บทที่ 6

6

ดีพีโกลบอลมีเดีย

 

แพรวไพลินมองใบหน้าของตัวเองในกระจกด้วยสายตาพอใจก่อนจะคว้าแว่นสายตาขึ้นมาสวม เธอผูกโบสีน้ำเงินเข้มกับผมที่รวบเป็นหางม้าอย่างเรียบร้อยแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายบ่า วันนี้หญิงสาวแปลงโฉมเป็นสาวออฟฟิศผู้ขยันขันแข็ง เพื่อจะแฝงตัวเข้าไปสืบเรื่องของเพลงรักในดีพีโกลบอลมีเดีย

ก่อนหน้านี้แพรวไพลินเพิ่งแอดไลน์เข้ากลุ่มแฟนคลับของคิมหันต์เพื่อจะสืบข้อมูลของนักแสดงหนุ่ม ความสามารถและผลงานที่หลากหลายของเขาทำให้เธอนึกทึ่งอยู่ไม่น้อย ทว่าที่น่าตกใจที่สุดคือมีคนในบริษัทเอาข้อมูลส่วนตัวของคิมหันต์มาแอบขาย ทั้งภาพถ่ายในห้องพัก คลิปวิดีโอในสถานที่ปิด ตารางงานในแต่ละวัน หรือแม้กระทั่งรายละเอียดไฟลต์บิน ก็ล้วนแล้วแต่มีมูลค่าเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น

น่ากลัวจริงๆ

ที่มีคนเคยบอกว่าเมื่อเป็นบุคคลสาธารณะแล้วจะไม่มีคำว่าส่วนตัวอีกต่อไป เห็นจะเป็นเรื่องจริงสินะ

หญิงสาวปิดไฟในห้องนอนก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง เธอแอบซื้อรายละเอียดตารางงานและไฟลต์บินของคิมหันต์มาแล้ว เพราะอยากติดตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แต่เธอก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนอื่นแบบนี้

“โอ้โฮ! สุดยอดเลยเจ๊! จำแทบไม่ได้แน่ะ” พลอยพรรณชมเมื่อเห็นสภาพของพี่สาวตัวเอง ปกติแพรวไพลินจะปล่อยผมให้ยาวสยายและสวมเสื้อยืดกางเกงยีนสบายๆ เพื่อให้สะดวกกับการเคลื่อนไหว พอคนเป็นพี่มาอยู่ในลุคสาวออฟฟิศแบบนี้แล้ว ก็ทำเอาหญิงสาวเกือบจำไม่ได้เลยทีเดียว

“แน่นอน ครั้งนี้จะพลาดเหมือนครั้งก่อนไม่ได้แล้ว”

พลอยพรรณชูนิ้วโป้งกดไลค์ให้คนเป็นพี่ ก่อนจะเอาอะไรบางอย่างยัดใส่มือให้อีกฝ่าย

“อันนี้เป็นบัตรประชาชนของเจ๊ที่หนูปลอมขึ้นมาตอนยื่นสมัครงานที่ดีพีให้เจ๊ เจ๊จะเข้าไปในฐานะพนักงานสัญญาจ้างของรายการ The Idol ชื่อแพรวนภา มหารัตน์ ถ้ามีคนถามอะไร เจ๊ก็บอกไปนะว่าตัวเองเป็นแค่พนักงานสัญญาจ้าง”

“โอเค เชื่อมือพี่สาวแกได้เลย”

พลอยพรรณพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้เต็มกระเป๋า แล้วเดินนำพี่สาวไปที่รถเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง โดยมีเป้าหมายคือสำนักงานใหญ่ของดีพีโกลบอลมีเดีย

แพรวไพลินกวาดสายตาไปรอบๆ ล็อบบีของดีพีโกลบอลมีเดีย แม้จะเป็นเวลาสายแล้ว แต่ผู้คนก็ยังหนาตาและมีคนเข้าออกอยู่ตลอด เธอรีบเดินไปทางลิฟต์โดยสารเพื่อจะขึ้นไปที่ชั้นสิบหกหลังจากที่รับบัตรประจำตัวพนักงานสัญญาจ้างเรียบร้อยแล้ว วันนี้คิมหันต์มีซ้อมใหญ่เพื่อเตรียมถ่ายทำรายการวาไรตี The Idol วัยรุ่นวัยฝัน ในสตูดิโอที่สำนักงานใหญ่

