3
คัมภันพาลลนามาถึงช้าเกินไป นายเปี๊ยกรายงานว่าเมื่อวานนี้มีผู้ชายขับเรือเร็วมากับเด็กผู้หญิงตามลำพังจริง แต่ออกจากเกาะไปแล้วตั้งแต่เช้าตรู่ ลลนาหน้าเสียจนซีด มือหล่อนที่จับแขนคัมภันเขย่านั้นเย็นเฉียบ
“เราจะทำยังไงกันดีคะ”
คัมภันเองก็มืดแปดด้าน แต่ลลนายึดเขาเป็นที่ปรึกษาเสียแล้ว เขาต้องเข้มแข็ง และช่วยหาทางออกที่ดีให้แก่หล่อนได้
“ลองโทร. กลับไปที่รีสอร์ตไหมครับ เผื่อทางนั้นจะมีข่าวอะไรบ้าง”
ลลนารีบกดโทรศัพท์ที่นายเปี๊ยกยื่นให้ มือหล่อนสั่นพอๆ กับเสียงสนทนา แต่คัมภันคิดว่าคงพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เขาเห็นหล่อนยิ้ม คิ้วที่ขมวดคลายออกได้ ก่อนหล่อนจะตัดสายแล้วรีบบอกเขา
“รีบกลับกันเถอะค่ะ ป้าพัดบอกว่าน้องไลท์อยู่ที่รีสอร์ต”
คัมภันเคยได้ยินแม่ค้าริมหาดพูดกันอยู่บ้าง คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าแท้จริงแล้วลลนาคือเจ้าของรีสอร์ต รัชชานนท์เคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วว่าบ้านสีขาวรีสอร์ตแอนด์สปาเป็นของหลานสาวพัทนี หลายปีก่อนรีสอร์ตถูกลอบวางเพลิงจนเสียหายไปมากกว่าครึ่ง กว่าจะฟื้นจากวิกฤติครั้งนั้นได้ก็หนักหนาพอดู แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
ในวันนี้ บ้านสีขาวรีสอร์ตแอนด์สปา แม้จะไม่ใช่รีสอร์ตขนาดใหญ่เทียบเท่ารีสอร์ตหรูระดับห้าดาว แต่ลูกค้าก็แวะเวียนมาใช้บริการไม่ขาดสาย และทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวถามถึงที่พักดีๆ สักแห่ง คัมภันก็มักแนะนำที่นี่ให้เป็นตัวเลือกแรกเสมอ
คัมภันยื่นโทรศัพท์คืนให้นายเปี๊ยกแล้วรีบพาลลนากลับไปขึ้นเรือ คุณแม่คนสวยใจร้อน นั่งไม่ติด หล่อนยืนเกาะเสากระโดงเรือท้าแดดท้าลมอย่างไม่เกรงกลัวว่าผิวจะเสีย ฝ้ากระหรือจุดด่างดำจะมาเยือน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเรือเขาแล่นช้าเหลือเกิน ทั้งที่เคยภูมิใจมาโดยตลอดว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่กำลังแรงไม่เคยน้อยหน้าใคร
“อีกนานไหมคะ” หล่อนหันกลับมาถามเขา ตาหรี่ลงเพราะแสงแดดเริ่มจ้า
“ไม่นานครับ ผมพยายามเร่งอยู่”
เขาอยากจะเร่งให้ไวกว่านี้ แต่มันเกินประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ลลนาคงร้อนใจเหลือเกินแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เขาเองเคยพบพาน และความรู้สึกคงไม่ต่างไปจากหล่อนนัก
“อย่าเพิ่งครับคุณรัน ให้ผมเข้าไปใกล้กว่านี้อีกหน่อย”
คัมภันร้องห้ามเพราะลลนาทำท่าจะกระโดดลงน้ำเมื่อเรือแล่นใกล้ถึงฝั่งในระยะร้อยเมตร เรือยังสามารถเข้าไปจอดใกล้ฝั่งได้อีก และทันทีที่เขาทิ้งสมอ คุณแม่ใจร้อนก็รีบลงจากเรือ เดินลุยน้ำลึกแค่น่องไปอย่างว่องไว โดยไม่สนใจคนที่ร่วมชะตากรรมกับหล่อนมาตลอดคืน
“เจอกันที่รีสอร์ตนะคะ”
ฟังประโยคนั้นแล้วความน้อยใจเล็กๆ ก็มลายไปสิ้น คัมภันยิ้มตอบ มองถุงเปลือกหอยของเลศยายังวางอยู่ที่เดิม วันนี้เขาจะส่งมันให้ถึงมือเจ้าของ หวังว่าจะได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสของหนูน้อยเป็นสิ่งตอบแทน
