9

ตอนที่ 9


 

9

หลังจากบ่มเพาะต้นรักจนเติบใหญ่ และรอคอยจนเรือนหอแล้วเสร็จสมดังใจแล้ว ยังต้องรอจนว่าที่เจ้าสาวเรียนต่อจนจบตามต้องการ และแล้ววันมงคลที่ทนายประจำตระกูลโภคินอภิวัฒน์รอคอยก็มาถึง

“วันนี้พี่ชินหล่อมากเลยนะครับ” กฤตภาสเอ่ยชมเจ้าบ่าว ซึ่งวันนี้ชายหนุ่มรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากพี่ชายคนโตต้องดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ส่วนน้องชายอีกสองคนก็รับอาสาดูแลเจ้าเสือน้อย ดังนั้นหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวอันทรงเกียรตินี้ เขาจึงได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

“คุณรองก็เท่มากๆ ครับ” เตชินยักคิ้ว ขณะยังยืนสำรวจความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัว

“โอ้โห ลุงชินของเสือน้อยเท่ระเบิดเลย” เสียงคุณเล็กที่เพิ่งอุ้มหลานชายตัวน้อยเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวพร้อมกับพี่ชายฝาแฝดร้องทักเจ้าบ่าว เตชินหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่วันนี้ถูกจับให้ใส่ชุดทักซิโดสีขาว หูกระต่ายสีชมพู เหมือนคุณอาฝาแฝดทั้งสองด้วยสายตาอ่อนโยน

“ใบบุญของลุงหล่อจังเลย” เตชินก้มลงกัดพุงกลมๆ ที่ชุดทักซิโดปิดแทบไม่มิด หนูน้อยใบบุญหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ก่อนจะเอามือน้อยๆ ตบไปตามท้ายทอยของคุณลุงทนาย แล้วจับทึ้งผมคุณลุงเล่นอย่างสนุกสนาน

“ใบบุญปล่อยผมคุณลุงก่อนครับ” คุณหมอกลางเดินเข้าไปจับมือน้อยๆ ของหลานชายออกมา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดมือเจ้าตัวเล็ก แล้วจึงยื่นมือไปอุ้มใบบุญเข้าไปล้างมือในห้องน้ำอีกที

“อนามัยดีไม่มีตกจริงๆ” พี่ชายคนรองหัวเราะในลำคอ เพราะผมของเจ้าบ่าวนั้นใช้เจลเซตมาอย่างดี คุณอาหมอจึงต้องรีบพาหลานรักไปล้างมือ ก่อนจะเผลอเอามือที่เปื้อนเจลนั้นเข้าปาก

“ผมอยากเห็นคุณกลางมีลูกเป็นของตัวเองจริงๆ” เตชินเอ่ยขณะเดินกลับไปที่กระจก แล้วหยิบหวีขึ้นมาจัดทรงผมของตนเองอีกครั้ง

“อาจจะถึงขั้นสั่งให้ทุกคนลวกมือในน้ำร้อนก่อนอุ้ม” จะมีใครรู้ใจคุณหมอกลางเท่ากับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในท้องเดียวกันถึงเก้าเดือน คุณเล็กส่ายหน้าก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โซฟามุมห้อง เมื่อล้างมือเจ้าตัวเล็กจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอกลางจึงพาเจ้าหนูใบบุญตามไปนั่งเล่นที่โซฟาเช่นกัน

“ทางนี้เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยหรือยัง” ประตูห้องแต่งตัวเจ้าบ่าวถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับการมาถึงของผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและคู่เขยของเจ้าบ่าว

“อ้าว ใหญ่ แกอยู่ห่างเมียได้ด้วยหรือวะ” เจ้าบ่าวเย้า

คนถูกเย้าไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะเดินไปอุ้มบุตรชายขึ้นมานั่งบนตัก

“วันนี้อ้อนอะไรครับ” คุณรองเอ่ยถามพี่ชาย

“วันนี้อยากกินกับข้าวฝีมือพี่” คุณใหญ่ตอบน้องชายพร้อมรอยยิ้มละมุน เมื่อนึกถึงความขี้อ้อนของบัวบูชาที่นับวันจะทวีคูณมากยิ่งขึ้น แต่เขาเองกลับเต็มใจที่จะให้ภรรยาออดอ้อนคลอเคลียอยู่เช่นนี้ไปนานๆ