ร่างบางเดินออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงที่หมาย สังเกตว่าคนส่วนใหญ่ก็มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ชั้นนี้เหมือนกัน เธอเดินตามคนอื่นๆ พลางมองป้ายที่ติดอยู่ตามทางไปด้วย ก่อนจะมาหยุดหน้าสตูดิโอที่มีโลโก้รายการ The Idol วัยรุ่นวัยฝันติดเอาไว้

ที่นี่สินะ...

หญิงสาวมองไปรอบๆ อย่างพิจารณา สตูดิโอแห่งนี้มีคนอยู่ไม่ต่ำกว่าห้าสิบคน แต่ละคนกำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมสถานที่ บ้างก็จับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับลำดับการถ่ายทำ

“มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมยังไม่ไปรวมตัวที่หลังเวทีอีก”

เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้แพรวไพลินสะดุ้ง ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองคนพูดแล้วค้อมหัวให้อีกฝ่าย

“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูชื่อแพรวนภา เป็นพนักงานสัญญาจ้างที่เพิ่งมาใหม่ค่ะ”

“อ้อ มาวันนี้วันแรกสินะ เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นที่หลังเวทีได้เลย อีกไม่ถึงชั่วโมงจะเริ่มซ้อมกันแล้ว”

หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินตามการชี้มือของชายวัยกลางคนไปทางด้านหลัง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานจำนวนไม่ต่ำกว่าสามสิบคนที่กำลังวุ่นวายกับการแต่งหน้าทำผมให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่ว ก่อนเสียงที่ดังที่สุดจะมาจากชายวัยกลางคนที่ถือโทรโข่งอยู่หน้าตู้กดน้ำ

“พนักงานสัญญาจ้างกับทีมพีอาร์มารวมกันตรงนี้หน่อย!”

แพรวไพลินเดินตามคนอื่นๆ ไปหยุดหน้าคนเรียก ก่อนจะเห็นว่านอกจากเธอแล้ว ก็ยังมีพนักงานทั้งชายและหญิงอยู่อีกเกือบสี่สิบคน

“สวัสดีครับทุกคน พี่ชื่ออาทิตย์ เรียกว่าทิตย์ก็ได้ เป็นผู้กำกับของรายการ วันนี้เราจะมีซ้อมใหญ่ซีนเปิดตัวเด็กฝึกและเมนเทอร์ และเริ่มถ่ายทำจริงในอาทิตย์หน้า...”

“เด็กฝึกปีนี้มีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ”

“ตะกี้ฉันเห็นจินนี่ด้วยแหละ สวยกว่าในจออีกนะ แต่ว่าตัวเองก็มีผลงานอยู่แล้ว ทำไมถึงยังมาประกวดอีกก็ไม่รู้”

“สงสัยจะอยู่ช่วงขาลงจริงๆ อย่างที่คนเขาลือกันละมั้ง”

เสียงซุบซิบที่ได้ยินใกล้ๆ เบี่ยงเบนความสนใจของแพรวไพลินจากสิ่งที่ผู้กำกับกำลังอธิบาย เธอลอบมองสองพนักงานสาวที่หน้าตาคล้ายคลึงกันอย่างพิจารณา ก่อนจะเลื่อนสายตามาดูบัตรพนักงานที่ห้อยคอของอีกฝ่าย แล้วเห็นว่าทั้งคู่คือพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์

“พี่จะบรีฟคร่าวๆ นะ วันนี้เราจะให้เด็กฝึกซ้อมการแสดงของตัวเองบนเวที ซึ่งการแสดงที่แต่ละคนเตรียมมาจะถูกประเมินโดยเมนเทอร์ทั้งสามท่าน เมนเทอร์จะจัดสรรเด็กแต่ละคนให้ไปอยู่ตามคลาส  A, B, C และ F ซึ่งคลาส A คือระดับสูงสุด และต่ำสุดคือคลาส F...”