ลลนาชะงักเท้าเพราะผู้ชายที่ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาเผชิญหน้ากับหล่อนคือ ‘บดินทร์ฉัตร’ เป็น ‘เขา’ จริงๆ ที่ลักพาตัวเลศยาไป บดินทร์ฉัตรเกลียดหล่อน และเชื่อว่าหล่อนเลี้ยงลูกให้ดีกว่าเขาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงต้องหนีไปไกลถึงสเปน เมื่อเขาลั่นวาจาว่าจะพรากลูกไปจากอกหล่อนให้จงได้
“แม่รันขา คุณพ่อกลับจากซาหวันแล้วค่ะ”
ลูกสาววิ่งมากอดขาแล้วยิ้มแก้มแทบปริ ดวงตาเป็นประกายบอกว่ามีความสุข ผิดกับหัวใจของลลนาที่กำลังปริร้าว บดินทร์ฉัตรบอกให้ลูกรู้แล้วว่าเขาคือใคร ซึ่งหล่อนโกหกตลอดมา ในความเข้าใจของเลศยาคือ พ่ออยู่บนสวรรค์ เฝ้ามองอยู่บนนั้นชั่วกาลนาน
“ไปช่วยยายพัดทำขนมดีกว่านะ ปล่อยให้แม่รันคุยกับพ่อก่อนเนอะ”
พัทนีคงเห็นว่าท่ามกลางสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ เลศยายังเด็กเกินจะรับรู้ได้
ป้า หลาน และรัชชานนท์จากไปแล้ว ปล่อยให้ลลนารับมือกับปัญหาใหญ่ตามลำพัง หล่อนคิดมาตลอดว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วนัก หล่อนยังไม่พร้อมจะสู้หน้ากับบดินทร์ฉัตรเลย
“ใจร้ายเกินไปนะ พาลูกหนีผมไปแล้ว ยังบอกแกว่าผมตายไปแล้วอีก”
บดินทร์ฉัตรจงใจเน้นคำว่า ‘ตาย’ ด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ลลนาไม่ทันได้ตอบโต้กลับ เขาก็ฟาดฟันใส่อีกด้วยวาจาดูแคลน
“เก่งนะ เลี้ยงลูกผมได้โตและน่ารักขนาดนี้ คิดว่าคุณจะไปไม่รอดซะแล้ว”
“ลูกฉันค่ะ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน สิทธิ์ขาดตามกฎหมายเป็นของแม่เท่านั้น”
“หึ” บดินทร์ฉัตรมิได้ยี่หระกับความจริงข้อนั้นเลย เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วกวาดตามองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า “ผมมีสิทธิ์ทางสายเลือด รวมทั้งตัวคุณเอง ผมก็เคยเกี่ยวข้องมานักต่อนัก”
รอยยิ้มหยันนั่นบาดใจลลนาจนเจ็บลึก รวมถึงกิริยาที่จงใจหยามกัน เขาถือวิสาสะลูบและจับเอวคอด พร้อมทั้งโน้มหน้าลงมาหาลลนาอย่างจงใจ
“อย่ามาทำหยาบคายที่นี่ กลับไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับลูกฉันอีก”
ลลนากดเสียงต่ำ ผลักไสเขาให้ออกห่าง บดินทร์ฉัตรตายจากหัวใจหล่อนไปนานแล้ว อดีตร้อนไม่ควรได้กลับมาเต้นเร่าผลาญชีวิตหล่อนได้อีกครั้ง
“น้องไลท์คือลูกผม ผมมีสิทธิ์พาแกไปเมื่อไหร่ก็ได้”
“เรื่องของเรามันจบไปนานมากแล้ว ฉันไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคุณเลย ฉันรู้ว่าฉันผิดต่อคุณมาก แต่ก็ชดใช้ให้คุณแล้วด้วยการไปจากชีวิตคุณ คุณควรจะพอใจแล้วจบมันไปสักที คุณเกลียดฉัน คุณไม่ควรดึงฉันกับลูกเข้าไปในชีวิตของคุณอีก”
“ใช่! ผมเกลียดคุณ ผู้หญิงหลอกลวงปลิ้นปล้อนอย่างคุณมันน่ารังเกียจ แต่ลูกผม สายเลือดผม ไม่ควรมีแม่อย่างคุณ ผมไม่อยากให้ลูกเป็นแบบคุณ เข้าใจไหม!”