“ผมว่าเจ้าตัวเล็กในท้องได้นิสัยพ่อไปเต็มๆ ใช่ไหมครับใบบุญ” คุณเล็กเอ่ย ก่อนจะก้มลงหอมแก้มยุ้ยของเจ้าเสือน้อยบนตักพี่ชาย

“คิดถึงตอนพี่ใหญ่อ้อนน้องบัวตอนขาหักเลยนะครับ” คุณหมอกลางหัวเราะในลำคอ ก่อนที่ทุกคนในห้องจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อย้อนนึกถึงวีรกรรมความรักของเสือใหญ่ ที่กว่าจะมีวันนี้ได้ก็ต้องใช้ทั้งหัวใจนำทาง และงัดกลยุทธ์ทุกแขนงมามัดใจสาวเจ้าให้อยู่หมัด เมื่อเห็นว่าทั้งคุณพ่อ คุณลุง และคุณอาหัวเราะร่วน เจ้าเสือน้อยก็ส่งเสียงคิกคักตามไปด้วย พร้อมกับยกมือยกเท้าประกอบ

“ส่วนคนนี้หน้าตาได้คุณแม่ แต่นิสัยได้คุณพ่อกับคุณอาไปเต็มๆ” เตชินส่ายหน้าให้แก่ท่าทางของหลานชายอย่างนึกเอ็นดู

“ใกล้ฤกษ์แล้วหนุ่มๆ ไปเตรียมตัวกันได้แล้วจ้ะ” คุณกานดา มารดาของเตชิน เข้ามาเตือนถึงในห้อง

“ครับผม” ห้าหนุ่มขานรับ

“งั้นก็ออกไปตั้งขบวนขันหมากได้แล้ว” แม่เจ้าบ่าวกล่าว แล้วจึงหันตัวกลับเดินออกจากห้องไป

“ฉันกลับไปดูน้องบัวก่อนนะ” คุณใหญ่เดินไปตบไหล่เจ้าบ่าว

“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวเมียร้องไห้หาอีก” เตชินแซ็ว

“เออ ไว้เจอเองแล้วจะรู้ ว่ามีเมียขี้อ้อนมันชื่นใจแค่ไหน” ว่าพลางโบกมือให้แล้วเดินหันหลังออกไป

 

“มากันแล้วจ้ะต้นแก้ว พี่ได้ยินเสียงกลองยาว” บัวบูชาเอ่ยเสียงตื่นเต้น ถึงแม้นว่าเธอจะเคยผ่านพิธีนี้มาก่อนแล้ว หากแต่พอถึงงานของน้องสาวก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี แก้วกัลยาหันไปจับมือมินตราเอาไว้แน่น

“พี่แก้ว มือเย็นมากๆ เลยค่ะ” มินตราส่งยิ้มให้กำลังใจพี่สาวนอกสายเลือด

“พี่ตื่นเต้นจังเลยน้องมิน ตอนงานพี่บัว พี่ว่าพี่ตื่นเต้นแล้วนะ วันนี้ตื่นเต้นยิ่งกว่าวันนั้นอีก ใจหวิวๆ ชอบกล” เจ้าสาวของงานเอ่ยเสียงสั่น

“จะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ เป็นเจ้าสาวเองก็ต้องตื่นเต้นกว่าอยู่แล้ว” บัวบูชาส่ายหน้า

“เป็นเจ้าสาวตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรือคะ” มินตราเอ่ยถามพี่สาวทั้งสองอย่างไร้เดียงสา

“มากเลยจ้ะ พี่เกือบเป็นลมเลยนะ ตอนที่ได้ยินเสียงกลองยาว” บัวบูชาถ่ายทอดประสบการณ์จริง

“แต่พี่แก้วจะไม่เป็นลมจริงๆ ใช่ไหมคะ” มินตราเอ่ยถามยิ้มๆ สามสาวหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“คิดว่ายังไหวจ้ะ” แก้วกัลยาตอบ พลางหลับตาลง แล้วกำหนดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อทำสมาธิและเรียกสติที่เตลิดให้กลับมา

 “พี่ออกไปดูข้างนอกก่อนดีกว่า เสียงดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้ว น้องมินอยู่กับต้นแก้วนะ” บัวบูชากล่าว ก่อนจะเดินออกประตูห้องไป

                ...