หญิงสาวจดข้อมูลที่ได้รับลงในสมุดบันทึก ก่อนหน้านี้เธอศึกษาประวัติรายการ The Idol วัยรุ่นวัยฝัน ซีซันหนึ่งมาแล้ว ซึ่งนอกจากจะรู้กฎกติกา ประวัติผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ไปจนถึงผลงานของวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ได้เดบิวต์จากการเป็นผู้ชนะแล้ว ก็ยังรู้ด้วยว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอเคยเป็นหนึ่งในทีมงานฝ่ายโพรดิวเซอร์ของซีซันหนึ่งมาก่อนด้วย

“ว่าแต่แกได้ยินเรื่องเพลงไหม คนที่เจอเป็นศพเมื่อเดือนก่อนน่ะ”

“หมายถึงเพลงรัก หัวหน้าทีมพีดีน่ะเหรอ”

ร่างกายของแพรวไพลินชาวาบเมื่อเสียงของสองสาวแทรกเข้ามาอีกครั้ง เธอพยายามขยับตัวเข้าไปใกล้พวกเขาเพื่อจะได้ฟังได้ถนัด

“ใช่ๆ เห็นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตายแหละ”

“มิน่าล่ะ พวกบอร์ดถึงได้พยายามปิดข่าวกันน่าดูเลย สงสัยปัญหาชีวิตจะรุมเร้า”

“แต่ว่าทำไมต้องมาฆ่าตัวตายที่นี่ด้วยก็ไม่รู้ ต่อไปนี้ฉันคงไม่กล้าอยู่ทำโอทีดึกๆ แล้ว”

แพรวไพลินกัดริมฝีปากอย่างระงับอารมณ์ ทั้งเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียน้องสาว แล้วก็โกรธแค้นที่ไม่มีใครสนใจสาเหตุการตายของน้องเลยสักนิด แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อพวกเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานของเพลงรัก เป็นคนอื่นที่ไม่ได้เห็นว่าน้องสาวของเธอสลักสำคัญอะไรด้วยซ้ำ 

“นอกจากวันนี้จะมีซ้อมการแสดงของเด็กฝึกแล้ว ก็จะมีซ้อมเปิดตัวเมนเทอร์ประจำรายการทั้งสามท่านด้วย อ้าว! เมนเทอร์น้องใหม่ของเรามาพอดีเลย”

ร่างบางหันไปมองใครอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มดูดีไม่ต่างจากที่เห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แม้แต่รูปร่างและท่าทางก็มีออร่าราศีจับ และทันทีที่เขาฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่มุมปาก สาวๆ หลายคนในที่นี้ก็ถึงกับหวีดร้องออกมาอย่างขัดเขิน

“สวัสดีครับทุกคน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

มาแล้วสินะ...เป้าหมายของเธอ

คิมหันต์ พฤกษดำรง

เจ้าของดวงตาสีเข้มมองหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตานิ่งสนิท ขณะที่ท่าทีของอีกฝ่ายยังคงเย่อหยิ่งไม่ต่างจากทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏชัดบนใบหน้าคมคาย เพราะรู้ดีว่า ต่อให้ผู้เป็นป้าจะวางมาดเหนือเขามากแค่ไหน ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะเอาชนะเขาได้อยู่ดี

“ทำไมจู่ๆ คิมถึงได้กลายมาเป็นเมนเทอร์ของ The Idol ได้ล่ะครับ”

“แล้วทำไมคิมถึงจะเป็นไม่ได้”

“ข้อแรก คิมเพิ่งโดนกล่าวหาว่าเมาแล้วขับจนทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย ข้อสอง เขาไม่ได้ถูกวางตัวให้รับงานนี้ตั้งแต่แรก และข้อสุดท้าย เรื่องนี้ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดบริหาร เหตุผลสามข้อนี้พอจะทำให้ผมสงสัยได้ไหมครับว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้รับเลือก”

“ไม่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด หรือแค่แกคนเดียวกันแน่ มีแค่แกเท่านั้นแหละที่มีปัญหา”

ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์อยู่ชั่วครู่เมื่อได้ยินคำตอบแข็งกระด้างของอีกฝ่าย ก่อนที่ดลธีจะตอบเสียงเรียบ

“ผมไม่ชอบการเล่นเส้นสาย”

“ที่คิมได้งานนี้ก็ไม่ใช่เพราะฉันเหมือนกัน เขาเป็นคนมีความสามารถ ทีมโพรดิวเซอร์เองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้”

ดลธีแค่นยิ้มอย่างสมเพช ถ้าคิมหันต์มีความสามารถจริงอย่างที่ป้าสะใภ้อ้าง ก็คงได้รับคัดเลือกให้เป็นเมนเทอร์ตั้งแต่ตอนวางแผนการผลิตแล้ว คงไม่ต้องรอให้เมนเทอร์อีกคนถอนตัวออกจากรายการก่อนหรอก

“แล้วการที่ธัชยะถอนตัวไป เป็นฝีมือของคุณป้าด้วยหรือเปล่าครับ”

“กล้าดียังไงมากล่าวหาป้าแกแบบนี้!”

“ผมไม่ได้กล่าวหา แต่สอบถามความจริงต่างหากครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบไม่ต่างจากเดิม “ถ้าคุณป้ามั่นใจว่าคิมได้งานนี้เพราะความสามารถ ผมก็หวังว่าเขาจะทำให้ผู้ชมเห็นว่าเป็นเพราะเหตุผลนั้นจริงๆ”

อิษยากัดฟันกรอด มองหน้าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของพ่อสามีอย่างจงเกลียดจงชัง ตั้งแต่ที่ ดลธี พฤกษดำรงเกิดมา มันก็เป็นมารขัดขวางความเจริญในชีวิตเธอมาตลอด หลานชายคนโตของตระกูลมีพร้อมทั้งรูปลักษณ์และความสามารถถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่มีผิดเพี้ยน แถมมันรู้จักเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะมีพายัพ ประมุขใหญ่ของตระกูลคอยให้ท้ายอยู่เสมอ

ไว้ใจถึงขนาดจะยกดีพีโกลบอลมีเดียให้มันดูแลแทน!

คิดแล้วก็น่าเจ็บใจนัก ทั้งๆ ที่พัลลภ สามีของเธอเป็นลูกชายคนโต แต่พายัพกลับรักลูกชายคนเล็กอย่างพลเดชมากกว่า ถึงได้แต่งตั้งให้มันเป็นรองประธานบริษัทเพื่อรอสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา พอพลเดชกับเมียประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต แทนที่ตำแหน่งนั้นจะกลายเป็นของพัลลภ ดันตกเป็นของดลธี ลูกชายคนเดียวของพวกมันแทนเสียอีก!

ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ!

“เรื่องเมาแล้วขับก็เคลียร์ไปแล้วไงว่าเป็นการเข้าใจผิด คิมไม่ได้เป็นคนขับรถคันนั้น แต่เป็นเพื่อนของเขาต่างหาก!”

“ถึงจะไม่ได้ขับเอง แต่ก็มีข่าวเสียหายที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์อยู่ดี แถมคิมก็มีโอกาสโดนหางเลขไปด้วย ในฐานะที่ไม่ได้ห้ามเพื่อน”

“ใจคอแกจะขัดขวางฉันทุกเรื่องเลยใช่ไหม!”

ผู้บริหารหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ถึงอิษยาจะเป็นผู้ดำเนินการผลิต แต่ในเมื่อเธอใช้เส้นสายให้คิมหันต์ได้งานนี้ เขาคิดว่าในฐานะรองประธานบริษัทแล้ว ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะปรามอีกฝ่าย

“ครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก่อน แต่หวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีกนะครับ ผมไม่อยากให้ใครมาพูดได้ว่าคิมได้งานเพราะเส้นสาย”

“รู้แล้วน่า! แกหมดเรื่องพูดหรือยัง ถ้าไม่มีอะไรก็รีบออกไปจากห้องฉันได้แล้ว!”