ลลนาเจ็บไปทั้งสองแขนเพราะแรงมือใหญ่ของบดินทร์ฉัตรบีบมันแน่น เขาเขย่าจนหล่อนคลอนไปทั้งตัว ซ้ำยังตะคอกใส่หน้า แล้วผลักแรงจนหล่อนเสียหลักล้มลง ทุกภาพเหตุการณ์ในอดีตถูกเขากระชากออกมาฉายเป็นฉากเป็นตอน หล่อนผิดที่เคยทำร้ายจิตใจเขาอย่างหนักหนาทั้งที่เขารัก และความผิดที่หล่อนก่อไว้กำลังเอาคืน เจ็บยิ่งกว่าถูกเขาควักหัวใจมาขย้ำคือการพรากเลศยาที่เปรียบดังชีวิตไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
บดินทร์ฉัตรจงใจเข้ามารุกรานลลนาที่กำลังล้ม แต่เขาถูกต่อยแรงจนหน้าหันและเซเสียหลักไปอีกทาง เสียงคำรามเมื่อครู่คือเสียงของคัมภันที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาผิดจังหวะ และสถานการณ์ที่กำลังคุอยู่แล้วก็ยิ่งระอุเดือด
“ไอ้สวะนี่ผัวใหม่เธอเหรอ หาดีกว่านี้ไม่ได้รึไง!”
บดินทร์ฉัตรยืนได้มั่นคงก็ปากร้ายหยาบคาย มองเหยียดคัมภัน วอนโดนซัดปากอีกสักหมัดสองหมัด
หนุ่มชาวเรือคงข่มใจน่าดู เขามีน้ำใจช่วยพยุงลลนาให้ลุกขึ้น ผิดกับบดินทร์ฉัตรที่เลือกทำร้ายหล่อนด้วยวาจาผรุสวาท
“สำส่อนไม่เลือก สารเลว!”
“หุบปาก! ขืนพูดมากอีกคำได้หยอดน้ำข้าวต้มแน่”
“พอเถอะค่ะ”
ลลนารีบห้ามทัพ หล่อนรั้งแขนคัมภันเอาไว้ เขาไม่ได้เกรงกลัวบดินทร์ฉัตรสักนิด ตั้งท่าอาจหาญจะเข้าโจมตีอีกรอบ หน้าตาถมึงทึงครึ้มหนวดเครารกดูน่ากลัวขึ้นอีกเป็นกอง มวยคนละรุ่นกันเช่นนี้ ไม่มีทางที่บดินทร์ฉัตรจะสู้คัมภันได้
“ผมกลับมาอีกแน่!”
เป็นการดีที่บดินทร์ฉัตรยอมถอนทัพกลับไปก่อน ลลนาไม่ได้หันไปมองเขาอีกเพราะล้าแรงเกินกว่าจะรับรู้สิ่งใด หล่อนยกสองมือปิดหน้าแล้วร้องไห้เพราะกลั้นต่อไม่ไหว นานแล้วที่ห่างหายไปจากความทุกข์ทรทาน มันหวนกลับมาหาหล่อนเร็วเหลือเกิน หล่อนยังเสพสุขที่ได้รับไม่อิ่มหนำเลย
“ผมขอโทษที่เข้ามา แต่เพราะเขาทำร้ายคุณ”
คัมภันมีเจตนาดี ลลนาเข้าใจ แต่ตอนนี้หล่อนไม่พร้อมจะสนทนากับใครทั้งนั้น
“ฉันอยากอยู่คนเดียวค่ะ”
“แต่เขาเข้าใจคุณผิด เพราะผม” คัมภันไม่ฟังคำขอ
ลลนาเองก็เหนื่อยเกินจะสนความเข้าใจผิดนั้น บดินทร์ฉัตรเกลียดหล่อน ต่อให้คัมภันไม่อยู่ตรงนี้ เขาก็มองหล่อนไม่ดีอยู่ร่ำไป
“ช่างเขาเถอะค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะนะคะ วันนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกินแล้ว”
สีหน้าอิดโรยของลลนาทำให้เขาไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ คัมภันหิ้วถุงเปลือกหอยที่วางอยู่ในมุมห้องแล้วเดินออกไปทันที เขายืนอยู่ข้างนอกนานแล้ว ได้ฟังเรื่องของลลนากับผู้ชายนิสัยหยาบคนนั้นมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ว่าเสียมารยาทสอดรู้ แต่ประตูกระจกเลื่อนนั้นปิดไม่สนิท ลลนาล้มเหลวกับชีวิตคู่ แต่ยังเหลือแก้วตาดวงใจที่ล้ำค่า ต่างจากเขาที่ไม่เหลืออะไรเลย
