปากอิ่ม กลิ่นหอมสดชื่นราวกับกุหลาบแรกแย้มของเธอทำให้จิตใจรู้สึกสงบ การตอบรับอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งกระตุ้นให้ถลำลึก แค่ได้บดคลึงปากนุ่มเบาๆ ดูดดึงปลายลิ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่อยู่ในอกข้างซ้ายก็เต้นระรัวอย่างมีความสุข

ชอบ...

เขาชอบรสชาติของเธอ...

‘ถ้าคุณไม่ปฏิเสธ คราวนี้ผมจะไม่หยุดแล้วนะ...’

‘ฉันเต็มใจค่ะ’

เรือนร่างบอบบางหวานละมุนไปทุกสัดส่วน ทุกอณูผิวที่ได้สัมผัสกันคล้ายมีเปลวไฟเล็กๆ ลามเลียจนทำให้ร้อนผ่าวไปทั้งร่าง นอกเหนือจากความสวยสะพรั่งที่ชวนให้หลงใหลแล้ว อะไรบางอย่างในตัวเธอก็ดึงดูดให้เขาตกลงไปในหลุมพรางจนหาทางขึ้นไม่ได้

ไม่สิ...

ไม่ได้อยากขึ้นมาเลยต่างหาก

ทว่าในเช้าวันต่อมา สาวน้อยคนนั้นกลับหายตัวไปจากบ้านของเขาอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบเท่านั้นที่ยังติดตรึงอยู่บนริมฝีปาก

กลิ่นที่เขาหลงใหลเหลือเกิน...

ดลธีรู้สึกว่าเธอกับเขาเข้ากันได้ดี ทั้งในเรื่องของการพูดคุยและ...เรื่องอื่นๆ แม้จะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรายังไม่ได้เลยเถิดไปถึงขั้นนั้น เพราะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่ายังมีกางเกงบ็อกเซอร์ติดกาย แถมความรู้สึกบางอย่างก็ยังคงค้างคาเหมือนยังไม่ได้ทำให้เสร็จสมบูรณ์ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกประทับใจจนอดโมโหตัวเองไม่ได้ที่จู่ๆ ก็เมาหลับไปแบบนั้น

เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์จริงเหรอ?

ทำไมคนคอแข็งอย่างเขาถึงได้สลบไสลไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ขนาดนั้น

ชายหนุ่มนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด ขณะที่นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอแท็บเล็ตเพื่อไล่ดูรายชื่อและภาพถ่ายของแขกทั้งหมดในงาน ชายหนุ่มเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ในฐานะแขกพิเศษจากการเป็นที่ปรึกษาให้ดิเอ็มเมอรัลกรุ๊ป และเลือกใช้นามแฝงว่าพิน็อคคิโอ ตัวละครที่นิสัยเหมือนกับเขาราวกับฝาแฝด

เขาโกหกเพื่อเอาตัวรอด บ่ายเบี่ยงเพื่อซ่อนความลับ ปกปิดเพื่อไม่ให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง

แต่น่าแปลกที่พอได้อยู่กับอลิซน้อยคนนั้นแล้ว พิน็อคคิโออย่างเขากลับกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง...

เพราะอะไรกันนะ?

ดลธีเลื่อนรายชื่อไปที่หน้าถัดไป นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกและทัศนคติของเธอจะดึงดูดความสนใจแล้ว ใบหน้าของหญิงสาวก็ยังคล้ายคลึงกับใครบางคนที่เคยรู้จัก แม้เขาจะไม่ได้พบกับเธอนานเกินสิบปีแล้วก็ตาม

‘แพรว...ฉันชื่อแพรวค่ะ’

แม้แต่ชื่อเล่นก็ยังเหมือนกัน...

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปริมาณแอลกอฮอล์ที่มีมากเกินไปในกระแสเลือด หรือเพราะสภาพจิตใจที่อ่อนไหวกว่าปกติ ภาพหญิงสาวคนนั้นจึงซ้อนทับกับเด็กน้อยที่เคยมีอิทธิพลกับหัวใจเขา

แพรวไพลิน จินตระการ

ถ้ามีโอกาสก็อยากเจอเธออีกสักครั้ง

เด็กสาวที่มีใบหน้าสวยสดใส เจ้าของรอยยิ้มละมุนละไมที่เห็นทีไรก็ทำให้ลมหายใจสะดุด เสน่ห์ของเธอดึงดูดให้ใครหลายคนเข้าหา ทว่าเขากลับบอกตัวเองอยู่ตลอดว่ามองเธอในฐานะน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น

เท่านั้นจริงๆ

ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจเมื่อไล่ดูรายชื่อและภาพถ่ายของผู้ร่วมงานครบทุกหน้า ในบรรดาหญิงสาวที่ได้รับเชิญ ดลธีล้วนรู้จักและเคยพบปะกับพวกเธอมาก่อนแล้วในงานสังคมทั่วไป บางคนก็เป็นเพื่อนของเพื่อนสนิทของเขา จึงมีโอกาสเจอกันบ้างตามงานสังสรรค์ต่างๆ แต่กับอลิซน้อยคนนั้นแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอในงานไหนมาก่อนเลย

ทำไมล่ะ...

ทำไมถึงไม่มีเธออยู่ในรายชื่อนี้?

แล้วถ้าเธอไม่ใช่ลูกค้าระดับท็อปสเปนเดอร์ที่ได้รับการ์ดเชิญ แล้วสาวน้อยคนนั้นเข้าไปในงานได้ยังไง

นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอไปที่เอกสารหน้าสุดท้าย ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นผลการตรวจสอบสารตกค้างในแก้วเครื่องดื่มที่ให้พฤกษ์ส่งไปวิเคราะห์กับห้องแล็บเอกชน

ยานอนหลับ?

แสดงว่าที่เขาสลบไสลไม่ได้สติไปขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจากการทำงานอย่างที่เคยคิดเสียแล้ว

สาวน้อยคนนั้นวางยาเขาสินะ

รอยยิ้มพรายปรากฏบนใบหน้าคมคาย ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นเธอ แถมบนแก้วไวน์ก็ยังมีคราบบางอย่างติดอยู่ที่ก้นแก้ว ชายหนุ่มก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่คิดว่าผู้หญิงท่าทางอ่อนหวานที่ดูไร้เดียงสาคนนั้นจะซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้จริงๆ

น่าสนใจ...

ถึงคนอย่าง ดลธี พฤกษดำรง จะไม่ชอบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและยุ่งยาก แต่เมื่อเจอเป้าหมายที่ถูกใจแล้ว เขาก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหา

แถมเขายังไม่รู้ชื่อเต็มๆ ของเธอเลย

อลิซน้อยที่หลงเข้ามาในดินแดนมหัศจรรย์แล้วหนีกลับไปง่ายๆ แบบนั้น

ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอกันอีกให้ได้!


 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น