ทางด้านขบวนขันหมากที่มีสามเสือเดินเคียงคู่มากับเจ้าบ่าวของงาน คุณเล็กกับคุณหมอกลางผลัดกันอุ้มเจ้าเสือน้อยที่ออกอาการคึกกว่าทุกวัน เพราะเอาแต่โยกตัวแรงๆ ไปตามจังหวะกลองยาว พร้อมทั้งยกมือยกเท้าเต็มแรงที่มี จนทำให้สองคุณอาแทบจะหมดแรงในการอุ้ม

“สงสัยใบบุญจะดีใจที่น้าแก้วจะได้ออกเรือน เลยออกอาการมากกว่าใคร” คุณรองสะกิดเจ้าบ่าวให้มองหลานชายแก้มยุ้ย ที่ยังโยกตัวแรงคงเส้นคงวาตั้งแต่เริ่มตั้งขบวน

“เห็นใบบุญน่ารักแบบนี้ ผมก็อยากมีลูกเยอะๆ เลย” เตชินยิ้มกว้างตาหวานเยิ้ม เมื่อนึกถึงการเข้าหอที่รอคอยในคืนนี้

“พวกผมต้องไปหาซื้อไข่ไว้ให้พี่ชินหรือเปล่าครับ” คุณหมอกลางถาม

“ขออาหารเสริมด้วยนะคุณกลาง ต้องเร่งเครื่องกันหน่อย ไอ้ใหญ่นำไปสองประตูแล้ว” เตชินยักคิ้วตอบ

“อาสงสารน้าแก้วของใบบุญจริงๆ คงจะหนีตาแก่โรคจิตไม่พ้นแล้ว” คุณเล็กแสร้งก้มลงพูดกับหลานชาย และประโยคนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะของทั้งสี่หนุ่มได้พร้อมกัน

 

“มากันแล้วค่ะ” คุณน้ำเพชรร้องบอก ขณะเดินกลับมายังบริเวณที่จัดเตรียมไว้สำหรับทำพิธีในช่วงเช้า

“คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่หลานชายของพวกเราคึกหนักสุด รำนำหน้าขบวนมาเลย” เจ้าสัวก้องภพหันไปเอ่ยกับบิดาของลูกสะใภ้คนโต ผู้กำกับพิทักษ์ คุณเฟื่องฟ้า และคุณยายสายหยุด ส่ายหน้าก่อนจะหัวเราะออกมา

“งั้นผมไปรอรับขบวนก่อนนะครับ” คุณใหญ่หันไปเอ่ยขออนุญาตพ่อตา

“บัวไปด้วยนะคะ” บัวบูชาขยับตัวลุกตาม คุณใหญ่ทำท่าเหมือนจะห้าม แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะเชื่อได้ว่าหากขัดใจอะไรตอนนี้ งานดรามาน้ำตาท่วมจอต้องมาถึงก่อนขบวนขันหมากเป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินกลับไปประคองภรรยาแล้วพาเดินออกไปรอรับขบวนขันหมากพร้อมกัน

“ตาใหญ่นี่เจอฤทธิ์ทั้งมนุษย์แม่และมนุษย์เมียเลยนะคะท้องนี้” คุณเฟื่องฟ้าหันไปเอ่ยกับคุณน้ำเพชร

“พี่อยากจะให้มาเห็นตอนตาใหญ่อ้อนหนูบัวจริงๆ หนักกว่านี้เยอะเลยละ สงสัยหลานคนนี้จะได้นิสัยพ่อมาเต็มๆ” คุณน้ำเพชรอมยิ้ม

“ว่าไปก็อิจฉาผู้กำกับนะ ลูกๆ เป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว  ทางผมยังเหลืออีกตั้งสามหน่อ” เจ้าสัวก้องภพถอนหายใจ

“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันนะครับ ว่าลูกสาวผมจะมีครอบครัวไล่เลี่ยกันทั้งสองคน” ผู้กำกับขาโหดอมยิ้มเมื่อนึกถึงวีรกรรมของตนเอง ในการปราบหนุ่มๆ ที่เข้ามาพัวพันลูกสาวจนกระเจิงมาหลายต่อหลายราย

“ก็เกือบไปแล้วละ พ่อพีท ดีนะที่พ่อใหญ่กับพ่อชินเขาใจสู้ ไม่งั้นหลานสาวแม่ก็คงยังนั่งเล่นอยู่บนคานสบายใจกันไป” คุณยายสายหยุดส่งสายตาไปมองลูกเขยของตนอย่างนึกหมั่นไส้

                ...