“อ้าว พ่อภัน มีธุระอะไรรึเปล่า มาหาพ่อนนท์เหรอ”
เสียงเอ่ยทักคุ้นเคยทำให้คัมภันต้องปรับสีหน้า เขาพนมมือไหว้พัทนี ลูกค้าประจำที่เคยอุดหนุนปูปลากับเขาอยู่บ่อยครั้ง
“เปล่าครับ ผมมาหาน้องไลท์ ตั้งใจจะเอาเปลือกหอยพวกนี้มาให้” คัมภันชูถุงในมือแล้วยิ้ม
พัทนีมองเขาอย่างสำรวจอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “สงสัยจะเป็นเธอสินะ ที่ยายรันเคยเล่าให้ฟังว่าชอบทำลับๆ ล่อๆ แอบมองลูกสาวเขา”
“ครับ ผมเอง แต่ตอนนี้คุณรันเข้าใจแล้วว่าผมไม่ได้คิดร้ายอะไร”
“แต่เธอก็หายไปกับหลานสาวฉันทั้งคืน”
“คุณพัดอย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปนะครับ”
เสียงพัทนีดุขึ้นจนคัมภันตกใจ เขาละล่ำละลักอธิบายให้พัทนีเข้าใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีต้นสายปลายเหตุอย่างไรบ้าง ตัวเขาเองบริสุทธิ์ใจแต่ต้น ไม่เคยคิดร้ายกับลลนาและลูกสาวสักนิด เขาเต็มใจช่วยเหลือ และเข้าใจความรู้สึกของลลนาเป็นอย่างดี แรกเริ่มเขาไม่ได้คิด แต่ถามใจตัวเองตอนนี้ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่คิดอะไรกับลลนา
“เพราะเป็นเธอหรอกฉันถึงหมดห่วง ตั้งแต่พ่อนนท์บอกว่ายายรันขึ้นเรือเธอไป แต่ไอ้หนวดเครารกๆ นี่น่ะ โกนออกบ้างได้ไหม ใครเขาเห็นเขาก็มองไปในแง่ร้ายซะหมด”
จริงอย่างพัทนีว่า เพราะเขาเพิ่งถูกผู้ชายใจหยาบคนนั้นดูแคลนสดๆ ร้อนๆ แม้ลลนาจะเคยทำผิดต่อสามีมาก่อน แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ลูกผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิงได้
“น้องไลท์อยู่กับตานนท์ที่ใต้ต้นไม้ข้างในนั่นละ เดินเข้าไปอีกหน่อยก็ถึง”
“ขอบคุณครับ”
คัมภันนอบน้อมกับผู้ใหญ่ทุกคน นั่นเป็นข้อดีที่ทำให้มีคนรัก เมตตา และคอยช่วยเหลือ ชายหนุ่มเดินไปตามทางที่พัทนีบอก แต่ก็อดที่จะหันกลับไปมองออฟฟิศด้านหน้าไม่ได้ เห็นพัทนีเดินเข้าไปในนั้น คงเป็นห่วงหลานสาว เช่นเดียวกับเขาที่ห่วงจิตใจบอบช้ำของลลนา อยากอยู่เคียงข้างหล่อน และแบ่งเบาทุกข์หนักหนาเหล่านั้นบ้าง
“คุณลุง”
เสียงใสของเลศยาดังมาก่อนตัว หนูน้อยกระโดดลงจากชิงช้าแล้วถลาล้ม ร้อนให้รัชชานนท์รีบประคองให้ลุกขึ้น
“เป็นแผลรึเปล่า เจ็บตรงไหนไหม ไหนให้ลุงนนท์ดูซิ”
“ไม่เจ็บค่ะ น้องไลท์จะไปหาคุณลุง”