“ยังมีอีกเรื่องครับ” ดลธีวางแฟ้มเอกสารลงเบื้องหน้าอีกฝ่ายก่อนจะพยักพเยิดบอกให้เธอเปิดขึ้นมาดู และทันทีที่เห็นรายละเอียดด้านใน สีหน้าของหญิงวัยกลางคนก็ซีดเผือดไปในทันที

“นี่แก...”

“คุณป้ากล้าทำเรื่องนี้ได้ยังไงครับ”

ดวงตาของอิษยาสั่นระริกอย่างหวาดกลัวระคนตื่นตระหนก ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ขณะที่แฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือค่อยๆ ร่วงหล่นกับพื้น

“ฉัน...ฉันไม่ได้ทำ!”

ผู้บริหารหนุ่มมองร่างที่สั่นสะท้านของหญิงวัยกลางคนด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่คิดเลยว่าอิษยาจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เขาสังเกตเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับรายการ Eat Am Are ที่ป้าสะใภ้เป็นผู้ดำเนินการผลิตออกอากาศเกินเวลา ทำให้รายการข่าวภาคดึกที่ฉายต่ออย่างคุยข่าวเข้มถ่ายทอดสดช้ากว่ากำหนด พอสืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าป้าขายโฆษณาในรายการ Eat Am Are เกินเวลาเกือบสามเดือน แถมเธอยังสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้แก่พนักงานที่ทำหน้าที่ลงคิวของช่องเป็นจำนวนหลายแสนบาทเป็นค่าปิดปากด้วย

เท่ากับว่าอิษยายักยอกเงินค่าโฆษณาที่เกินเวลานี้ราวๆ หนึ่งร้อยล้านบาทเลยทีเดียว

ชายหนุ่มตามสืบเรื่องนี้อยู่เกือบเดือน รวบรวมพยานหลักฐานจากแหล่งต่างๆ จนได้ข้อมูลมากพอที่จะเอาผิดอีกฝ่าย และเขาคิดว่าป้าสะใภ้ทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว เพราะไม่พบหลักฐานที่โยงใยไปถึงบุคคลอื่น

ดลธีไม่อยากให้ชื่อเสียงของดีพีโกลบอลมีเดียต้องเสื่อมเสียจึงเลือกคุยกับอิษยาเป็นการส่วนตัว และตั้งใจว่าจะเข้าไปพบกับผู้บริหารของช่องเพื่อชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้

“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะ!”

“หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอครับ”

“ป้า...ป้าไม่ได้ตั้งใจนะดล”

ร่างสูงแค่นยิ้มอย่างสมเพชกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของอีกฝ่าย ที่ผ่านมาอิษยาไม่เคยมองว่าเขาเป็นหลานชายหรือคนในครอบครัว ถึงได้ใช้คำพูดและท่าทีดูแคลนเขาหลายต่อหลายครั้ง เวลาเดียวที่ป้าสะใภ้จะเห็นหัวเขาก็คือตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณปู่

“เชื่อป้านะดล! ป้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“ไม่ได้ตั้งใจอะไรกันครับ คุณป้าแอบทำเรื่องนี้มาเกือบสามเดือน มีเงินเข้ากระเป๋าคุณป้าเป็นร้อยล้าน ถ้าผมไม่มาเจอเข้า ก็ไม่รู้จะเสียหายมากกว่านี้อีกเท่าไหร่”

“ป้า...คือป้า”

“ผมจะหาทางคุยกับผู้บริหารของช่องสิบเอง แต่คุณป้าจะต้องคืนเงินที่ยักยอกไปทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ทางช่อง รวมทั้งจะต้องลาออกจากดีพีด้วย”

“ไม่ได้นะ! ป้าทำแบบนั้นไม่ได้!”

“ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ แล้วทำเรื่องนี้ทำไมตั้งแต่แรกล่ะครับ”

หญิงวัยกลางคนพูดไม่ออก ร่างกายไร้เรี่ยวแรงคล้ายจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ทว่ากลับไม่ปรากฏร่องรอยของความเห็นใจบนใบหน้าของดลธีแม้แต่น้อย

“คุณป้าจะสารภาพเรื่องนี้กับคุณปู่เอง หรือจะให้ผมเป็นคนบอกครับ”

“ไม่นะดล! ให้ป้ากราบตรงนี้ก็ได้! อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อเลยนะ”

ชายหนุ่มมองใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางเหมือนสูญสิ้นทุกอย่างของอิษยาทำให้เขานึกรำคาญมากกว่าจะเห็นใจ ตั้งแต่ที่ป้าสะใภ้เข้ามาเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของดีพีโกลบอลมีเดีย พวกคณะกรรมการก็พากันแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ส่วนหนึ่งถือหางอยู่ข้างพัลลภกับภรรยา ขณะที่อีกกลุ่มทำงานร่วมกับคุณปู่มานาน จึงคอยสนับสนุนเขาไปด้วย ทว่าดลธีรู้ดีว่าอิษยาจ้องจะโค่นเขาลงจากตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา ถึงได้พยายามให้คิมหันต์และเหมันต์ ลูกชายของตัวเองเข้ามามีบทบาทในการทำงานที่ดีพีโกลบอลมีเดียมากขึ้น

“ขอร้องนะดล อย่าบอกคุณพ่อเลยนะ...”     

“ผมคงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่คุณป้าต้องบอกเรื่องนี้กับคุณปู่โดยเร็วที่สุด ถ้าคุณป้ายังทำเฉย ผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างเอง”

พูดจบ ชายหนุ่มก็สาวเท้าเดินออกจากห้องทำงานของอิษยาโดยไม่สนใจท่าทางโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่าย เขารับกุญแจรถจากพฤกษ์ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินตรงไปทางลิฟต์

ดลธีไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ถ้าอิษยาไม่ได้เป็นป้าสะใภ้ ไม่ใช่คนในครอบครัว คนอย่างเขาไม่เสียเวลามานั่งคุยด้วยนานสองนานแบบนั้นเป็นอันขาด

อย่าว่าแต่พูดคุยถามที่มาที่ไปเลย แค่ให้โอกาสสารภาพผิดและหาทางปรับปรุงแก้ไข ก็นับว่าเขาปรานีเธอมากแล้ว

“ตอนหกโมงเย็นบอสมีนัดทานข้าวกับมิสเตอร์นายองซู โพรดิวเซอร์ชาวเกาหลีที่จะมาร่วมโพรเจกต์รายการอินไซด์ไทยแลนด์นะครับ ส่วนพรุ่งนี้แปดโมงเช้ามีประชุมกับทีมกราฟิกของรายการทัวร์เที่ยวทิพย์ครับ”

ดลธีพยักหน้ารับก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นห้า โดยมีเลขาฯ คู่ใจยืนโบกมือให้จนกระทั่งประตูปิดลง ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ตั้งใจจะโทรศัพท์หาผู้บริหารของช่องสิบเพื่อขอเข้าพบอีกฝ่าย

ติ๊ง!

ร่างสูงชะงักเมื่อเสียงสัญญาณเตือนเปิดประตูลิฟต์ดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งจะก้าวเข้ามา ดวงตาคู่สวยหลังกรอบแว่นที่สบตาเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้มหน้างุดแล้วรีบไปหลบอีกด้านของลิฟต์

น้ำหอมกลิ่นนี้มัน...

ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัย ขณะที่กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับกุหลาบที่แผ่ออกมาจากกายบางให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ทว่ากลับนึกไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นนี้มาจากที่ไหน

“ชั้นไหนครับ” ผู้บริหารหนุ่มถามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมกดปุ่มหมายเลขชั้นสักที หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะรีบตอบตะกุกตะกัก

“เอ่อ...ห้า...ชั้นห้าค่ะ”

ดลธีพยักหน้ารับ เพราะหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น เขาจึงเห็นใบหน้าของเธอได้ไม่ชัดนัก ทว่าพอเห็นสร้อยข้อมือรูปดอกกุหลาบที่ข้อมือขวาของอีกฝ่าย จู่ๆ ก็หวนนึกถึงใครบางคนขึ้นมา

หรือว่าเธอคือ...

โครม!


 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น