เมื่อขบวนขันหมากเดินทางมาถึงแล้ว ก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะไปรับตัวเจ้าสาว คุณใหญ่รับเจ้าเสือน้อยมาจากคุณเล็ก ก่อนจะอุ้มลูกและจูงมือภรรยาเดินนำขบวนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวไปรับเจ้าสาวที่ยังถูกเก็บตัวอยู่ในห้อง  เตชินเคาะประตูห้องสามที คนที่มาเปิดประตูก็คือเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยนั่นเอง

“สวัสดีค่ะพี่ชิน” เพื่อนเจ้าสาวทักทายพร้อมรอยยิ้ม

“พี่ขอเข้าไปรับเจ้าสาวหน่อยนะครับน้องมิน” เตชินกล่าว พลางชะเง้อคอมองเข้าไปในห้อง

“แล้วพี่ชินมีอะไรมาเป็นของกำนัลในการเปิดประตูคะ” มินตรายักคิ้วอย่างน่ารัก และอาการนี้เองได้ทำให้เพื่อนเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ด้านข้างคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะขยับตัวขึ้นไปยืนคู่กับเจ้าบ่าวของงาน

“เจ้าเล่ห์นักหรือเรา หืม” กฤตภาสยกมือขึ้นกอดอก พลางพิจารณาเด็กในปกครองที่อยู่ในชุดล้านนาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

“นี่ครับพี่ชิน ของกำนัล” เพื่อนเจ้าบ่าวส่งซองให้เจ้าบ่าวทั้งหมดห้าซอง

“ขอบคุณครับคุณรอง” เตชินรับของ ก่อนจะยื่นของกำนัลดังกล่าวให้แก่นางเฝ้าประตูตัวน้อย

                “ได้ของกำนัลแล้ว ทีนี้จะเปิดทางให้เจ้าบ่าวได้หรือยัง” กฤตภาสเอ่ยถาม

มินตรายกซองแดงขึ้นมานับ ก่อนจะลอบสบตาบัวบูชาที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อพี่สาวคนโตพยักหน้า เธอจึงขยับตัวเล็กน้อยพร้อมกับผายมือเชิญเจ้าบ่าวเข้าไปด้านใน “เชิญค่า”

เมื่อเพื่อนเจ้าสาวเปิดทางอำนวยความสะดวกแล้ว เตชินจึงเดินเข้าไปในห้องที่มีนางในดวงใจนั่งรออยู่บนเตียง แก้วกัลยาผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้

“ในที่สุดเราสองคนก็มีวันนี้นะครับ” เจ้าบ่าวรั้งตัวเจ้าสาวเข้าสู่อ้อมกอด พร้อมกับกระซิบข้างหู

“แก้วตื่นเต้นจังเลยค่ะพี่ชิน” แก้วกัลยาซบหน้าลงบริเวณลาดไหล่ของเจ้าบ่าว เอ่ยเสียงสั่นเครือด้วยความประหม่าจนคนฟังสัมผัสได้ ชายหนุ่มละอ้อมกอดแล้วจึงจับไหล่ทั้งสองข้างของเจ้าสาวเอาไว้ จ้องมองใบหน้าหวานในชุดล้านนาประยุกต์อย่างเต็มตา เตชินอมยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วโน้มใบหน้าลงไปขโมยหอมแก้วใสไปฟอดใหญ่  แก้วกัลยาย่นจมูกใส่คนฉวยโอกาสเล็กน้อย ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปขโมยหอมแก้มสากของเจ้าบ่าวบ้างเช่นกัน

“ต่อไปนี้แก้มนี้เป็นของแก้วแต่เพียงผู้เดียว” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงแข็ง “อกกว้างๆ นี่ก็ของแก้ว” เจ้าสาวแสนซนลากมือมาหยุดอยู่ที่หน้าอกแกร่ง “อ้อมกอดนี้ก็ต้องเป็นของแก้วคนเดียวเท่านั้น” แก้วกัลยาส่งสายตาดุๆ ไปยังเจ้าบ่าว พร้อมกับทำหน้าทะเล้นก่อนจะสวมกอดเจ้าบ่าวเอาไว้แน่น เตชินลูบหลังเจ้าสาวพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในลำคอ ด้วยความพึงพอใจในการแสดงความเป็นเจ้าของจากคุณหมอแสนซนของเขาคนนี้