แม่หนูน้อยดิ้นหนีความเป็นห่วงของรัชชานนท์ไปหาคัมภัน พร้อมแจกยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงเกือบสวย เสียว่าหลุดหายไปแล้วหนึ่งซี่
“เปลือกหอยฉวยของน้องไลท์ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ของน้องไลท์หมดถุงนี่เลย”
คัมภันย่อตัวลงนั่งแล้วยื่นถุงเปลือกหอยให้เลศยารับไปถือเอาไว้ แม่หนูน้อยกล่าวขอบคุณเสียงใสแล้วชี้ชวนเขาให้ไปเล่นด้วยกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีของเล่นมากมายกองอยู่บนเสื่อสีน้ำเงิน บนโต๊ะกลางสนามมีแก้วน้ำและแก้วนมของเลศยา
“คุณนั่นเอง คุณลุงเปลือกหอยฉวยของยายตัวแสบ”
รัชชานนท์เอ่ยแซ็ว เรียกรอยยิ้มของคัมภันให้กว้างยิ่งขึ้น
เลศยาน่ารักสดใสสมวัยสี่ขวบ เด็กน้อยไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้เรื่องซับซ้อนของผู้ใหญ่ ป่านนี้ลลนาจะเป็นอย่างไรบ้าง ดูแล้วผู้ชายคนนั้นคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“เมื่อวานน้องไลท์หายไปไหนมาคะ แม่รันตามหาให้ทั่วเลย” รัชชานนท์เอ่ยถามในสิ่งที่คัมภันเองก็อยากรู้
“คุณพ่อพาน้องไลท์นั่งเรือไปดูนางเงือกฉวยค่ะ มีนางยักษ์ด้วย”
“ทำไมไม่ขอแม่รันก่อน” รัชชานนท์ซักต่อ
“คุณพ่อขอแล้ว บอกว่าแม่รันให้น้องไลท์ไปได้” เด็กน้อยจะรู้อะไร ใครลวงใครหลอกคงตามไม่ทัน ส่วนใหญ่จะเชื่อคำพูดของผู้ใหญ่ว่าเป็นจริงเสมอ
“เมื่อวานผมพาคุณรันไปตามหาที่เกาะ แต่กลางทะเลมีพายุ เราเลยต้องหาที่หลบกันก่อน”
คัมภันหันไปอธิบายกับรัชชานนท์ เขาเองเป็นห่วงชื่อเสียงของลลนา หายไปกับเขาตามลำพังทั้งคืน คนอื่นอาจมองไม่ดีและนินทาเสียหาย
“รันก็แบบนี้ละครับ กับเรื่องลูกน่ะ ใจร้อนตลอด”
“แต่ผมเข้าใจคุณรันนะ ลูกทั้งคน แถมน่ารักแบบน้องไลท์นี่ เป็นใครใครก็ห่วง”
“ไปเที่ยวกับคุณพ่อสนุกไหมคะน้องไลท์” รัชชานนท์หันมาซักหนูน้อยที่ดูเหมือนจะสนใจแต่เปลือกหอยในถุง
“ซาหนุกค่ะ แต่คุณพ่อไม่มีนิทานซาหนุกแบบแม่รัน”
“คุณลุง พาน้องไลท์ไปหาแม่รันนะคะ” เลศยาเกาะแขนแล้วจ้องคัมภันตาใส
แต่เขาคงใจอ่อนไม่ได้ เวลานี้ลลนายังไม่พร้อมจะพบหน้าใคร แม้แต่ลูกรัก
“อยู่เล่นกับลุงดีกว่านะ แม่รันมีงานต้องทำอีกเยอะ”
“คุณพ่อกลับซาหวันรึยังคะ”
รัชชานนท์คงกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อคัมภันตอบหนูน้อยไปว่าพ่อกลับสวรรค์แล้ว แม้ใจคิดอยากส่งบดินทร์ฉัตรลงนรก ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลยก็ตาม
“ผมสบายแล้วละงานนี้ ยายตัวแสบมีพี่เลี้ยงเพิ่มอีกคน คุยกันรู้เรื่องด้วยแฮะ”
“เด็กคนเดียวต้องเลี้ยงกันสองคนเลยรึตานนท์”