“ครับ พี่จะเป็นของน้องแก้วทั้งตัวและหัวใจ” เตชินกระซิบตอบ ก่อนจะจูงมือบางออกจากห้องเพื่อไปประกอบพิธีในช่วงเช้า

“เราควรซื้อไข่ให้น้องแก้วมากกว่านะครับงานนี้” คุณรองหันไปหารือกับพี่ชายคนโตที่กำลังยืนหัวเราะอยู่ข้างภรรยา

“ตอนแรกผมเป็นห่วงน้องแก้วนะครับ ที่เจอคนโรคจิตแบบพี่ชิน แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว เพราะผมเริ่มเป็นห่วงพี่ชินแทนแล้วละ” คุณเล็กเดินเข้ามาจับแก้มเจ้าเสือน้อยที่นอนซบอยู่กับบ่าของคุณใหญ่

“สงสัยหมอกลางคงต้องเตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเอาไว้ดูแลไอ้ชินเป็นพิเศษแล้วละ” คุณใหญ่เอ่ยกับน้องชายคนกลาง

“แต่ผมว่างานนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ เพราะพี่ชินมีทั้งคุณหมอและทหารดูแลอย่างใกล้ชิด งานนี้สบายหายห่วงทั้งเรื่องสุขภาพและสมรรถภาพ” คุณหมอกลางตอบพี่ชายเสียงระรื่น แล้วส่งสัญญาณให้ทุกคนเดินตามเจ้าบ่าวและเจ้าสาวออกไปยังบริเวณกลางบ้าน คงมีแต่มินตราเท่านั้นที่เอาแต่อมยิ้มพร้อมกับหันไปมองคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที  เหตุที่เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมก็เพราะกำลังประมวลผลแต่ละประโยคอยู่เงียบๆ

“ไปได้แล้ว” กฤตภาสหันหลังกลับมาแตะเรียวแขนบางให้เดินตาม

“คะ” คนใจลอยขานรับ

“เขาไปกันหมดแล้ว ยืนเหม่ออยู่ได้”

“อ๋อ ค่ะ หนูคิดอะไรเพลินไปหน่อย” มินตรายกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“แต่งตัวสวยแล้ว ก็ต้องมีสติด้วยนะ” เพื่อนเจ้าบ่าวกล่าวพร้อมกับยักคิ้ว ก่อนจะหันตัวกลับแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนแต่งตัวสวยยืนทำปากยื่นอยู่กับที่

“ชมใช่ไหมเนี่ย” มินตราย่นจมูก แล้วจึงค่อยๆ เดินเข้าไปในบริเวณงานเพื่อทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวต่อไป

 

“เพื่อนเจ้าสาวของต้นแก้วแจ่มมาก” เสียงคุณหมอปราบดา รุ่นพี่ของแก้วกัลยา เอ่ยเสียงระริกระรี้

“เห็นแก้วบอกว่าเป็นน้องสาวนะคะ” คุณหมอปลายฟ้าเพื่อนร่วมงานของแก้วกัลยา มองตามสายตาของคุณหมอรุ่นพี่ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่รู้มา

“น้องสาว หมอแก้วมีน้องสาวด้วยหรือ ไม่เห็นรู้มาก่อน” คุณหมอพุฒิชัย รุ่นพี่อีกคนของแก้วกัลยา เลิกคิ้วถามเจ้าของข้อมูลใหม่

“น้องสาวบุญธรรมค่ะ แต่สวยคมมากเลยนะคะ” คุณหมอสายป่านหันไปตอบคำถามพันโทนายแพทย์พุฒิชัย

“ผิวสีน้ำผึ้ง หน้าคม นัยน์ตาหวาน ตัวเล็กๆ แบบนี้ สเปกเลยว่ะ” พันโทนายแพทย์ปราบดา ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างหันไปยักคิ้วกับเพื่อนสนิท ก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนเจ้าสาวของรุ่นน้องอีกครั้งด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ

 

“ขอบคุณพี่หมอพุฒิ พี่หมอปราบ ฟ้า และป่าน มากๆ เลยนะคะ ที่มางานของแก้วในวันนี้ แก้วดีใจที่สุดเลยค่ะ” แก้วกัลยาเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่และเพื่อนสนิท

“พี่ขอแสดงความยินดีกับน้องแก้วอีกครั้งนะครับ” คุณหมอพุฒิชัย ผู้เฝ้าตามขายขนมจีบแก้วกัลยามาหลายปี แต่สาวเจ้าก็ไม่เคยสนใจ เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก ก่อนจะเลื่อนสายตาไปจับจ้องเจ้าบ่าวของงาน “ยินดีด้วยนะครับคุณเตชิน”

 เจ้าบ่าวยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะโอบเอวบางของเจ้าสาวเอาไว้ “ขอบคุณครับ” เตชินเอ่ยเสียงนุ่ม

“ฉันดีใจกับแกด้วยนะแก้ว ในที่สุดก็มีฝาชีแสนดีสมใจ” ร้อยเอกหญิงแพทย์หญิงสายป่านโอบกอดเพื่อนสนิทเอาไว้

“เสียดายที่วันนี้ขาดยี่หวา ไม่งั้นครบทีม” ร้อยเอกหญิงแพทย์หญิงปลายฟ้ากล่าว ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดแก้วกัลยาเอาไว้อีกคน

“ไว้ถึงงานแก ฉันจะขอให้ยี่หวาลางานล่วงหน้าสามเดือนเลย”  เจ้าสาวเอ่ยเสียงทะเล้น

“เพื่อนเจ้าสาวของน้องแก้วน่ารักจังเลยนะครับ” คุณหมอปราบดากล่าว พร้อมกับส่งสายตาไปยังเพื่อนเจ้าสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังคู่บ่าวสาว

“ลืมแนะนำไปเลยค่ะ นี่น้องมิน น้องสาวของแก้วค่ะ” แก้วกัลยาแตะแขนมินตรา พลางแนะนำให้กลุ่มคุณหมอได้รู้จัก

“น้องมิน นี่พันโทนายแพทย์ปราบดา พันโทนายแพทย์พุฒิชัย รุ่นพี่ของพี่แก้วค่ะ ส่วนด้านนี้คือพี่หมอฟ้าและพี่หมอป่าน เพื่อนสนิทพี่แก้ว”

มินตราประนมมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ กิริยามารยาทที่อ่อนช้อยงดงามนี้บัวบูชาคือผู้บ่มเพาะและถ่ายทอด ซึ่งมินตราก็ทำได้งดงามไม่มีที่ติเลยทีเดียว

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” คุณหมอปราบดาทักทาย พร้อมกับยื่นมือขวาออกมา หมายจะทักทายหญิงสาวตามธรรมเนียมสากล

“ฮึ ฮึ่ม” เสียงชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเจ้าบ่าวดังขึ้น

“ผมหิว ขอตัวสักครู่นะครับพี่ชิน” กฤตภาสเอ่ยกับเตชินเสียงห้วน ก่อนจะหันไปมองเพื่อนเจ้าสาวตัวน้อยตาเขม็ง

“มินตรา เธอเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เย็นไม่ใช่หรือ”

“ขะ...ค่ะ” มินตราตอบเสียงเบา

“งั้นพี่พามินตราไปเบรกแป๊บนึงนะครับน้องแก้ว” พูดจบ เพื่อนเจ้าบ่าวก็เดินจูงมือเพื่อนเจ้าสาวออกไปยังเคาน์เตอร์อาหารและเครื่องดื่มทันที มินตราละล้าละลัง แต่ก็ยอมเดินตามโดยดี

                ...

“อ้าว แล้วนั่นพี่รองจะลากมินตราไปไหนครับ” คุณเล็กมองตามพี่ชายคนรอง พร้อมกับร้องถามพี่ชายฝาแฝดและพี่ชายคนโต

“นั่นสิ หน้าตาไม่สบอารมณ์ด้วย” คุณใหญ่มองตามสายตาคุณเล็กก่อนจะแสดงความคิดเห็น

“เพื่อนเจ้าบ่าวคงไม่ได้จะไปหาเรื่องใครหรอกนะครับ” คุณหมอกลางชะเง้อคอมองตาม

 

“คุณรองคะ”