พัทนีเดินมาเมื่อไหร่ไม่มีใครทันสังเกต ส่วนเลศยา ทันทีที่ได้ยินเสียงของพัทนีก็วิ่งเข้าไปกอดขาร้องขอขนมอร่อย เด็กยังไงก็คือเด็ก เลี้ยงง่าย ดูแลง่าย จิตใจยังสะอาดสะอ้าน จะด่างพร้อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่จะแต่งแต้มขัดเกลา
“ไปเถอะตานนท์ ไปอยู่ที่ออฟฟิศ เผื่อลูกค้าขาดเหลืออะไร เดี๋ยวป้าดูยายไลท์เอง”
รัชชานนท์รับคำอย่างว่าง่าย คัมภันเองก็หมดธุระแล้วจึงกล่าวลา แต่พัทนีรั้งไว้ให้อยู่ต่อ เพราะมีงานไม่ยากไม่ง่ายขอแบ่งน้ำใจให้คัมภันช่วยเหลือ
“ปั๊มน้ำเสียอยู่ตัวหนึ่ง ช่างเขายังไม่มีเวลามาดูให้เลย พ่อภันพอจะซ่อมได้ไหมล่ะ”
“อยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวผมช่วยดูให้”
พัทนีจูงเลศยาเดินนำหน้าไป แทงก์น้ำข้างรีสอร์ตหลังใหญ่มีปั๊มน้ำใช้การไม่ได้อีกตัว
คัมภันเดินเข้าไปสำรวจ เขาเคยซ่อมปั๊มน้ำตัวเล็กๆ มาบ้าง และคิดว่ากลไกต่างๆ คงคล้ายคลึงกัน
“พอไหวไหมล่ะ”
“น่าจะพอได้ครับ แต่คงต้องใช้เครื่องมือหลายตัว”
“ตามมานี่สิ กล่องเครื่องมืออยู่ที่โรงเก็บด้านหลัง ฉันจะพาไป”
พัทนีปล่อยคัมภันไว้กับปั๊มน้ำชำรุดแล้วพาเลศยามาที่ห้องครัว หลานตัวน้อยร้องขอขนมกับน้ำหวานของโปรด เมื่อได้ตามต้องการก็เงียบเสียงแล้วหยิบคุกกี้ช็อกโกแลตเข้าปากไม่หยุดมือ เลศยาเลี้ยงง่าย คงเพราะเป็นเด็กผู้หญิงจึงไม่ค่อยซุกซน แต่ประสาเด็กวัยนี้ช่างพูดช่างถาม พัทนีหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะต้องโกหกหลานอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของลลนากับบดินทร์ฉัตร
เรื่องมันก็ผ่านมานานตั้งแต่ลลนาตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคลุมเครือตลอดมา ลลนาเคยใช้ชีวิตอยู่บนความสนุกและหลงละเลิง ครั้นประมาทจึงพลาดพลั้ง หลานสาวยืนยันว่าไม่ได้รักบดินทร์ฉัตร และไม่ต้องการเป็นตัวปัญหาสำหรับเขา หล่อนตั้งใจปิดบังเรื่องลูก ไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบช่วยเหลือ
แต่ความลับกลับไม่มีในโลก เมื่อบดินทร์ฉัตรรู้ความจริง สงครามแย่งลูกจึงบังเกิด และนั่นคือชนวนเหตุให้ลลนาตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตที่สเปนอีกครั้ง สเปนเปรียบเสมือนบ้านที่ลลนาคุ้นเคย หล่อนเติบโตขึ้นที่นั่น และชีวิตเหลวแหลกของหล่อนก็เริ่มต้นจากที่นั่นเช่นกัน
‘ถ้าเขาติดต่อกลับมา กรุณาบอกผมด้วยนะครับ’
‘อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้เห็นหน้าลูกสักครั้ง’