“คุณรองคะคุณรอง” มินตราเรียกชื่อคนที่เดินจ้ำอ้าวกึ่งลากกึ่งจูงเธอเดินลิ่วๆ ออกมา

“ว่าไง” เสียงห้าวเอ่ยตอบ

“ปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะ คุณรองเดินไว หนูวิ่งตามไม่ไหวแล้ว รองเท้ามันสูงมากเลยค่ะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงหอบ

“โทษที ฉันลืมไปว่าเธอเดินบนรองเท้าส้นสูง” คนขายาวกล่าว แล้วหยุดเดินทันที

“คุณรองหิวมากเลยหรือคะ งั้นไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูเดินไปตักอาหารมาให้” มินตราว่าพลางพยายามหมุนข้อมือเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมไปด้วย  แต่นอกจากเจ้าของมือจะไม่ยอมปล่อยแล้ว ยังจูงมือบางของเธอเข้าไปยังมุมหนึ่งของงานอีกด้วย

“เธอนั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันจะไปตักอาหารมาให้” ว่าพลางจับไหล่ของคนร่างเล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะย่อตัวลงแล้วค่อยๆ ยื่นมือไปจับข้อเท้าเล็กขึ้นมา จากนั้นบรรจงถอดรองเท้าคู่สูงออกอย่างเบามือ

“คุณรอง” มินตราเบิกตากว้าง

“ดะ...เดี๋ยวหนูถอดเองดีกว่าค่ะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับชักขาออก

 กฤตภาสเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวในปกครองเล็กน้อย ก่อนจะจับข้อเท้าข้างที่ยังไม่ได้ถอดรองเท้าให้อยู่นิ่ง แล้วจึงค่อยๆ ถอดรองเท้าข้างที่เหลือออกวางไว้ด้านข้าง

“เท้าแดงหมด” กฤตภาสส่ายหน้า ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์อาหารเพื่อตักอาหารสำหรับตัวเองและเด็กในปกครอง

                ...

“ถึงขั้นช่วยถอดรองเท้า” คุณหมอกลางเบิกตากว้างพร้อมกับสะบัดศีรษะไปมาแรงๆ

“ผมว่าต้องมีซัมติงแล้วนะครับ” คุณเล็กอ้าปากค้างกับกิริยาที่แสนนุ่มนวลของพี่ชายคนรอง ก่อนจะดึงสติกลับมาแล้วหันไปเอ่ยกับพี่ชายคนโต

“คงต้องดูกันไปห่างๆ ก่อน” คุณใหญ่ยกมือขึ้นลูบคาง พร้อมกับจับจ้องทุกการกระทำของน้องชายคนรองที่แสดงออกกับเด็กสาวในปกครอง

                ...

“เอ้า ทานของว่างรองท้องไปก่อน” กฤตภาสเดินกลับมาหามินตรา พร้อมกับจานของว่างและน้ำเปล่า มินตรายกมือไหว้ขอบคุณ แล้วจึงค่อยยื่นมือออกไปรับจานของว่างมาตักกินจนหมดเกลี้ยงจานในเวลาอันรวดเร็ว

“งั้นหนูขอตัวกลับไปหาพี่แก้วก่อนนะคะ” มินตราวางจานเปล่าลง ก่อนจะหยิบรองเท้าขึ้นมาสวม แล้วจึงลุกขึ้นก้าวเดินออกไป

“เดี๋ยว”

มินตราหมุนตัวกลับไปตามเสียงเรียก กฤตภาสขยับตัวก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆ เด็กสาวร่างเล็กที่อยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวสีฟ้าอ่อน เปิดไหล่แต่พองาม

“คะ” มินตราขานรับ

“อยู่ห่างๆ จากกลุ่มคุณหมอพวกนั้นด้วยก็แล้วกัน” ออกคำสั่งเสียงเรียบเพียงเท่านั้นก็หมุนตัวกลับไปสนใจจานอาหารต่อ

“ทำไมหรือคะ” มินตราย่นคิ้วถาม

                “ฉันเห็นพวกเขาดื่มกันหลายแก้ว น้ำเมาเมื่อเข้าปากใครแล้ว สติที่เคยมีก็จะลดน้อยถอยลง ไม่ใช่แค่คนกลุ่มนั้น แต่ฉันหมายถึงคนอื่นๆ ที่ดื่มแอลกอฮอล์ด้วย”

“เอ่อ ค่ะ” เด็กสาวรับคำ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในงาน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น