คำขอของบดินทร์ฉัตรเมื่อสี่ปีก่อน พัทนีไม่เคยทำตาม เพราะต้องการปกป้องหลานสาว และเชื่อว่าลูกในท้องจะเปลี่ยนลลนาให้เป็นคนใหม่ได้ วันนี้ลลนาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหมือนไม่ใช่หลานสาวเหลวไหลคนเดิม ความคิดอ่านเติบโตเป็นผู้ใหญ่สมวัย อีกทั้งงานบ้านงานเรือนที่ไม่เคยได้เรื่องก็แทบไม่มีที่ติเลย อดีตที่ผ่านมาของลลนาไม่น่าจดจำนัก หลานสาวคงอยากลืมทุกเรื่องในอดีตและคนในอดีต แต่ในวันนี้คงรู้ซึ้งแล้วว่า ไม่มีใครหนีอดีตไปได้พ้น
“อิ่มแล้วก็ไปนอนนะลูก สิบโมงกว่าแล้ว ยายพัดจะได้เตรียมมื้อเที่ยงเอาไว้ให้”
พัทนีเห็นเลศยานั่งตาปรืออยู่บนเก้าอี้ คุกกี้พร่องไปหลายชิ้น ส่วนน้ำหวานก็ซดเสียจนหมดแก้ว
“แม่รันอยู่ไหนคะ น้องไลท์คิดถึงแม่รัน”
พัทนีลุกขึ้นเดินไปอุ้มหลานตัวน้อย ลลนากินยาแก้ปวดหัวแล้วขึ้นไปนอนพักอยู่บนห้อง ครั้นจะพาเลศยาเข้าไปรบกวนก็กลัวหนูน้อยจะพูดถึงเรื่องสะเทือนใจ เมื่อครู่ที่ได้คุยกับลลนา สภาพของหลานสาวยังแย่เพราะเอาแต่ร้องไห้ ต้องปลอบให้กำลังใจกันอยู่พักใหญ่กว่าลลนาจะสงบและยอมขึ้นไปพักผ่อน
“แม่รันอยู่นี่ค่ะน้องไลท์ ขึ้นไปดูการ์ตูนข้างบนดีไหมคะ”
“อ้าวรัน ทำไมไม่นอนพักสักงีบล่ะลูก”
คนที่พัทนีกำลังนึกถึงโผล่หน้าเข้ามายิ้มเหนื่อยๆ สองตายังดูบวม แต่จมูกกับแก้มหายแดงลงบ้างแล้ว
“อยู่กับลูกดีกว่าค่ะ ให้นอนตอนนี้คงยากจะหลับ”
ลลนาอุ้มเลศยาเดินออกจากห้องครัวไป แต่เสียงของหนูน้อยยังแจ้วๆ ถึงการ์ตูนแสนสนุก เพราะยังเลือกไม่ได้ว่าจะดูเรื่องอะไรก่อน
พัทนีเข้าใจลลนา และเข้าใจความรู้สึกของบดินทร์ฉัตร ช่วงเช้าที่เขาพาเลศยากลับมาส่ง เขากล่าวขอโทษที่พาลูกไปโดยไม่ได้ขออนุญาต เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าลลนาไม่มีวันยอมให้ลูกไปกับเขา ตัวเขาเองมีกิจการที่ต้องดูแลอยู่ในจังหวัดนี้ จึงมักให้ลูกน้องคอยติดตามข่าวของลลนากับลูกเสมอ ทันทีที่ได้ข้อมูลแน่ชัดว่าลลนาอยู่ที่นี่ เขาจึงมา บดินทร์ฉัตรดีใจเมื่อได้พบลูก มีความสุขเมื่อได้กอดได้หอม และอยู่กับลูกอย่างที่เขาต้องการ
‘ผมไม่เคยลืมลลนากับลูกเลย’ คำพูดของบดินทร์ฉัตรบอกความรู้สึกทั้งหมดของเขาได้ดี
ก่อนหน้านี้พัทนียังหวังอยู่ลึกๆ ให้หลานสาวเห็นแก่ลูกและพิจารณาการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับบดินทร์ฉัตรอีกครั้ง แต่เมื่อเขายืนยันกับลลนาว่ายังเกลียด ในฐานะป้าคงไม่มีความสุขถ้าหลานสาวต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเพื่อเติมเต็มคำว่า ‘พ่อ’ สำหรับลูกน้อย ครอบครัวที่อบอุ่นไม่จำเป็นต้องพร้อมด้วยพ่อ แม่ และลูกเสมอไป ยุคสมัยเปลี่ยนไปมากแล้ว ผู้หญิงยุคนี้แกร่งพอจะใช้ชีวิตและยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้าต้องร่วมชีวิตกับใครสักคนที่ไร้รักจนทุกข์หนักหนา การเลือกอยู่ได้ด้วยตัวเองถือว่าดียิ่งกว่าเป็นไหนๆ
“พักกินข้าวกินน้ำก่อนสิพ่อภัน”
พัทนียกแก้วน้ำเก๊กฮวยมาเสิร์ฟให้ช่างจำเป็น พร้อมข้าวผัดกุนเชียงจานใหญ่ที่เพิ่งปรุงเสร็จเมื่อครู่
“ขอบคุณครับคุณพัด อีกนิดเดียวก็จวนจะเสร็จแล้วครับ”
หน้าที่รกไปด้วยหนวดเครามอมยิ่งขึ้นเพราะน้ำมันจารบีเลอะแก้ม และคงไม่ใช่แค่ที่หน้า สองมือใหญ่ของเขาก็เลอะมากทีเดียว
“เรียนมารึ ดูคล่องเชียว”
“ครูพักลักจำน่ะครับ พวกลุงๆ น้าๆ พาซ่อมเครื่องเรือบ่อย พวกปั๊มพวกวาล์วก็พอผ่านมือมาบ้างครับ”
“ก็ดีนะ แล้วช่วงนี้พอหาปูหาปลาได้เยอะไหมล่ะ เห็นว่าเข้าหน้ามรสุมแล้ว รายได้คงน้อยลงสินะ”
พัทนีเลียบๆ เคียงๆ ถามเพราะเห็นหน่วยก้านของคัมภันใช้ได้ ช่างประจำรีสอร์ตลาออกไปแล้วเป็นเดือน จนป่านนี้ยังไม่มีใครมายื่นใบสมัครเลย นายช่างเก่งๆ ไม่สนใจทำงานกับรีสอร์ตเล็กๆ ที่เงินเดือนไม่สูงนัก ส่วนใหญ่ก็เข้าเมืองหางานกับบริษัทที่มั่นคงมากกว่า
“ก็น้อยลงครับ แต่ก็พออยู่ได้”
“สนใจทำงานกับฉันไหม ก็พวกงานซ่อมงานสวนเล็กๆ น้อยๆ นี่ละ ไม่ต้องมาทำทุกวันหรอก วันไหนพ่อภันออกทะเลได้ก็ไป วันไหนมีพายุ ออกไม่ได้ก็มาทำ”
คัมภันซับเหงื่อที่หน้าด้วยแขนเสื้อแล้วมองพัทนี เขาไม่ได้ตอบรับทันที แต่นิ่งคิดอยู่สักพักก่อนจะซักข้อสงสัยเพิ่มเติม
“แบบพาร์ตไทม์ใช่ไหมครับ”
“ใช่ แบบนั้นละ ค่าจ้างก็คิดเป็นรายวัน ฉันให้วันละห้าร้อย ถ้าพ่อภันสะดวกพรุ่งนี้ก็มาหาฉันนะ ทำผมเผ้าให้มันเรียบร้อย หนวดเครานั่นก็ด้วย ถ้าไม่ลำบากนักก็โกนออกไปเสียบ้าง”
พัทนีไม่ได้รังเกียจความรกของคัมภัน แต่ถ้าเขาต้องทำงานในรีสอร์ต พบปะคนมากมาย เกรงว่าลูกค้าจะตกใจ หน้าตาคมเข้มอย่างคัมภันคงดูดีขึ้น ถ้าเขารู้จักจัดแต่งตัวเองเสียบ้าง
“ผมจะเอาไปคิดดูครับ”
พัทนีพยักหน้า รู้สึกถูกชะตากับหนุ่มชาวเรือคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อสามปีก่อน คนพื้นที่แถบนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา คัมภันเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น และมีความสามารถพอตัว ที่สำคัญ เขาปกป้องหลานสาวของนางได้ ที่ลลนาเล่าให้ฟังยังแปลกใจไม่หาย คิดไม่ถึงว่าคัมภันจะกล้าซัดหน้าบดินทร์ฉัตรเพียงเพราะลลนาถูกผลักล้มลง พัทนีเชื่อเหลือเกินว่าบดินทร์ฉัตรจะไม่เลิกราวีโดยง่าย ดังนั้น การหาองครักษ์ดีๆ ให้หลานสาวสักคนจึงเป็นสิ่งที่ป้าคนนี้ควรทำ
ความคิดเห็น |
---|